- 28 ก.ค. 2563
ล่าสุด นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่าตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาแถลงยืนยันว่าพนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง นายวรวุธ อยู่วิทยา หรือ บอส ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแล้ว และดำเนินการเพิกถอนหมายจับต่อไปนั้น
สืบเนื่องจากที่มีรายงานว่า พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลสูงธนบุรี มีคำสั่งยื่นอุทธรณ์คดี ขอให้ศาลไม่รอการลงโทษ นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 56 ปี เสี่ยเจ้าของธุรกิจผลิตและประกอบอะไหล่รถยนต์ จำเลยในคดีหมายเลขดำ 1839/2562 ของศาลอาญาตลิ่งชัน (ศาลจังหวัดตลิ่งชันเดิม) ในฐานความผิดขับรถด้วยความเร็วเกินอัตราที่กฏหมายกำหนด, ขับรถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้รับอันตรายสาหัสและทรัพย์สินเสียหาย และขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส รวม 3 ข้อหาจนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์
และคดีดังกล่าวยังถูกนำไปเปรียบเทียบกับอีกหลายๆ เหตุการณ์ในลักษณะเดียวกัน อาทิ กรณีของนายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ ซึ่งมีอาการเมาสุราขณะขับรถและได้พุ่งชน พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รอง ผกก.(สอบสวน) กก.2บก.ป.หรือรองตี๋ และนางนุชนาถ งามสุวิชชากุล ภรรยาจนเสียชีวิต รวมถึง ด.ญ.พิญาภา งามสุวิชชากุล หรือ น้องแพรว ลูกสาววัย12 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 12 เม.ย.62 ซึ่งนายสมชายได้สำนึกผิด และชดใช้ให้ครอบครัวผู้สูญเสียเป็นเงินถึง 45 ล้านบาท
ล่าสุด นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่าตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาแถลงยืนยันว่าพนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง นายวรวุธ อยู่วิทยา หรือ บอส ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแล้ว และดำเนินการเพิกถอนหมายจับต่อไปนั้น
กรณีที่เกิดขึ้นมีข้อพิรุธและข้อสงสัยที่สังคมไทยต้องการคำตอบจากอัยการและตำรวจถึง 9 ประเด็น ดังนี้
1)ตามระเบียบสํานักงานอัยการสูงสุดการสั่งคดีอาญาที่จะมีผลกระทบต่อผลประโยชน์อันสําคัญของประเทศกำหนดให้เป็นหน้าที่ของอัยการสูงสุดเท่านั้น เหตุใดรองอัยการสูงสุดจึงสั่งแทนได้
2)การระบุมีพยานใหม่ 2 รายที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่เพิ่งมาโผล่เป็นพลเมืองดีเมื่อเวลาผ่านไป 7 ปีมาแล้ว ซึ่งพยานในลักษณะนี้ในทางคดีไม่มีความน่าเชื่อถือที่จะรับฟังได้ มีพิรุธ แต่ทำไมอัยการจึงให้น้ำหนักกับพยาน 2 รายดังกล่าว
3)การที่ผู้ตรวจสอบความเร็วให้การในครั้งแรกว่า บอสขับรถด้วยความเร็ว 177 กม./ชม.เมื่อมีการร้องขอความเป็นธรรม ความเร็วของรถลดลงเหลือเพียง 76 กม./ชม. ซึ่งอัยการก็เชื่อตามนั้นได้อย่างไร เมื่อประจักษ์พยานที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่สำคัญคือ จุดที่รถจักรยานยนต์ผู้ตายไปตกอยู่ห่างจากจุดที่ชนถึง 163.6 เมตร หากความเร็วรถยนต์ 76 กม./ชม.จะลากยาวขนาดนั้นได้อย่างไร
