- 19 ก.ย. 2566
"มาตัง เดอะสตาร์" ออกโรงป้อง "สไมล์" ไม่ใช่เด็กเลี้ยงแกะ แฉซ้ำเคยถูกผู้ใหญ่คนเดียวกัน คุกคาม ผวาจนคิดอยากจบชีวิตตัวเอง
จากกรณีที่ สไมล์ ภาลฎา หรือ สไมล์ เดอะสตาร์ 8 ได้มาเปิดใจในรายการ De-Talk EP.17 เผยปมในใจเมื่อตอนอายุ 15 ปี หลังเข้าวงการบันเทิงไม่นาน ถูกพี่คนหนึ่งที่ไว้ใจ เคารพเหมือนแม่ มาคิดในเชิงชู้สาว เมื่อได้บอกกับผู้ใหญ่กลับไม่มีใครเชื่อ และถูกมองว่าเป็นเด็กเลี้ยงแกะ จนทำให้ชีวิตในวงการบันเทิงเป๋ไป กลายเป็นโรคซึมเศร้า และเกือบคิดลาโลก
ล่าสุดทางด้าน มาตัง ระดับดาว หรือ มาตัง เดอะสตาร์ 11 ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เล่าเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเธอเอง มีลักษณะคล้ายกับสไมล์โดยเกิดจากผู้ใหญ่คนเดียวกัน โดยระบุว่า
"เรื่องปมในใจพี่สไมล์ 10 ปี และเป็นปมในใจมาตัง 8 ปี ผู้กระทำ คนเดียวกัน ตังขอเวลาเรียบเรียงเรื่องราวของตัวเอง และจะมาเล่าให้ทุกคนฟัง เพื่อเป็นบทเรียน และให้ระวัง สำหรับ น้อง ๆ ศิลปินคนใหม่ๆ ที่จะอยู่ในค่าย และอาจจะเป็นเหยื่อคนต่อไป จะไลฟ์ในไอจี @matunggggg ไม่ต้องฟอลก็ได้ค่ะ แค่รอฟังก็พอ"
ต่อมา มาตัง เดอะสตาร์ ออกมาไลฟ์สดยืนยันโดนคุกคามคนเดียวกัน ตอนที่ตนอายุ 15 ปี โดยระบุว่า
"เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนตังอยู่ ม.4 - ม.6 แต่ไม่ขอเอ่ยถึงว่าคนนั้นเป็นใคร หลังประกวดจบรายการตอนนั้นแต่ละคนไม่ได้มีผู้จัดการเป็นของตัวเอง ตังเป็นเด็กต่างจังหวัดเลยไม่มีผู้จัดการ 100 เปอร์เซ็นต์ พี่คนนี้เลยยื่นมือมาช่วยเหลือในเรื่องการทำงาน แรกๆเรารู้สึกขอบคุณที่เขาช่วยเหลือดูแล เราเลยไว้ใจพี่คนนี้มาก เราทำอะไรเรารายงานเขาหมด
แต่เรื่องมันแย่ลงตอนที่เราเริ่มมีความรัก ตอนพูดคุยกับเพศตรงข้าม พอพี่เขารู้มันมีเหตุการณ์ที่พี่เขาไม่โอเค กีดกันตัง ทั้งที่เราไม่เคยนัดเจอกันนอกโรงเรียน มันเริ่มหนักขึ้นตอนที่เขาคุกคามในพื้นที่ส่วนตัวเรา ทำให้จิตตกมากๆ ถึงขั้นอยากจบชีวิตตัวเองไปเลย เพื่อพ่อแม่จะได้สบายใจ จะได้ไม่ต้องมาเจอเขาอีก
