- 07 มิ.ย. 2563
แม่ค้าอาหารทะเลสดพลิกคำ กรณีถูกตร.พัทลุงรีดไถ หลังได้รับประสานให้ย้ายออกจากพื้นที่ รับปากดูแลอย่างดี
สืบเนื่องจาก แม่ค้าขายอาหารทะเลสด รายหนึ่งได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม กรณีถูกจับกุมหลังจากกลับมาจากรับหอย ปูและปลาทู จากในพื้นที่ จ.ตรัง และเดินทางกลับบ้านที่ จ.พัทลุง ในช่วงเคอร์ฟิว โดยเหตุเกิดพื้นที่ อ.เมือง จ.พัทลุง เมื่อคืนวันที่ 2 มิ.ย.ผ่านมา ซึ่งเธอเปิดเผยว่าโดนเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวตั้งด่านตรวจ พร้อมกับเรียกเงิน 80,000 บาท จนเจรจากันได้ลดเหลือที่ 1 หมื่นบาทแต่ตนก็ยังมีไม่ครบ ทางชุดจับกุมได้ต่อรองเอาปู หอย กุ้ง ที่อยู่ในรถ คิดเป็นเงิน 4,300 จนครบ พร้อมบอกอย่าได้เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ก่อนจะเป็นข่าวใหญ่เมื่อสื่อมวลชนในพัทลุงนำเสนอข่าวดังกล่าว
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : ผู้การพัทลุงสั่งย้ายเพิ่ม แก๊งตร.รีดเงินแม่ค้าอาหารทะเล สื่อคนจริงถามสารวัตร ลูกนักการเมืองใหญ่ โยงถึงหรือไม่ )
ขณะเดียวกันกรณีการก่อพฤติกรรมในลักษณะรีดไถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง ยังคงมีการเดินหน้าตรวจสอบเพิ่มเติม โดยในเพจเฟซบุ๊คของ "ไสว รุยันต์" ได้มีการสัมภาษณ์ 2 ผู้เสียหายที่เป็นวัยรุ่นแต่เคยโดนกระทำจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นเดียวกัน
โดยทั้งสองรายระบุว่า เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา พวกตนได้ถูกชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดยสารวัตรคนหนึ่งเข้าตรวจค้นบ้านพัก หมู่ 8 ตำบลท่ามิหรำ อ.เมือง จ.พัทลุง โดยไม่ได้มีการแสดงใบอนุญาตจากศาลยุติธรรมให้เข้าตรวจค้นแต่อย่างใด และหลังตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย พวกตนกลับถูกควบคุมพวกตนไปยัง สภ.เมืองพัทลุง
ทั้งนี้ภายในห้องทำงานของสารวัตร ได้มีการอ้างว่ามีชาวบ้านร้องเรียนเรื่องวัยรุ่นมั่วสุมกันที่บ้านพักจึงเข้าตรวจสอบ โดยตนยอมรับว่าเคยเสพยาจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวจึงตรวจปัสสาวะพวกตนทั้งสอง พบว่าเป็นฉี่ม่วง ก่อนที่สารวัตร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เริ่มต้นเจรจา บอกว่าไม่ต้องการเอาเรื่อง ไม่อยากจับกุมพวกตนส่งพนักงานสอบสวน แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน โดยขอให้พวกตนนำเงินจำนวน 40,000 บาท มาให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อแลกกับการปล่อยตัว แต่พวกตนมีเงินไม่ถึงขนาดนั้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวจึงให้พ่อแม่ของพวกตนไปหามา โดยจะลดให้ เหลือ 30,000 บาท คือเฉลี่ยจ่ายคนละ 15,000 บาท ก่อนที่พ่อแม่ของพวกตนจะไปหยิบยืมเงินจากญาติมาจนครบ 30,000 บาท ขณะที่พวกตนต้องนั่งอยู่ในห้องทำงานของ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าว จากเที่ยงวัน จนกระทั่งถึง 6 โมงเย็นกว่า ๆ และมีการจ่ายเงินในลักษณะมือต่อมือให้กับสารวัตร ถึงจะมีการปล่อยตัวพวกตนกลับบ้าน และก่อนกลับบ้านยังได้กำชับ ห้ามนำเรื่องดังกล่าวไปบอกใคร เพราะที่ช่วยเหลือเนื่องจากไม่ต้องการให้มีประวัติทางคดีติดตัว
"การกระทำของเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว เสมือนเป็นการอุ้มพวกตนไปเพื่อเรียกค่าคุ้มครอง ทั้งที่ในความเป็นจริงก่อนจะนำตัวพวกตนไปโรงพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องมีหลักฐานที่เป็นของกลาง ในเมื่อไม่มีของกลาง หากจะจับในข้อหาเสพ ก็ต้องตรวจให้พบในที่เกิดเหตุก่อน แต่กรณีนี้บังคับให้ขึ้นรถไปกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานเดียว ซึ่งพวกตนยอมรับว่าทำผิดเรื่องการเสพยา แต่พฤติกรรมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนี้เหมือนได้เตรียมการเรียกเงินไว้ก่อนแล้ว โดยหากไม่เจอฉี่ม่วงก็ปล่อยตัวโดยไม่ต้องจ่ายเงิน แต่พอเจอเหยื่อมีความผิด ก็ใช้วิธีเรียกเงินแลกกับการปล่อยตัว"
นอกจากนี้ในเพจเฟซบุ๊คของ "ไสว รุยันต์" ได้โพสต์การทำหน้าที่สื่อมวลชน ด้วยว่า " ความจริง คือความจริงนะ...อย่าพยามยามเอาหลักฐานเท็จมาต่อรองกับสังคมให้พ้นผิดเลย ...อย่าอ้างว่าพวกคุณถือกฏหมาย แล้วยัดแต่ความผิดให้ชาวบ้านอย่างเดียวนะ...หลักฐานเรามี พร้อมทยอยแฉ ลงสู่สังคมโซเซียล...รอดไม่รอด ใครแพ้ใครชนะ ..ในบทละครนี้ ตอนแรกยังไม่จบ ตอนสองกำลังทยอย ตอนสามกำลังตามหลังมา และตอน 4-5 กำลังรอคิวอยู่นะ"
ก่อนล่าสุดจะระบุว่าคดีรีดเงินแม่ค้าอาหารทะเล เกิดความไม่ปกติขึ้นในขั้นตอนการสืบสวนหาผู้กระทำผิด โดยมีคลิปเสียงที่บันทึกได้จากแม่ค้าคนดังกล่าว อ้างใจความในลักษณะตรงข้ามจากเดิมที่เคยให้ข้อมูลไว้ คือจากการกล่าวหาเป็นเข้าข้างเจ้าหน้าที่ตำวจ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสภ.เมืองพัทลุง ได้มีการโทรศัพท์มาขอเจรจาตกลง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เอาตัวเธอกับครอบครัวไปอยู่ต่างจังหวัด
พร้อมรับปากจะดูแลอย่างดีจนกว่าเรื่องเงียบ และเมื่อเข้าไปที่บ้านของแม่ค้าคนดังกล่าวพบว่า รถยนต์ของครอบครัวไม่ได้จอดอยู่ที่บ้านพักรวมถึงไม่สามารถติดต่อได้แล้ว
ที่มา : เพจเฟซบุ๊ค ไสว รุยันต์ , นสพ.ใต้สันติสุข