4) ข้อมูลการพบสารแปลกปลอมในร่างกายของนายบอส ตามที่สน.ทองหล่อประสานมาให้ รพ.รามาธิบดีตรวจสอบพบ 1.สาร Alprazolam (อัลพาโซแลม) 2.สาร Benzoylecgonine(เบนซอยเลกโกไนน์) 3.สาร Cocaethylene(โคเคเอธทีลิน) และ 4.สาร Caffeine(คาเฟอีน) ทำไมจึงไม่ปรากฎในสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ที่ส่งไปยังอัยการเลย เช่นนี้จะสามารถใช้เป็นข้อมูลใหม่ในการรื้อฟื้นคดีได้หรือไม่
5)การร้องขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมาธิการกฎหมายฯ สนช.ซึ่งมิได้มีหน้าที่ใดๆในทางคดีตาม ป.วิ.อาญาเลยนั้น อัยการให้น้ำหนักความน่าเชื่อถือได้อย่างไร ทั้งๆที่มีข้อพิรุธมากมาย
6)การปล่อยให้บอสหลบหนีไปต่างประเทศหลังจากประกันตัวออกไป โดยไม่มีการติดตามและระมัดระวังอย่างเพียงพอ และไม่สามารถนำตัวมามอบให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลได้ จนนำไปสู่การขอเลื่อนคดีถึง 7 ครั้ง การกระทำเช่นนี้ในทางคดีเรียกว่าเป็นการประวิงคดี อัยการไม่รู้เชียวหรือ
7)การตั้งข้อหาให้นายดาบตำรวจที่เสียชีวิตว่าเป็นจำเลยร่วมในคดี ทั้งๆที่เป็นผู้เสียหายในคดีซึ่งขัดต่อข้อเท็จจริงที่สังคมรับรู้ร่วมกัน เป็นเทคนิคทางคดีที่เด็กอมมือก็รู้ แต่อัยการไม่รู้เชียวหรือ
8)กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่ามีมูลความผิดตำรวจ 7 นาย ฐานเจตนาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในข้อกล่าวหาหลายๆข้อ ซึ่งล้วนมีน้ำหนักในทางคดีมาก เหตุใดอัยการจึงไม่ให้น้ำหนักต่อรายงานของ ป.ป.ช.ดังกล่าว
9)คดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจกันของสาธารณชน เป็นคดีใหญ่ ในการสั่งคดีนั้นต้องคำนึงถึงระเบียบสํานักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของอัยการ 2547 โดยเคร่งครัดให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาของประชาชน ตามข้อ 5 ณ เวลานี้ท่านอัยการได้ปฏิบัติครบถ้วนแล้วหรือ
วันนี้ ( 28 ก.ค.) คณะทำงานตรวจสอบการพิจารณาสั่งคดีของอัยการ 7 คนจะประชุมกัน และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของฝ่ายตำรวจก็จะต้องหาข้อสรุปกันภายใน 15 วันนั้น ก็หวังว่าท่านทั้งหลายจะไม่ทำให้คดีนี้กลายเป็นปัญหาที่นำไปสู่การทำลายเสาหลักแห่งความยุติธรรมไปเสียสิ้น ถ้าเสาหลักล้ม หน่วยงานของพวกท่านก็จะมีปัญหาตามไปด้วย
ก่อนหน้านั้น นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกอัยการสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุ ว่า ขณะนี้คณะทำงานทุกคนรับทราบคำสั่งแล้ว และประธานคณะทำงานได้สั่งให้ตน ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะทำงานเร่งประสานคณะทำงานทุกคน พื่อประชุมโดยเร็ว โดยคาดจะประชุมนัดแรกได้ในวันที่ 28 ก.ค. 2563 เพราะอัยการต้องการให้ความจริงปรากฎเร็วที่สุด โดยเบื้องต้นจะศึกษาสำนวนก่อนว่าสั่งคดีอย่างไร ส่วนแนวทางการตรวจสอบประธานคณะทำงานจะเป็นผู้พิจารณา ส่วนผลการตรวจสอบของคณะทำงานจะมีผลเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมได้หรือไม่ นายประยุทธ ปฏิเสธที่แสดงความความเห็น