เปิดปูมคดีฉาวก้องโลก ฎีกายืนจำคุก จุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าฯททท. พร้อมลูกสาว

สืบเนื่องจากคดีเมื่อปี 2552 เมื่อคำตัดสินของคณะลูกขุน นครลอสแอลเจลิส ที่ตัดสินว่า นายเจอรัลด์ กรีน และนางแพทริ เซีย กรีนส์ สองสามีภรรยา เจ้าของบริษัทผลิตภาพยนตร์ในฮอลลีวูด ของสหรัฐฯ มีความผิดข้อหาติดสินบน นางจุฑามาศ ศิริวรรณ โดยจ่ายเงินให้นางจุฑามาศไปทั้งหมด 1.8 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 60 ล้านบาท เพื่อให้ ททท. คัดเลือกเป็นผู้จัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพ หรือ Bangkok International Film Festival ( BIBF ) ปี 2546 – 2550

สืบเนื่องจากคดีเมื่อปี 2552 เมื่อคำตัดสินของคณะลูกขุน นครลอสแอลเจลิส ที่ตัดสินว่า นายเจอรัลด์ กรีน และนางแพทริ เซีย กรีนส์ สองสามีภรรยา เจ้าของบริษัทผลิตภาพยนตร์ในฮอลลีวูด ของสหรัฐฯ มีความผิดข้อหาติดสินบน นางจุฑามาศ ศิริวรรณ โดยจ่ายเงินให้นางจุฑามาศไปทั้งหมด 1.8 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 60 ล้านบาท เพื่อให้ ททท. คัดเลือกเป็นผู้จัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพ หรือ Bangkok International Film Festival ( BIBF ) ปี 2546 – 2550

เพราะมันคือ ใบเสร็จ ที่ยืนยันว่า อดีตผู้ว่า ท.ท.ท.รับเงินใต้โต๊ะ แล้วถูกฝรั่งจับได้คาหนังคาเขา ซึ่งอัยการสหรัฐฯ ระบุว่า สินบนบางส่วน จ่ายเป็นเงินสด ประมาณ 10-20 % ที่เหลือโอนเข้าบัญชีลูกสาวและเพื่อนของนางจุฑามาศ แล้วชดเชย ด้วยการโก่งราคาค่าจัดงาน ทั้งนี้เงิน 60 ล้านบาท ที่นางจุฑามาศ โกงไป จึงเป็นเงินหลวง เป็นภาษีของประชาชน ที่ถูกนางจุฑามาศยักยอกไป

กระทั่งต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้มีคำพิพากษาจำคุก จุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่า ททท. และลูกสาว'นางสาวจิตติโสภา ศิริวรรณ ในคดีสินบนข้ามชาติบางกอกฟิล์ม เฟสติวัล โดยพิพากษาจำคุกคนละ 11 กระทงโดยจำคุกนางจุฑามาศ กระทงละ 6 ปี รวม 66 ปี แต่ตามกฎหมายจำคุกสูงสุดได้ 50 ปี , น.ส.จิตติโสภา บุตรสาว กระทงละ 4 ปี รวม 44 ปี และสั่งริบเงินที่ผิดจำนวน 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ และดอกผลซึ่งศาลกำหนดทรัพย์สินเป็นเงิน 62 ล้านบาทเศษ

 

เปิดปูมคดีฉาวก้องโลก ฎีกายืนจำคุก จุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าฯททท. พร้อมลูกสาว

อ่านข่าว - ยุคนี้ขี้โกงนอนคุก!ศาลคดีทุจริตฯไม่อนุญาตประกันตัว"จุฑามาศ ศิริวรรณ"อดีตผู้ว่าททท.กับลูกสาวโดนจำคุกรวมกว่า100ปีคดีรับสินบนงานบางกอกฟิล์ม!?!

 

ล่าสุดวันนี้ ( 16 พฤศจิกายน 2563 ) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อท.(ผ) 46/59 ที่อัยการคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางจุฑามาศ ศิริวรรณ อายุ 73 ปี อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ น.ส.จิตติโสภา ศิริวรรณ อายุ 46 ปี บุตรสาว เป็นจำเลยที่ 1-2 จากกรณีรับเงินตอบแทน สามี-ภรรยาชาวสหรัฐอเมริกา นักธุรกิจภาพยนตร์ เพื่อให้ได้สิทธิในการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ ปี 2002 - 2007 (หรือปี พ.ศ.2545 2550) มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2558
 

 

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 มี.ค. 60 เห็นว่า การจัดจ้างโครงการเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ มีการกำหนดเงื่อนไขโดยวิธีตกลงราคาหรือวิธีพิเศษ ไม่เหมาะสม ไม่เป็นไปตามข้อบังคับของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2538 โดยเฉพาะโครงการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ ปี 2546 ไม่เป็นการจ้างบริษัทที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์ที่เคยทราบหรือเคยเห็นความสามารถผลงานมาแล้ว โดยนางจุฑามาศ จำเลยที่ 1 คบคิดกับนายเจอรัลด์ และนางแพทริเซีย กรีน นักธุรกิจในสหรัฐฯ จัดตั้งบริษัทเข้ามาเป็นคู่สัญญากับ ททท. และยังเรียกรับเงินสินบนจากนายเจอรัลด์ โดยโอนเงินไปยัง น.ส.จิตติโสภา จำเลยที่ 2 กับเพื่อน 59 รายการเป็นเงิน 1,822,294 เหรียญสหรัฐ