เขาเอามือถือไปดูว่าตอบแชทอะไรยังไงบ้าง แล้วก็ตำหนิ และมีครั้งที่มาหาถึงโรงเรียน เรียกตังและผู้ชายคนนั้นมาคุยให้เลิกคุยกัน เขาคาดหวังให้ตังเป็นศิลปินโด่งดังสุดๆ ซึ่งก็เข้าใจว่าเขาหวังดี แต่บางอย่างมันเกินความสามารถเขา สุดท้ายก็เลยต้องเลิกคุยกัน แต่ก็ยังติดต่อกันอยู่ จนเขารู้ เขาก็มาดักรอที่หน้าโรงเรียนเพื่อมาแอบดูว่า ตังมาโรงเรียนหรือยังและมากับใคร เพื่อนๆทุกคนเห็น เขาชอบทำตัวลับๆล่อๆหน้าโรงเรียน ชอบบุกมารับที่โรงเรียน มาพูดว่าเขาเห็นนะว่าเราทำอะไร เขาฟอลโลไอจีเพื่อนของมาตังทุกคน เพื่อดูว่าตังทำอะไรบ้าง เขาสนับสนุนให้ตังคบผู้หญิงด้วยกัน
ช่วงคอนเสิร์ต Big Mountain ปีแรกที่มาตังขึ้น เพื่อนผู้ชายคนแรกบอกว่าเขาจะไม่มา แต่สรุปมาเขามาเซอร์ไพรส์วันเกิดเรา เราบอกพี่ผู้หญิง (ผู้จัดการคนดังกล่าว) ว่าเราจะไปหาเพื่อนนะ อยู่ๆพี่เขาก็เดินมาทำหน้าหาว่าเราโกหก ความจริงเราไม่รู้ว่าเขาจะมา คืนวันนั้นพี่เขาเอามือถือตังไปเปิดไลน์ดูว่าตังคุยกับใครบ้าง และเช็กว่าเรารู้หรือไม่รู้จริง ๆ ถ้าโดนฟ้องก็ไม่เป็นไรค่ะ เราเก็บเรื่องนี้มานาน 8-9 ปี เนื่องจากเขาคนนั้นมีตำแหน่งค่อนข้างใหญ่ในค่ายนั้น
แถมมีการไปขู่ผู้ชายกับแม่และยายสั่งให้เลิกยุ่งกับตัง ไม่งั้นจะแจ้งความว่าคุกคาม ผู้ชายเลยตัดสินใจเลิกยุ่งเพราะไม่อยากให้ที่บ้านเดือดร้อน หลังจากผู้ชายคนแรกก็มีคนใหม่เข้ามาคุย และเราบอกเขาว่าห้ามเข้ามายุ่งกับความสัมพันธ์นี้ วันดีคืนดีเราไปกินข้าวกับเพื่อนและไปดูหนังกับผู้ชายคนนั้นต่อ พี่ผู้จัดการคนนั้นไม่เชื่อ 1-2 วันต่อมา เขาดักเจอตังที่โรงเรียน เรียกไปคุยที่คอนโด เขาไปเอาภาพจากกล้องวงจรปิดตอนตังซื้อตั๋วหนัง ทำให้ตังช็อกมาก ไม่เชื่อสายตาตัวเอง กลัวมาก
ตอนที่เลิกคุยกับคนแรก เราก็มีคิดถึง มีทักหาเพื่อนเขาโทร. คุยกันบ่อยๆทุกวัน เพราะในโรงเรียนเราหนีหน้ากันตลอด จนวันหนึ่งเขาเรียกตังไปที่ค่าย เป็นกระดาษประวัติการโทรของเรา "กูงงมาก เอามาจากไหน ...ให้ได้ยังไง" เขาเอาประวัติการโทร. ว่าตังโทรหาใครเยอะที่สุด เขาก็เอาเบอร์ไปแอดไลน์ แล้วถึงรู้ว่าเป็นเพื่อนของคนที่เคยคุย ก็มาติตังอีกว่า ไหนว่าจะไม่ติดต่อกัน แต่ที่งงคือค่ายโทรศัพท์ให้ประวัติการโทร. ได้ยังไง
ตอนนั้นมืดแปดด้าน กลายเป็นคนวิตกจริต จากที่เคยชอบร้องเพลง กลายเป็นเกลียดการร้องเพลง ทุกครั้งที่รู้ว่ามีงาน ตังไม่มีพลังเลย รู้สึกผิดกับพี่ๆ แฟนคลับทุกคนมาก (ร้องไห้) ตอนนั้นมันไม่อยากร้องเพลง ทั้ง ๆ ที่เราชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก แต่พอมาเจอสิ่งนี้รู้สึกไม่อยากทำงาน ผ่านทุกๆวันมาได้ด้วยการถามตัวเองว่า เมื่อไหร่กูจะตาย (ร้องไห้) คิดจะกระโดดคอนโด คิดว่าถ้าไม่มีเรามันน่าจะจบ เรื่องมันนานมากแล้ว แต่มันเป็นผลกระทบเรากลายเป็นพวกวิตกกังวล เวลาไปเดินห้างไปเที่ยว ต้องคอยดูว่าพี่เขาเดินมาไหม พี่เขาคอยแอบดูหรือเปล่า ทั้ง ๆ ที่ผ่านมานานมากแล้ว ตังใช้ชีวิตไม่มีความสุขเลยสักวันเดียว
ตังเคยบอกพ่อกับแม่ เขาไม่ผิดนะคะที่เขาจะไว้ใจผู้ใหญ่ที่มาดูแลตัง แม้จะรับรู้ว่าบางเหตุการณ์เขาจะทำเยอะไป แต่พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่ด้วย กลายเป็นเราพูดอะไรเหมือนเด็กโกหก พี่เขาแปลงสารเวลาพูดกับพ่อแม่ สำหรับมีพี่สไมล์ มีเข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ แต่ผู้ใหญ่ไม่เชื่อ ส่วนตังไม่เคยคุยกับใครเลย มีเพื่อนก็ไม่กล้าเล่าเพื่อนรู้จักกับเขา กลัวเพื่อนเอาที่เล่าไปบอกพี่เขา
ถามว่า เขาทำกับเราเชิงชู้สาวไหม ไม่ แต่เขาคุกคามพื้นที่ส่วนตัวเรา มันมีหลายเหตุการณ์ ตั้งแต่ม.4- ม.6 มันนานกว่าจะหลุดจากเขาได้
เคยไปเที่ยวฮ่องกง 2 คน กับพี่เขา ขอแม่ว่าไม่ไปได้ไหมแต่พี่เขาซื้อตั๋วจองทุกอย่างหมดแล้วเราเลยต้องไป สิ่งที่เขาทำคือ ไม่ให้ตังใช้ Wi-Fi หรือซิมมือถือเลย ด้วยความที่เป็นเด็กเราไม่รู้ เห็นเขาโทรได้ แต่พอถามของหนูล่ะ เขาบอกไม่ต้องหรอก เป็นเด็กมาเที่ยว เราใช้ได้แค่ไวไฟโรงแรม ต้องแอบเล่นมือถือ พี่ๆเดอะสตาร์ ยังมาแอบแซวว่า "เขาชอบมึงหรือเปล่าวะ" เขาไม่ได้ชอบหรอกทำแบบนี้ เขาไม่เคยลวนลามตัง คือเราลุคห้าว ไม่ได้หวานแบบพี่สไมล์
ก่อนจะออกมาพูด แม่ก็โทรหาถามว่าจะออกมาพูดจริงเหรอ ที่ตังออกมาพูดเรื่องนี้เพื่อยืนยันว่า สิ่งที่พี่สไมล์เจอคือเรื่องจริง ไม่ได้โมเมนะ เพราะเป็นคนเดียวกันที่ทำกับตัง ตามที่พี่สไมล์เล่า เขามาในคราบแม่ ตัวติดตังมาก สุดท้ายมาตังใช้เวลาหลายปีกว่าจะหลุดจากพี่คนนี้มาได้ มาตังยืนยันว่าสิ่งที่สไมล์โดนเป็นเรื่องจริง พี่คนนี้มีตัวตนอยู่จริง เป็นผู้ใหญ่มีตำแหน่งมีเครดิตที่เห็นได้ตามงานอีเวนต์บ่อยๆ และปัจจุบันยังอยู่ในบริษัทเดิม ชีวิตสุขสบายดี"