อดีต รมว.ต่างประเทศหญิงคนแรกของสหรัฐฯ ถึงแก่กรรมด้วยโรคร้าย

อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหญิงคนแรกของสหรัฐอเมริกา ถึงแก่กรรม ครอบครัวแจ้งข่าวเศร้า จากไปด้วยโรคร้าย

อดีต รมว.ต่างประเทศหญิงคนแรกของสหรัฐฯ ถึงแก่กรรมด้วยโรคร้าย มีรายงานข่าวเศร้า โดยเมื่อ วันพุธ ที่23 มี.ค. 65 แมเดอลีน ออลไบรท์ สตรีคนแรกที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ถึงแก่กรรมในวัย 84 ปี ซึ่งจากการเปิดเผยของสมาชิกครอบครัวของเธอระบุว่า แมเดอลีน ออลไบรท์ เสียชีวิตด้วยโรคร้าย

ตามข้อมูลเพิ่มเติมรายงานว่า ทวิตเตอร์ของครอบครัวออลไบรท์ ระบุว่า "พวกเราขอประกาศด้วยหัวใจที่แตกสลายว่า ดร.แมเดอลีน เค. ออลไบรท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ คนที่ 64 และสตรีคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งนี้ ถึงแก่กรรมแล้วในวันพุธด้วยโรคมะเร็ง" ซึ่งมีชาวเน็ตมารีทวิตแจ้งข่าวเศร้านี้อย่างต่อเนื่อง


สำหรับ แมดเดอลีน ออลไบรท์ ขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในปี ค.ศ. 1996 ในสมัยของประธานาธิบดีบิล คลินตัน และอยู่ในตำแหน่งเป็นเวลา 4 ปี แม้ว่าในขณะนั้นเธอได้รับการยกย่องว่าเป็นสตรีที่อยู่ในตำแหน่งสูงที่สุดในรัฐบาลอเมริกันเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ แต่เธอไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ เนื่องจากเธอมิได้เกิดในอเมริกาหรือในดินแดนในการปกครองของสหรัฐฯ


พร้อมกันนี้ นางออลไบรท์เกิดที่ประเทศเชโกสโลวะเกีย (ในขณะนั้น) และลี้ภัยมายังอเมริกาพร้อมครอบครัวในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งระหว่างการดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ เธอเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญด้านนโยบายต่างประเทศสองเหตุการณ์ด้วยกัน คือ เหตุการณ์ล้างเผ่าพันธุ์ที่รวันดา และบอสเนีย-เฮอร์เซโกวินา ในทศวรรษ 1990

อดีต รมว.ต่างประเทศหญิงคนแรกของสหรัฐฯ ถึงแก่กรรมด้วยโรคร้าย

นอกจากนี้ เมื่อวาระการดำรงตำแหน่งของเธอสิ้นสุดลง แมเดอลีน ออลไบรท์ กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของสตรีรุ่นใหม่ในการรณรงค์เพื่อสิทธิของสตรีในอเมริกา โดยคำพูดหนึ่งของเธอที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับบรรดาผู้หญิงยุคใหม่ทั่วโลก คือ "มีที่พิเศษอยู่ในยมโลก สำหรับผู้หญิงที่ไม่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน"


ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐได้สั่งให้ลดธงครึ่งเสาที่ทำเนียบขาว รวมถึงที่ทำการของรัฐบาลกลางอื่นๆ จนถึงวันที่ 27 มี.ค. ขณะที่สารแสดงความเสียใจหลั่งไหลเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งกล่าวว่า สหรัฐไม่มีแชมป์แห่งประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนที่มุ่งมั่นมากไปกว่ารัฐมนตรีอัลไบรท์อีกแล้ว 


"เมื่อนึกถึงเธอ ผมจะระลึกถึงศรัทธาอันแรงกล้าของเธอที่บอกว่าสหรัฐอเมริกาคือประเทศที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งและจะขาดเสียไม่ได้" นายโจ ไบเดน ระบุ

นอกจากนี้ เมื่อปี 2555 ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้มอบเหรียญแห่งสันติภาพให้แก่อัลไบรท์ ซึ่งถือเป็นการมอบเกียรติยศขั้นสูงสุดสำหรับพลเรือนของสหรัฐโดยระบุว่าชีวิตของเธอถือเป็นแรงบันดาลใจให้กับชาวอเมริกันทุกคน 


ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งรมว.ต่างประเทศสหรัฐ เธอเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญด้านนโยบายต่างประเทศสองเหตุการณ์ด้วยกัน คือเหตุการณ์สังหารล้างเผ่าพันธุ์ที่รวันดา และบอสเนีย-เฮอร์เซโกวินา ในทศวรรษ 1990


อย่างไรก็ตาม เมื่อวาระการดำรงตำแหน่งของเธอสิ้นสุดลง อัลไบร์ท ได้รับการเชิดชูในฐานะสัญลักษณ์ของสตรีรุ่นใหม่ในการรณรงค์เพื่อสิทธิของสตรีในสหรัฐ โดยคำพูดหนึ่งของเธอที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับบรรดาผู้หญิงยุคใหม่ทั่วโลก คือ มีที่พิเศษอยู่ในยมโลก สำหรับผู้หญิงที่ไม่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

 

อดีต รมว.ต่างประเทศหญิงคนแรกของสหรัฐฯ ถึงแก่กรรมด้วยโรคร้าย
ภาพจาก เนชั่นออนไลน์