- 25 ต.ค. 2567
เผยอาชีพ 2 แม่ลูก นัตตี้ ไดอารี่ กับแม่ ที่ทำขณะหนีหมายจับอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย ต้องหลบๆซ่อนๆเพื่อป้องกันตัวไม่ให้ถูกจับ
วันที่ 25 ตุลาคม 2567 เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ได้เดินทางมารับตัวผู้ต้องหา 2 แม่ลูก "นัตตี้ ไดอารี่" หรือ นัตตี้ ยูทูบเบอร์ จากประเทศอินโดนีเซีย มายังท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพ ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายทำบันทึกการจับกุมและนำตัวขึ้นรถ DSI เพื่อนำตัวไปดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
โดย พล.ต.ท.ธัชชัย กล่าวว่า ในการจับกุมครั้งนี้เป็นการจับกุมตามหมายจับของตำรวจไซเบอร์ โดยตัวนัตตี้เองมีหมายจับมากถึง 13 หมายจับในข้อหาเดียวกัน ส่วนแม่ของนัตตี้มีจำนวน 2 หมายจับ ทั้งนี้เป็นการออกหมายจับของตำรวจก่อนที่ DSI จะรับเป็นคดีพิเศษ
จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย รวมไปถึงตัวเลขาที่ยังอยู่ในระหว่างการหลบหนี ได้ลักลอบหนีออกจากประเทศไทยไปตั้งแต่เมื่อเดือนกรกฎาคม 2565 ผ่านทางช่องทางธรรมชาติทางภาคใต้ โดยมุ่งหน้าต่อไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และลักลอบนั่งเรือข้ามไปยังประเทศอินโดนีเซียและพำนักอาศัยอยู่ในประเทศอินโดนีเซียแบบผิดกฎหมาย และไม่มีหนังสือเดินทาง ซึ่งตลอดเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา กลุ่มผู้ต้องหาได้พยายามทำอาชีพรับจ้างขนส่งอาหารเลี้ยงชีพและอยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ตำรวจอินโดนีเซียจับกุมเนื่องจากเข้าเมืองผิดกฎหมาย
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ทางตำรวจอินโดนีเซียสามารถติดตามตัวจับกุมตัวนัตตี้และมารดาได้ในที่พักในเมืองดูไม จังหวัดรีเยา เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งในชั้นจับกุมนั้น ผู้ต้องหาทั้ง 2 รายไม่ขัดขืนและยินยอมให้จับกุม ทางตำรวจอินโดนีเซียจึงได้ดำเนินคดีในข้อหาลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ก่อนดำเนินการประสานกับทางตำรวจไทยเพื่อผลักดันส่งตัวกลับประเทศและรับตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทย ทั้งนี้ ตัวเลขาสาวอีก 1 รายที่ยังอยู่ในระหว่างการหลบหนี ทางตำรวจอยู่ในระหว่างการสืบสวนหาเบาะแสและจับกุมดำเนินคดี คาดว่ายังหลบหนีอยู่ในต่างประเทศและขอไม่เปิดเผยว่า ปลายทางของเลขาคนนี้ไปอยู่ที่ใด
โดยหลังจากนี้จะส่งมอบตัวนัตตี้และมารดาให้กรมสอบสวนคดีพิเศษไปดำเนินการสอบสวนตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไปและ ทาง DSI จะต้องดำเนินการขยายผลไปยังผู้ให้การช่วยเหลือผู้ต้องหาทั้ง 3 รายในระหว่างหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า ผู้ให้การช่วยเหลือเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติท้องถิ่น
ด้าน ร.ต.อ.วิษณุ กล่าวว่า ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษรับกรณีแชร์ลูกโซ่นัตตี้นี้เป็นคดีพิเศษที่ 294/2565 และที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการยึดทรัพย์ทั้งในส่วนของตำรวจและ DSI ไปแล้ว 16 ล้านบาท ซึ่งได้ส่งมอบให้ทาง ปปง. เป็นที่เรียบร้อย หลังจากนี้จะต้องขยายผลหาเส้นทางการเงินและสืบทรัพย์เพิ่มเติม เพื่อหาว่าทรัพย์สินของผู้ต้องหามีการแยกย้ายถ่ายเทไปที่ใดบ้าง โดยเฉพาะในระหว่างหลบหนีที่ต่างประเทศ
ทั้งนี้คดีดังกล่าวนั้นมีพฤติการณ์โดยสังเขปคือ ตัวนัตตี้ได้หลอกลวงผู้เสียหายว่า ให้สมัคร Application เพื่อลงทุนและได้ผลกำไรสูงแบบก้าวกระโดด โดยให้ผู้เสียหายลงทุนขั้นต่ำเป็นจำนวน 5,000 บาทสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อ 1 บิล ผู้เสียหายจะเปิดกี่บิลก็ได้และชวนเชื่อว่า จะได้ผลกำไรทุกเดือน เช่น สัญญา 3 เดือน ได้กำไร 25% หรือสัญญา 12 เดือน ได้กำไร 35% เป็นต้น แต่สุดท้ายผู้เสียหายก็ไม่ได้ผลกำไรตอบแทนจริง ๆ และมีเหยื่อหลงเชื่อทั่วประเทศกว่า 6,000 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2,000 ล้านกว่าบาท เบื้องต้นมีผู้เข้าแจ้งความดำเนินคดีแล้ว 445 ราย
โดยหลังจากกรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษแล้วนั้น พบมีผู้กระทำความผิดจำนวน 9 ราย ซึ่ง 6 รายนั้นเป็นระดับลูกข่ายที่สามารถออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาดำเนินคดีไปแล้ว ส่วนอีก 3 ราย นั่นก็คือตัวนัตตี้ มารดา และเลขา ซึ่งถือเป็นผู้ต้องหารายสำคัญที่สุด ได้หลบหนีออกนอกประเทศไป จึงนำมาสู่การออกหมายจับติดตามตัว ณ ขณะนี้ก็จับกุมได้แล้ว 2 ราย คือนัตตี้และมารดา คงเหลือแต่เลขาอีก 1 รายที่ต้องติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
โดยหลังจากแถลงข่าวเสร็จสิ้น ก็ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองออกจากท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งระหว่างทางสื่อมวลชนได้พยายามพูดคุยสอบถาม ข้อเท็จจริงจากตัวนัตตี้ ปรากฏว่านัตตี้ เปิดเผยกับสื่อมวลชนสั้น ๆ เพียงแค่ว่า วันนี้ตนมามอบตัวแล้วและขอโทษผู้เสียหายทุกคน ไม่เคยคิดที่จะหลบหนี ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ทางคดีนั้น ปรากฏว่าตัวนัตตี้และมารดาไม่ตอบคำถามในส่วนนี้