พฤติการณ์ของนางจุฑามาศ จำเลยที่ 1 จึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ.2542 มาตรา 12 และผิดฐานเรียกรับทรัพย์สินฯ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6 ,12 ให้จำคุกนางจุฑามาศ จำเลยที่ 1 รวม 11 กระทงๆ ละ 6 ปี เป็นจำคุกทั้งสิ้น 66 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงตามกฎหมายแล้ว ให้จำคุกสูงสุดเป็นเวลา 50 ปี และจำคุก น.ส.จิตติโสภา จำเลยที่ 2 รวม 11 กระทงเช่นกัน กระทงละ 4 ปีโดยจำคุกทั้งสิ้น 44 ปี ขณะที่ศาลมีคำสั่งให้ริบเงินกระทำผิด 1,822,494 เหรียญสหรัฐ และดอกผลที่เกิดขึ้นให้ตกเป็นของแผ่นดินด้วย โดยเงินนั้นเป็นทรัพย์ที่ฝากอยู่ในธนาคารต่างประเทศ ศาลจึงได้กำหนดมูลค่าทรัพย์ที่สั่งริบนั้น เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 62,724,776 บาท


ศาลอุทธรณ์แผนกคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาและพิเคราะห์พยานหลักฐานอื่นตามหลักการพิจารณาคดีอาญาแล้ว จึงเห็นควรพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุก น.ส.จิตติโสภา จำเลยที่ 2 รวม 10 กระทง (จากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 11 กระทง) กระทง ละ 4 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 40 ปี ส่วนนางจุฑามาศ จำเลยที่ 1 คงจำคุกตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น 11 กระทงๆ ละ 6 ปี จำคุกทั้งสิ้น 66 ปี แต่เมื่อรวมโทษตามกฎหมายแล้ว ให้จำคุกสูงสุดเป็นเวลา 50 ปี


อย่างไรก็ตาม ศาลอุทธรณ์ฯ ยังมีคำพิพากษาให้ยกคำสั่งริบทรัพย์ของศาลชั้นต้นที่ให้ริบเงินที่เป็นการกระทำผิดซึ่งเป็นเงินในบัญชีต่างประเทศกว่า 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐด้วย เนื่องจากเป็นการวินิจฉัยเกินคำขอ เพราะคดีนี้อัยการโจทก์ไม่ได้มีคำขอให้ริบของกลางหรือเงินใดๆ ไว้ท้ายฟ้อง ขณะที่วันนี้ศาลฎีกา มีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์


นอกเหนือจากคดีอาญา ที่มีบทลงโทษว่าด้วยการจำคุกผู้กระทำผิด ก่อนหน้านั้น นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  ในขณะนั้น กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า “คดีนี้จะใช้เป็นตัวอย่างในเรื่องการประสานความร่วมมือกับต่างประเทศในการติดตามทรัพย์สินคืน ส่วนแนวทางการพิจารณาของศาล และความร่วมมือกับต่างประเทศจะรวดเร็วขึ้นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับประเทศต้นทาง สำหรับสหรัฐฯมั่นใจว่าไม่มีปัญหา คดีนี้ประสานกับสหรัฐฯได้ ในความร่วมมือต่อ ๆ ไป จะดำเนินการตามแนวทางความร่วมมือนี้กับทุกประเทศ”


ทั้งนี้จากการประสานข้อมูลกับประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งพบว่านางจุฑามาศมีทรัพย์สินเป็นเงินฝากในต่างประเทศ 6 ประเทศ คือ ประเทศอังกฤษ ไอร์แลนด์ สิงคโปร์ เกาะเจอร์ซีย์ และสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีบุตรสาวเป็นผู้ถือครองแทน รวมทรัพย์สินประมาณ 1.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 65 ล้านบาท


สำหรับเส้นทางการเงินที่ ป.ป.ช. ร่วมมือกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ตรวจสอบพบนั้น เริ่มต้นจากประเทศไทย โอนเงินไปที่แคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ก่อนที่จะมีการโอนต่อไปอีก 3 ประเทศ ได้แก่ อังกฤษ ไอร์แลนด์ และเกาะเจอร์ซีย์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ขณะเดียวกันได้กระจายเงินออกไปอีก 2 ส่วน คือเงินจากสิงคโปร์ ไปที่สวิตเซอร์แลนด์ และเงินจากอังกฤษไปที่ไอร์แลนด์ และสวิตเซอร์แลนด์อีกด้วย"

 

เปิดปูมคดีฉาวก้องโลก ฎีกายืนจำคุก จุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าฯททท. พร้อมลูกสาว