- 20 ส.ค. 2563
กอล์ฟ เบญจพล ฟาดแรง หลังทำหน้าครบ 70 วัน ถูกชาวเน็ตบูลลี่ไม่เลิก
เรียกว่ายังคงมีกระแสบูลลี่ไม่เลิกจริงๆ หลังจากที่ นักแสดงหนุ่มอารมณ์ดี กอล์ฟ-เบญจพล เชยอรุณ นับตั้งแต่เจ้าตัวตัดสินใจทำศัลยกรรมลดขนาดจมูก โดยล่าสุดทางด้านของ กอล์ฟ เบญจพล ก็ได้มีโอกาสออกมาอัปเดตความเป๊ะของจมูกใหม่ หลังใช้เวลาพักฟื้นมานานกว่า 70 วัน รวมถึงความตั้งใจในอนาคต และฟีดแบคต่างๆ โดยเฉพาะกระแสวิพากษ์วิจารณ์ด้านลบที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์
ศัลยกรรมเปลี่ยนโฉม 2 เดือนแล้วเป็นยังไงบ้าง
“จมูกก็คงเล็กลง แต่ยังไม่เข้าที่ต้องรอดูว่า 6 เดือนแล้ว จะเข้าที่ขนาดไหน ถ้ายังไม่สมใจอยากมาก เดี๋ยวปีหน้าว่ากันใหม่ ฉันเป็นซีรี่ส์ 2 (หัวเราะ) ประเด็นหลักคือเราตั้งใจแก้ให้เหมือนแม่เหมือนพ่อและพี่ชายอยู่แล้ว ถ้าทำแล้วยังไม่เหมือนก็ต้องแก้เป็นเรื่องธรรมชาติ พอลองมาศึกษาเขาบอกว่าคนทำศัลยกรรมครั้งแรกแล้วจะดีเลย มีน้อยคนมาก เราก็รอดูแล้วกัน แต่ก็หวังว่าจะดีขึ้นภายใน 6 เดือน ไม่ต้องทำใหม่"
"ผมรู้สึกว่าตอนนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงเยอะแล้ว เพียงแต่ว่าทรงมันยังไม่ได้โอเค ตรงจมูกที่โตเป็นเนื้อหมด วิธีการแก้คือต้องเอาไขมันและพังผืดออก เราคิดว่าเป็นสเต็ปที่ต้องทำใจสูง เพราะแค่นี้ก็จะแย่อยู่แล้ว คือถ้าสวยแล้วเราก็โอเค ไม่ทำเพิ่ม เพราะกลัวเจ็บตัวอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่สวยอาจจะยอมเฉือนออก จมูกจะได้เล็กลง”
ทำแล้วเป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้ไหม ?
“ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ได้คาดหวัง เพราะเราไม่เคยทำ ไม่รู้ว่าต้องประมาณไหน แต่หลังจากทำมาแล้ว น้องคนที่เคยทำมา เขาก็จะบอกว่าผมเราทำถูกต้องแล้ว ต้องค่อยๆ ทำ เหลือไว้ให้แก้ได้ดีกว่า ถ้าทำไปครั้งแรกเลย อาจไม่เข้ากับหน้าก็ได้ แล้วค่อยมาดูอีกทีว่า 6 เดือน ลีนไปได้แค่ไหน ถ้ายังไม่ได้สมใจอยากจริงๆ ก็ค่อยแก้เพิ่มเติม”
ได้คุยกับหมอหรือยังว่าต้องทำอย่างอื่นต่ออีกไหม ?
“หมอบอกว่า 6 เดือนคุยกันใหม่ ซึ่งเราก็เข้าใจได้ ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง เพราะทักกันมาเยอะมาก แต่ต้องบอกว่าการทำศัลยกรรมต้องใช้เวลาจริงๆ เดี๋ยวรอดูอีก 6 เดือนค่อยมาว่ากันดีกว่า”
ที่เช็กล่าสุดหมอว่ายังไงบ้าง ?
“หลังจากแถลงข่าวไปเมื่อเดือนที่แล้ว แผลก็บวมน้อยลง เนื้อก็รัดแกนซิลิโคนจมูกมากขึ้น เพียงแต่ว่ามันยังสามารถรัดได้อีก เพราะมันยังเกาะกันไม่สนิท คนเลยทักว่าตาตี่ แถมบอกอีกว่าพี่กอล์ฟผ่าตาอีกสิ ผมก็บอกว่าแค่นี้จะขาดใจอยู่แล้ว ใจเย็นๆ ครับ เดี๋ยวตาจะเบิกโตขึ้น”
จากนี้ถ้าเกิดว่ายังไม่เข้าที่ คุณหมอได้บอกแนวทางไหมว่าต้องทำยังไงต่อ ?
