- 10 ก.ย. 2564
องค์การยายุโรป ย้ำวัคซีนโควิด "โดสกระตุ้น" จำเป็นอย่างมากกับคน 2 กลุ่ม
องค์การยาแห่งยุโรป (EMA) เปิดเผยว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 "โดสกระตุ้น" ให้กับผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่องและผู้สูงอายุเป็นเรื่องจำเป็นยิ่งขึ้น และการฉีดวัคซีนให้สาธารณชนทั่วไปควรเสร็จสิ้นโดยเร็ว ตามรายงานจาก xinhuathai
มาร์โค คาวาเลอรี หัวหน้าฝ่ายภัยคุกคามทางสุขภาพและกลยุทธ์วัคซีนขององค์การฯ แถลงว่ายังไม่ทราบแน่ชัดว่าควรฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดสกระตุ้นให้ประชาชนทั่วไปเมื่อใด เนื่องจากหลักฐานที่มีอยู่ในปัจจุบันบ่งชี้ว่าวัคซีนทุกตัวสามารถป้องกันการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล การเสียชีวิต และอาการป่วยรุนแรงในระดับสูง
“เราควรเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนครบโดสมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และหลักฐานเกี่ยวกับความจำเป็นในการพิจารณาฉีดวัคซีนโดสกระตุ้นให้ผู้ที่อาจตอบสนองต่อวัคซีนได้ไม่ดีนัก อาทิ ผู้มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแออย่างรุนแรง หรือผู้ป่วยสูงอายุบางราย ก็ชัดเจนมากขึ้น” คาวาเลอรีกล่าว
อนึ่ง องค์การฯ ระบุว่าประชาชนในสหภาพยุโรป (EU) และเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มากกว่า 528 ล้านโดสแล้ว เมื่อนับถึงต้นเดือนกันยายน
คาวาเลอรีเผยว่าองค์การฯ กำลังประเมินคำขอจากไฟเซอร์และไบออนเทค ซึ่งระบุให้ผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป เข้ารับวัคซีนโดสกระตุ้นหลังรับวัคซีนโดสสองอย่างน้อย 6 เดือน โดยคาดว่าองค์การฯ จะประกาศข้อสรุปจากการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้
ทั้งนี้ คาวาเลอรีเสริมว่านอกจากเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา องค์การฯ กำลังวิเคราะห์สายพันธุ์อื่นๆ อย่างแลมบ์ดาและมิว ซึ่งมีความน่ากังวลมากขึ้นเนื่องจากมันสามารถหลบหลีกระบบภูมิคุ้มกันได้ ทว่ายังไม่มีข้อมูลที่จะพิสูจน์ว่าสายพันธุ์มิวจะขึ้นแท่นเป็นสายพันธุ์หลักแทนเดลตา