- 29 ส.ค. 2565
ลือสะพัด นัตตี้ยูทูบเบอร์ดัง หลอกเทรดหุ้นโกงพันล้าน หนีออกนอกประเทศแล้ว ตม. ค้นไม่พบชื่อ คาดอาจจะใช้ช่องทางธรรมชาติในการหลบหนี
นัตตี้ยูทูบเบอร์ดัง หลอกเทรดหุ้นโกงพันล้าน หนีออกนอกประเทศ คาดเผ่นหนีผิดกฎหมาย หลังจากที่ ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความชื่อดัง เจ้าของเพจ ทนายไพศาลช่วยด้วย พาตัวแทนผู้เสียหายกว่า 30 คน เดินทางไปที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ดำเนินคดีกับ นัตตี้ ยูทูบเบอร์ชื่อดังรายหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตนักร้อง และแดนเซอร์ หลังถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท
โดย ทนายไพศาล เปิดเผยว่า ผู้เสียหายกลุ่มนี้ร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก ว่าถูกหลอกให้นำเงินไปร่วมลงทุนผ่านแอปพลิเคชั่น เมื่อตรวจสอบก็พบว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนเดียวกัน โดยมีผู้เสียหายรวมกว่า 6 พันคน โดยมีผู้ที่ลงทุนสูงสุด 18 ล้านบาท และยังไปเกี่ยวข้อง กับคดีที่ประเทศสิงคโปร์ ที่หญิงชาวไทย กับสามีชาวสิงคโปร์ ร่วมกันฉ้อโกงนาฬิกาหรูและสินค้าแบรนด์เนมจากลูกค้า มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท
ต่อมา เพจดังอย่าง Drama-addict ได้โพสต์ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ "นัตตี้" ว่าตอนนี้ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว พร้อมชี้พิกัด เพราะมีการตั้งค่าหัว 1 ล้านบาท สำหรับคนให้เบาะแส "ผู้เสียหาย ให้รางวัลคนที่ให้เบาะแสนำไปสู่การนำตัวมาเข้ากระบวนการยุติธรรมได้ 1 ล้านบาทนะครับ ตอนนี้น่าจะอยู่ ต่างประเทศ คนไทยที่ ต่างประเทศ ช่วยกันเป็นหูเป็นตาครับ เบาะแสล่าสุด บอกว่าอยู่แถวมาเลย์ครับ"
เกี่ยวกับเรื่องนี้ล่าสุดมีรายงานจาก แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งให้ข้อมูลยืนยันว่า ในบันทึกการเดินทางเข้า-ออก ประเทศ ยังไม่พบชื่อของ "นัตตี้ยูทูบเบอร์ชื่อดัง" ยื่นขอเดินทางออกนอกประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมายแต่อย่างใด หากมีการเดินทางออกนอกประเทศจริง เป็นไปได้ว่าอาจใช้ช่องทางทางธรรมชาติในการหลบหนี จึงไม่สามารถยืนยันกระแสข่าวที่ว่า "นัตตี้" ได้เดินทางไปประเทศมาเลเซียแล้ว จริงหรือไม่
ด้าน พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เปิดเผยความคืบหน้าคดีว่า เบื้องต้นมีผู้เสียหายประมาณ 20 คนเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับ บก.ปอศ. ซึ่งทางพนักงานสอบสวนก็ได้สอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานไว้เบื้องต้น
ซึ่งหากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ มีมติรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ บก.ปอศ. ก็พร้อมที่จะส่งมอบสำนวนให้กับ ดีเอสไอดูแลต่อ เนื่องจากเป็นคดีใหญ่ที่มีมูลค่าความเสียหาย เกิน 100 ล้าน เข้าหลักเกณฑ์คดีพิเศษ จึงเชื่อว่ามีแนวโน้มที่ดีเอสไอจะรับเป็นคดีพิเศษค่อนข้างสูง แต่ก็ต้องรอมติคณะกรรมการคดีพิเศษพิจารณาก่อน
อย่างไรก็ตาม หากดีเอสไอไม่รับเป็นคดี ก็คาดว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติน่าจะมีคำสั่ง ตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนคดีนี้โดยเฉพาะ
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline