- 27 ก.ค. 2563
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ ได้แถลงที่ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตันเมื่อวันอังคาร ที่ 21 ก.ค. 2563 ที่ผ่านมาว่า สถานการณ์การระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 อาจเลวร้ายลงก่อนจะดีขึ้นในภายหลัง “นั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากจะพูด แต่มันเป็นแบบนั้น มันเป็นสิ่งที่เราต้องเจอ คุณลองดูทั่วโลกตอนนี้ ไวรัสลามไปทุกแห่งแล้ว”
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ ได้แถลงที่ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตันเมื่อวันอังคาร ที่ 21 ก.ค. 2563 ที่ผ่านมาว่า สถานการณ์การระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 อาจเลวร้ายลงก่อนจะดีขึ้นในภายหลัง “นั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากจะพูด แต่มันเป็นแบบนั้น มันเป็นสิ่งที่เราต้องเจอ คุณลองดูทั่วโลกตอนนี้ ไวรัสลามไปทุกแห่งแล้ว”
แม้ว่าที่ผ่านมาการตอบสนองในการควบคุมโรคโควิด-19 ของประธานาธิบดีทรัมป์ ยังถูกวิจารณ์อย่างหนัก ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เขาสบประมาทความอันตรายของไวรัสนี้ด้วยการอ้างว่า ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่มขึ้น เป็นผลจากการปูพรมตรวจเชื้อให้ประชาชนเพิ่มขึ้น ซ้ำยังไม่ยอมสวมใส่หน้ากากอนามัย จนคนรอบข้างติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กว่าเจ้าตัวจะยอมใส่หน้ากาก และบอกเตือนไปยังประชาชน ว่าควรปฏิบัติตนเองอย่างไร ก็ดูเหมือนว่าจะสายไปเสียแล้ว
อ่านข่าว - โดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มยอมรับความจริง เตือนชาวมะกัน โควิดกำลังพาประเทศ ถึงจุดเลวร้าย
ล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร 4 ฉบับรวด พุ่งเป้าปรับโครงสร้างตลาดยาในอเมริกา ที่ผู้นำสหรัฐฯ พบว่าชาวอเมริกันต้องจ่ายค่ายาแพงกว่าชาติอื่นๆ ตามรายงานของ CNBC
ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันศุกร์ ว่าจะลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร 4 ฉบับ เพื่อช่วยปรับลดราคายาที่ต้องใช้ใบสั่ง (Prescription drug) ในประเทศ ให้ชาวอเมริกันเข้าถึงยารักษาโรคได้ในราคาที่เหมาะสม จากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุว่า ชาวอเมริกันต้องจ่ายค่ายาสูงกว่าเยอรมนี แคนาดา หรือชาติอื่นๆ ถึง 80%
ในคำสั่งฝ่ายบริหารทั้ง 4 ฉบับนั้น ฉบับแรก เน้นไปที่การปรับโครงสร้างราคาอินซูลิน เพื่อให้สถานพยาบาลยุติการผลักภาระค่ายาไปให้คนไข้
อีกคำสั่งหนึ่ง จะเปิดโอกาสให้สามารถนำเข้ายาจากแคนาดา ซึ่งมีราคาถูกกว่าสหรัฐฯ จากเดิมที่เป็นสิ่งผิดกฏหมายตามข้อมูลขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ซึ่งฝั่งวุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์ส ผู้สนับสนุนแนวคิดนี้ มองว่าการนำเข้ายาจากต่างประเทศจะสร้างการแข่งขันและส่งผลดีต่อผู้บริโภคในอเมริกาให้ได้ใช้ยาในราคาที่ถูกลง
คำสั่งที่สาม จะเน้นไปที่การป้องกันพ่อค้าคนกลางที่ได้รับส่วนต่างจากราคายาที่สูงในประเทศ และผลักภาระให้ชาวอเมริกันต้องออกค่าใช้จ่ายด้านยาเพิ่มเติมจากประกันสุขภาพที่มีอยู่
และคำสั่งสุดท้าย คือ ให้ผู้ที่อยู่ในกองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลสำหรับคนอเมริกัน หรือที่เรียกว่า Medicare สามารถซื้อยาที่ต้องใช้ใบสั่งยาในราคากลาง ที่เรียกว่า international pricing index ได้ แต่ผู้นำสหรัฐฯ บอกว่าจะยังไม่บังคับใช้คำสั่งนี้ จนกว่าจะถึง 24 สิงหาคม เพื่อให้ธุรกิจยาในสหรัฐฯ เสนอแผนการปรับลดราคายาในประเทศออกมาเสียก่อน ซึ่งผู้บริหารบริษัทยาในอเมริกา จะเดินทางมาหารือที่ทำเนียบขาวในวันอังคารหน้า
ค่าใช้จ่ายสำหรับยาที่ต้องใช้ใบสั่งในอเมริกา คิดเป็นมูลค่า 335,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2018 ซึ่งมากกว่าประเทศรายได้สูงหลายแห่งทั่วโลก อย่างไรก็ตาม คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ที่หวังช่วยปรับโครงสร้างราคายานี้ อาจต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
ขอบคุณข้อมูล CNBC