- 15 ต.ค. 2567
"ลีซอ" ธีรเทพ วิโนทัย อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทยชื่อดัง แถลงหลังแจ้งความยืนยันเป็นผู้เสียหายจาก ดิไอคอนกรุ๊ป เล่าถึงบอสพอล จุดที่ทำให้รีบตัดขาด
วันนี้ (15 ต.ค.) เวลา 17.00 น. กัน จอมพลัง พร้อมด้วย "ลีซอ" ธีรเทพ วิโนทัย อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทยชื่อดัง เดินทางไปยังกองบังคับการปราบปราม เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ในฐานะเป็นผู้เสียหายที่ถูกบริษัท The Icon Group หลอกลงทุนและนำภาพถ่ายไปแอบอ้างชักชวนลงทุน หลังก่อนหน้านี้ มีเพจโซเชียลออกมาเปิดโปงว่า ลีซอมีภาพถ่ายคู่กับบอสพอล พร้อมข้อความยินดีต้อนรับลีซอเข้าสู่ครอบครัว The iCon Group ซึ่งภายหลังลีซอได้โพสต์ชี้แจงว่า ตนเองไม่ได้เป็นแม่ทีมและตกเป็นผู้เสียหายที่สูญเสียเงินไป 220,000 บาท โดยที่ของไม่ได้ขายและไม่ได้มีการชักชวนใครมาสมัครทั้งสิ้น
ลีซอ กล่าวว่า วันนี้ต้นเดินทางมาแสดงความบริสุทธิ์ใจยืนยันว่าตัวเองเป็นผู้เสียหายและไม่เคยชักชวนใครมาร่วมลงทุน สำหรับจุดเริ่มต้นของการเจอกับบอสพอลคือช่วงโควิด ตนได้รู้จักกับน้องที่เป็นแม่ข่ายของ The iCon Group โดยน้องคนนี้บอกว่า ทางบอสพอลต้องการซื้อ ATK จากภรรยาตนซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่าย
ก่อนที่ต่อมา ทางแม่ข่ายได้ชักชวนให้ตนไปพูดคุยที่ออฟฟิศของ The Icon เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องการซื้อขาย ATK และได้พบกับบอสพอลในวันนั้น โดยการคุยส่วนใหญ่เป็นการคุยเรื่องส่วนตัวของบอสพอลและพาแนะนำบริษัท แนะนำรถซุปเปอร์คาร์ประมาณและให้ทดลองสินค้าคอลลาเจน ซึ่งแม่ข่ายและบอสพอลก็จะชักชวนให้ตนเปิดบิล ด้วยความที่ตนรู้จักกับรุ่นน้องที่เป็นแม่ข่ายและอยากช่วยน้อง รวมทั้งเห็นว่า ด้วยการพูดจาหว่านล้อมของบอสพอลและเห็นว่ามีภาพดาราเบอร์ใหญ่หลายคนเลยมองว่าเป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือ ก็เลยเปิดบิลสินค้าคอลลาเจนจำนวน 10 กว่าลัง เป็นจำนวน 220,000 บาท มีส่วนลดให้ 3,000 บาท
ลีซอยืนยันว่า ตนได้เจอคุณพอลครั้งนั้นครั้งเดียว โดยบอสพอลได้ขอถ่ายรูปกับตนและพาแม่ข่ายคนอื่นมาถ่ายรูปด้วย ซึ่งตนก็ยินดีให้ถ่ายอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ทราบว่าเขาจะนำรูปถ่ายดังกล่าวไปทำอะไร เข้าใจว่าน่าจะมีการโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียของเขาเป็นปกติ แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ยืนยันว่าไม่มีการแจ้งว่านำภาพถ่ายไปเป็นพรีเซ็นเตอร์
อย่างไรก็ตาม หลังเปิดบิลไปปรากฏว่า ตนไม่ได้สินค้าจริง เพราะอ้างว่าเป็นการสต็อกของเอาไว้ แต่ภายหลังเช็คสินค้าในระบบกลับพบว่า สินค้าที่ตนถูกสต็อกของนั้นขายในราคาต่ำมากและขายได้ไม่เท่าไหร่ เลยทำให้ตนรู้สึกผิดสังเกตว่า ทำไมราคาสินค้าถึงต่ำขนาดนี้ รวมทั้งรู้สึกสงสัยในพฤติกรรมการอวดของบอสพอล เมื่อหลังจากไม่สามารถขายสินค้าได้ ตนก็เลยตัดขาดการติดต่อและไม่ได้พูดคุยอะไรกับบอสพอลอีกเลย
ลีซอ กล่าวอีกว่า ยอมรับว่าตนเองเป็นคนปากหนักและไม่กล้าที่จะปฏิเสธการเปิดบิล แต่ยืนยันว่าไม่เคยไปพูดชักชวนให้ปลุกคนอื่นมาร่วมลงทุนกับบริษัทนี้เลย แม้ตนจะไม่ได้รู้สึกเสียดายเงินที่เสียไป แต่ในวันนี้ตนถือว่าเป็นผู้เสียหายและเพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตนเอง โดยขอยืนเคียงข้างประชาชน
ทั้งนี้ ตนไม่ได้รู้สึกตกใจกับภาพและข่าวที่ปรากฏออกไปและทำให้คนเข้าใจผิด เพราะตนก็เชื่อมั่นว่า ตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในพฤติการณ์การเป็นแม่ข่ายและรู้อยู่แล้วว่า ตัวบอสพอมีพฤติกรรมการอวดและนำรูปตัวเองไปลงในโซเชียลมีเดียเป็นปกติ ส่วนรุ่นน้องที่เป็นแม่ข่ายก็ยังมีการพูดคุยตามปกติ แต่เลือกที่จะไม่พูดถึงบริษัทนี้อีก
นอกจากนี้ ยังมีอดีตผู้บริหารระดับสูงของบริษัท The Icon ได้เดินทางมาพร้อมกับลีซอด้วย แต่ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใด ๆ แก่สื่อมวลชน เพราะเกรงว่าหากให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนแล้วจะส่งผลกระทบต่อรูปคดี โดยจะให้ข้อมูลกับทางตำรวจเท่านั้น