- 21 ม.ค. 2562
นับว่าเป็นดาวค้างฟ้านางเอกตลอดกาลอีกท่านที่ยังอยู่ในใจแฟนละครหลายๆคนสำหรับ "เพชรา เชาวราษฎร์ " แม้ว่าตอนนี้สื่อจะไม่ได้เห็นหน้าของเธอมาเป็นเวลานานเนื่องจากคุณเพชรา ประสบปัญหาด้านสุขภาพ
นับว่าเป็นดาวค้างฟ้านางเอกตลอดกาลอีกท่านที่ยังอยู่ในใจแฟนละครหลายๆคนสำหรับ "เพชรา เชาวราษฎร์ " แม้ว่าตอนนี้สื่อจะไม่ได้เห็นหน้าของเธอมาเป็นเวลานานเนื่องจากคุณเพชรา
ประสบปัญหาด้านสุขภาพ แต่แม้จะไม่ได้ออกสื่อแต่ความสวยของคุณเพชรา ยังคงอยู่เสมอ ถึงอายุจะมากแล้วก็ตามแต่ก็ไม่อาจทำอะไรคุณเพชรา ได้เลย และล่าสุดกับคืนวันที่ 19 ม.ค. 62 ที่ผผ่านมาถือเป็นวันเกิดของคุณเพชรา ในวัย 76 ปี
โดยบรรยากาศในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยความอบอุ่นมีการควงคู่สามี คุณชรินทร์ นันทนาคร เข้างานทักทายแขกที่มาร่วมงาน ด้วยสีน่ายิ้มแย้ม นอกจากนี้คุณชรินทร์ ยังร้องเพลงหยาดเพชร ให้ภรรยาสุดที่รักอีกด้วย และภายในงานยังมีเพื่อนๆ พร้อมลูกหลานมาร่วมในงานวันเกิดของคุณเพชรา อย่างอบอุ่น
ชีวิตส่วนตัวเมื่อครั้งวัยสาว คุณเพชราเคยมีคู่หมั้นเป็นลูกเศรษฐีเจ้าของอู่ต่อเรือประมงเมื่อตอนที่อายุ 15 ปี โดยผู้ใหญ่จะตัดสินใจรับหมั้น แต่ด้วยความที่อายุน้อยจึงบ่ายเบี่ยงไปตลอดเกือบ 2 ปี
ครั้นเมื่อจวนจะถึงวันสมรส เพชราจึงหนีไปก่อนวันเข้าพิธี 20 วัน อันเป็นเหตุที่ทำให้พ่อแม่เธอชดใช้ค่าเสียหายจำนวนมากและหลังจากนั้นก็มีชายหนุ่มมากหน้าหลายตาแวะเวียนเข้าหาเธอเพื่อหวังสานสัมพันธ์แต่เธอปฏิเสธทั้งหมด
เธอมีความสนิทสนมกับมิตร ชัยบัญชาอย่างสูง หลังรู้จักกันครั้งแรกจากการแสดงภาพยนตร์เรื่อง บันทึกรักของพิมพ์ฉวี ซึ่งถ่ายทำนานราว 3-4 เดือนจนสนิทสนมกันเพชรากล่าวว่าเธอมองมิตรเป็นพี่ชายที่แสนดีของเธอเพราะเกิดปีเดียวกับพี่ชายคนโตจึงรักและเคารพยิ่ง และมิตรเองก็ทำหน้าที่ปกป้องเพชราหากมีผู้ชายเจ้าชู้เข้ามาใกล้เธอหลังมิตรเสียชีวิต เพชรากล่าวว่าเธอฝันเห็นเขาหลังจากนั้นกว่า 20 ปีคุณเพชรา สมรสกับชรินทร์ นันทนาคร (ศิลปินแห่งชาติ ปี 2541 สาขาศิลปะการแสดง) นักร้องเพลงไทยสากล เพชราและชรินทร์ร่วมงานครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง แพนน้อย จนกระทั่งได้แสดงหนังเรื่อง แผ่นดินแม่ หลังฝ่ายชายได้เลิกรากับสปัน เธียรประสิทธิ์ไปก่อนหน้านี้ในปี พ.ศ. 2518 เพชราและชรินทร์จึงตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน ทั้งคู่แต่งงานกันเงียบ ๆ เลี้ยงเพื่อนร่วมวงการเพียงไม่กี่คน
ประมาณ พ.ศ. 2515 เธอเริ่มมีปัญหาเรื่องสายตา เนื่องจากในการถ่ายภาพยนตร์ต้องใช้แสงไฟสว่างจ้าใช้เวลารักษาอยู่หลายปี จนกระทั่งตาบอดสนิททั้งสองข้าง เมื่อ พ.ศ. 2521ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายที่เธอแสดง คือเรื่อง ไอ้ขุนทอง ซึ่งเธออำนวยการสร้าง และแสดงเป็นแม่ของพระเอก รับบทโดยสรพงศ์ ชาตรี สาเหตุของการตาบอดของเพชรา มาจากการไม่ได้พักสายตา ไม่ว่าจะเป็นบทบาทที่ต้องร้องไห้บ่อย การขับรถไปทำงานเอง ประกอบกับสมัยนั้น ถ่ายหนังต้องใช้ไฟแรง หรือใช้รีเฟล็กซ์เยอะ ช่วงหลัง ๆ ที่ถ่ายหนังเรื่อง “ไทยใหญ่” เมื่อปี 2513 เริ่มแสบตา แต่เธอก็ยังขับรถไปถ่ายหนังต่างจังหวัดเอง และอดทนแสดงภาพยนตร์จนถึงเรื่องสุดท้ายคือ “ไอ้ขุนทอง” เข้าฉายในปี 2520
เมื่อดวงตาเริ่มมีปัญหา จึงไปหาหมอ แต่ว่าไม่ได้ไปตามนัดโดยสม่ำเสมอ เพราะต้องไปถ่ายหนัง บางวันก็อยู่ต่างจังหวัด พออาการเริ่มหนักขึ้น ถึงขั้นขับรถปีนเกาะกลางถนนหลายครั้ง ช่วงที่อาการหนักมาก ๆ ก็พยายามรักษาทุกวิถีทาง ครั้นเมื่อแพทย์ให้ยารักษาตามารับประทาน เธอได้แพ้ยาดังกล่าวจนตัวบวม จากเดิมน้ำหนัก 47-48 กิโลกรัม ขึ้นหนัก 60 กว่ากิโลกรัม ต้องซื้อเสื้อผ้าคนท้องมาใส่ ผมร่วงหมดศีรษะ ฝ้าขึ้นดำไปทั้งหน้าทั้งตัว เมื่อตัวบวมมาก ๆ ก็หายใจไม่ออกกลืนน้ำก็ไม่ได้ ต้องเข้าไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล การทำงานของไตหยุด พิษยาจึงคั่งค้างทำให้ตัวบวม ต้องรอให้พิษยาลดลง จากที่เคยสวมแว่นดำและนั่งแท็กซี่ไปไหนมาไหนได้เอง ตอนหลังก็มองไม่เห็น ออกไปไหนคนเดียวไม่ได้ ครั้งเวลาต่อมาเธอจึงเข้าผ่าตัดดวงตาด้วยหวังใจจะรักษาให้หาย แต่ผลกลับทำให้ตาที่เห็นเลือนรางกลายเป็นบอดสนิทในที่สุด หลังตาบอดสนิทในกลางปี 2524 หลังจากนั้น เธอก็ไม่ปรากฏตัวที่ไหนอีกเลย
ขอบคุณเฟซบุ๊ก Chowaphant Maha , เพชรา เชาวราษฎร์