“ถ้าต้องแก้ก็ต้องแก้ ไม่มีอะไรต้องซีเรียส เพียงแต่ว่าเราก็คงต้องรอให้ละครปิดก่อน ปีหน้าค่อยว่ากัน”
เรารู้สึกพอใจกับหน้าใหม่ไหม ?
“ผมโอเคแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าพอ 6 เดือนแล้วจะเป็นยังไง ก็อยากรู้เหมือนกัน”
กระแสที่เข้ามาในแง่ลบทำให้เราเสียเซลฟ์ไหม ?
“ผมตอบไปแล้วว่าเราไม่สามารถทำให้ทุกคนมารักเราได้ คนที่เขาไม่ชอบ ยังไงก็ไม่ชอบอยู่ดี เราเอาเวลาไปทำให้คนที่เขาชอบเรามีความสุขดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับ รวมถึงเพื่อนฝูง ทุกคนก็จะมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาให้เรา ส่วนข้อความจากผู้ที่ไม่มีอะไรทำ ว่างมาก ชอบบูลลี่คน ซึ่งเราไปห้ามเขาไม่ได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาคุ้นชินไปแล้ว อันนี้ก็อย่างที่ผมฝากบอกไป เราอยากอยู่กับสังคมที่ชอบบูลลี่อย่างนี้จริงๆ เหรอ"
"เรามาช่วยกันไหมครับ รณรงค์ให้การบลูลี่ค่อยๆ หายไป เพราะถ้าจะให้หายไปเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ ผมไม่สามารถเปลี่ยนความรู้สึกของทุกคนได้ เพียงแต่ผมมาทักให้ฟังในวันนี้ เพราะผมไม่ใช่คนที่ถูกบลูลี่ และรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ผมมีภูมิคุ้มกันของตัวเองอยู่ เพียงแต่ว่า ณ ปัจจุบันนี้ถ้าหากว่าเราได้ไปอ่านใน กูเกิ้ลหรืออะไรเยอะ ๆ จะรู้เลยว่าการบลูลี่คนก่อให้เกิดสิ่งต่างๆ ตามมา เป็นลูกโซ่ ทำให้ก่อเกิดโรคซึมเศร้า ทำให้คนฆ่าตัวตาย คุณเป็นฆาตกรทางอ้อมนะครับ คุณชอบเหรอแบบนั้น"
มีหลายคนเข้าไปคอมเมนต์บูลลี่ในทุกรูปที่เราโพสต์ ?
“สำหรับผมมีแค่สองเคสหลักๆ เลยที่ขอ คืออย่าเข้ามาในพื้นที่ของผม ทั้งอินสตาแกรม และติ๊กต๊อก รวมถึงเฟซบุ๊ก อย่าเข้ามาคอมเมนต์ในพื้นที่ของผม เพราะผมมีพื้นที่นี้ไว้ให้กับแฟนคลับ ให้คนที่รักผมได้เข้ามพูดคุยกัน ได้มาสนุกสนานกัน ซึ่งนิสัยผม ผมเป็นคนที่ตอบคอมเมนต์ตลอดนะ และเดี๋ยวนี้พอผมบังเอิญอ่านเจอว่ามีคอมเมนต์ลักษณะนี้พวกนี้ ผมก็จะอารมณ์เสียอารมณ์ คือขอนะครับอย่าเข้ามาในพื้นที่ของผม ส่วนนอกเหนือจากนั้นคุณจะเข้าไปคอมเมนต์กันในพื้นที่ของคุณตรงไหนซึ่งผมไม่รู้ แต่มันเป็นความสุขของคุณ คุณก็ทำไป แต่อย่าดิสเครดิตสินค้าที่ผมขายแค่นั้นเอง"
"คือหลังๆ มันเริ่มมีลามปามไงครับ อย่างเช่น 'อินสตาแกรมพี่กอล์ฟขายที่ปลูกผม พี่กอล์ฟไปศัลยกรรมปลูกผมมาล่ะสิ' ซึ่งรู้สึกว่าไม่ได้นะแบบนี้ อย่าลามปาม เอาแค่กำลังดีก็พอ เพราะผมไม่เคยไปปลูกผม ดังนั้นผมถึงได้ออกมาทักไงครับว่าอย่าบูลลี่ และอย่าสนใจคนอื่นให้มันมากเกินไป สนใจตัวคุณก่อน ปัจจุบันนี้คุณเป็นคนดีหรือยัง คุณมีน้ำใจให้กับสังคมบ้างหรือยัง"
พอมีคนเข้ามาคุกคามบูลลี่สินค้าที่เราเป็นพรีเซนเตอร์ในพื้นที่ของเราแบบนี้ เป็นไปได้ไหมว่าเราอาจจะต้องมองไปถึงการแจ้งความ ?
