เปิดประวัติ "พเยงซา ลอร์" สาวงามชาวม้ง ผ่านฉลุยเข้ารอบ 16 คน

จบไปแล้วสำหรับเวทีการประกวด Miss Universe 2022 รอบสุดท้าย Final Competition และในที่สุด อาร์บอนนีย์ เกเบรียล (R'BONNEY GABRIEL) สาวงามจากประเทศ สหรัฐอเมริกา ก็สามารถคว้าตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์ส 2022 หรือ Miss Universe 2022 และครอบครองมงกุฎสุดล้ำค่าได้สำเร็จ 

ส่วนรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ อแมนดา ดูดาเมล จาก เวเนซุเอลา ในขณะที่ แอนเดรย์นา มาร์ติเนซ จาก สาธารณรัฐโดมินิกัน ได้รองชนะเลิศอันดับที่ 2

และต้องบอกเลยว่ามีอีกสาวงามคนหนึ่งที่มาแรงมากในเวทีการประกวดครั้งนี้ สำหรับ ตัวแทนสาวงามจาก “สปป.ลาว” อย่าง “พเยงซา ลอร์ (Payengxa Lor)” ที่เธอผ่านฉลุยเข้าไปถึงรอบ 16 คนสุดท้าย

"พเยงซา" เกิดเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2544 ปัจจุบันอายุ 21 ปี เป็นชาวม้ง เธอเป็นสาวชาวม้งคนแรกที่เข้าร่วมการประกวด Miss Universe Laos และเป็นชาวม้งคนแรกที่มาไกลถึงเวทีโลกอย่าง Miss Universe ครั้งที่ 71 ซึ่งในการประกวดชุดประจำชาติที่ผ่านมาเอง เธอก็สวมใส่ชุดที่แสดงวัฒนธรรมและตัวตนชาวม้งของเธอด้วย

เธอเล่าว่า เธอเติบโตมาอย่างยากจน และตระหนักดีถึงความสำคัญของการศึกษา เพราะเธอเชื่อว่า การศึกษาสามารถขจัดความยากจนได้

เรื่องราวที่น่าประทับใจของเธอคือ เธอพยายาม “เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง” จนทุกวันนี้เธอเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ และเธอเชื่อว่าเธอจะเป็นแรงบันดาลใจด้านการศึกษาให้กับใครหลายคนได้

"พเยงซา" บอกว่า เธอเชื่อว่าภาษาอังกฤษไม่ใช่กุญแจสู่ความสำเร็จ แต่เป็นเครื่องมือสู่ความสำเร็จ “ถ้าคุณรู้ภาษาอังกฤษ คุณจะเป็นเหมือนเสือที่ติดปีก”

นอกจากงานหลักของการเป็นครูสอนภาษาแล้ว พเยงซายังเป็นอาสาสมัครเพื่อสนับสนุนผู้ด้อยโอกาส นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ และเธอยังเคยคว้าเหรียญเงินในกีฬาเทควันโดด้วย

ในเวทีการประกวด Miss Universe ครั้งที่ 71 นี้ นอกจากจะเป็นครั้งแรกที่มีสาวงามจากลาวเข้ารอบ 16 คนสุดท้ายแล้ว พเยงซายังเป็นเจ้าของสถิติสาวงามที่ใช้เวลาเดินทางมาเข้าร่วม Miss Universe 2022 นานที่สุด โดยใช้เวลาเดินทางจากลาวมายังนิวออร์ลีน รัฐลุยเซียนา ประเทศสหรัฐฯ ถึง 48 ชั่วโมง โดยต้องเดินทางยาวถึง 5 ต่อกว่าจะได้มายืนบนเวทีอันทรงเกียรตินี้

"พเยงซา" ยังเป็นตัวแทนของหญิงสาวที่เลือกเส้นทางเดินของตัวเอง หลังจากพ่อแม่ของเธอต้องการให้เธอแต่งงาน แต่เธอบอกพวกท่านว่า เธอต้องการเลือกทางเดินของตัวเอง และนั่นทำให้เธอได้มายืนอยู่บนเวทีนี้

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ thainewsonline