“เตือนไปแล้วรอบหนึ่งครับ ที่ผมพิมพ์แจ้งไปนี่คือเตือนนะ ไม่ได้วอนขอ เพียงแต่ว่าสื่อบางสื่ออาจจะไปบอกว่า 'กอล์ฟ เบญจพล วอนขอ หยุดบูลลี่' ซึ่งไม่ใช่นะครับ เพราะผมใช้คำว่าหยุด หยุดหมายความว่าเตือน เตือนแล้ว เพราะถ้าหากว่ามาวุ่นวายกับสินค้าผมอีก ผมก็บอกแล้วว่ามันมี พรบ. คอมพิวเตอร์อยู่ ถ้าผมจำไม่ผิดนะ มันปรับไม่เกิน 200,000 บาท จำคุกไม่เกิน 3 ปีประมาณนี้"
"ซึ่งผมจะบอกว่าถ้าหากว่าคุณลามปามจนเกินไป ก็คงจะต้องไปดำเนินคดีในส่วนตรงนั้น และก็ในส่วนของการดำเนินคดีของผม ถ้าหากว่าผมจะเอาเรื่อง ผมบอกไว้เลยนะผมจะเอาเรื่องให้มันเป็นเคสตัวอย่าง เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าใครแจ๊คพอตโดนผมเอาเรื่อง ไม่มีการยอมความนะครับ ต่อให้คุณโดนแจ้งความแล้ว คุณมาบอกว่าพ่อป่วย แม่ไม่สบาย น้องกำลังเรียน แจ้งความหมดนะ เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าใครอยากจะบูลลี่ผมและไม่อยู่ในขอบเขต คุณก็ต้องเช็กในบัญชีก่อนว่ามีเงิน 200,000 บาทจ่ายหรือเปล่า เพราะถ้าไม่มี แจ้งความจับติดคุกอย่างเดียวนะครับอเพราะว่าผมรู้สึกว่ามันต้องมีเคสตัวอย่างเกิดขึ้นในบ้านเราได้แล้ว”
มีเล็งไว้หรือยังว่ากรณีไหนอาจจะโดนเป็นรายแรก ?
“มีครับ ผมบอกเลยนะครับว่าทุกคนที่เข้ามาบูลลี่ผม ผมประกาศไว้ก่อนเลยนะครับว่าเราได้แคปพวกคุณเก็บไว้หมดแล้ว คือคุณเห็นผมเงียบๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่ทำอะไรนะ ผมแคปพวกคุณเก็บไว้หมดแล้ว เพียงแต่ว่าวันไหนคุณจะแจ๊คพอตแค่นั้นเอง”
รู้สึกเสียเซลฟ์บ้างไหม ?
“ไม่ครับ ผมบอกเลยว่าผมไม่ได้สนใจและไม่สนใจจริงๆ เพียงแต่ที่ผมออกมาพูดวันนี้ เพราะผมเห็นว่าอย่างน้อยผมก็เป็นคนหนึ่งที่พอจะเป็นกระบอกเสียงได้ อย่างน้อยสื่อก็น่าจะลงในสิ่งที่ผมพูด ผมจึงอยากรณรงค์ว่าการบูลลี่ในสังคมบ้านเราควรลดลงและหายไปได้แล้ว มันไม่ได้เหมาะกับบ้านเราหรอกครับ สังคมไทยเราอยู่กันอย่างมีน้ำใจ เอ็นดู ช่วยเหลือ เราเล่นโซเชียลฯ แบบมีขอบเขตดีกว่าครับ"
ส่วนตัวแล้วเราอยากให้จมูกเรามันเล็กลงกว่านี้ไหม ?
“อยากให้มันสวย แต่ไม่รู้ว่าคำว่าสวยมันจะออกมาเป็นยังไง คือผมแค่อยากให้มันดีขึ้นเท่านั้นเอง และเหมือนที่ผมเคยบอก ผมไม่ได้ศัลยกรรมเพราะอยากหล่อ แต่ผมศัลยกรรมเพราะว่าบนใบหน้ามันมีสิ่งที่มีปัญหาแค่นั้นเองครับ”
ถ้าเราทำเพิ่มกลัวคนจะมองว่าเสพติดศัลยกรรมไหม ?
“ผมเป็นคนกลัวการทำศัลยกรรมนะ และจุดเริ่มต้นของการทำก็คือผมต้องการแก้จมูก ทำให้จมูกเล็กเหมือนกับคนที่บ้าน ดังนั้นผมจึงต้องเตือนตัวเองตลอดครับว่าแค่นั้นนะคือสิ่งที่ต้องการ”
ณ ตอนนี้เราอยากทำอะไรเพิ่มอีกไหม ?
“ไม่อยากแล้ว เพราะว่าหลักๆ เลยที่บอกคือที่มันมีปัญหาบนใบหน้าเรา คือปากที่มันเป็นติ่ง มันก็หายไปแล้ว มันไม่เป็นติ่งแล้ว และก็อย่างที่พี่บอกมันก็ต้องรอ มันตอบไม่ได้ เพราะผมก็ไม่รู้หรอกว่าอีก 6 เดือน จะเป็นยังไง"