พรรคดังเสนอ อัยการ เอาผิด อดีตผู้นำประเทศ 4 ข้อหาหนัก

มีรายงานว่า คณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรสอบสวนเหตุจลาจลบุกอาคารรัฐสภาของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2564 ร้องขอให้อัยการดำเนินการตั้งข้อหาทางอาญากับ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี รวม 4 ข้อหา ฐานมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์กลุ่มผู้สนับสนุนบุกรัฐสภา

 

 

เสนออัยการเอาผิด "ทรัมป์" 4 ข้อหา โดยคณะกรรมาธิการภายใต้การนำของพรรคเดโมแครต ลงมติเอกฉันท์ในการประชุมนัดสุดท้ายเมื่อวันจันทร์ ให้ส่งคำร้องขอที่ไม่มีผลผูกมัดให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการตั้งข้อหากับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์รวม 4 ข้อหา หลังใช้เวลาไต่สวนนาน 18 เดือน

ผลการสอบสวนระบุว่า ทรัมป์ควรถูกตั้งข้อหาอาญารวม 4 ข้อหา ได้แก่ 1. ยุยง ช่วยเหลือ หรือ อำนวยความสะดวกให้เกิดจลาจล  2. ขัดขวางการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่รัฐ  3. สมรู้ร่วมคิดในการฉ้อโกงสหรัฐฯ  4. สมรู้ร่วมคิดในการกล่าวเท็จ

การไต่สวนเรื่องนี้มีขึ้นหลังจากผู้สนับสนุนของทรัมป์หลายพันคนบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2564 เพื่อขัดขวางกระบวนการรับรองผลคะแนนเลือกตั้งในสภา โดยมีชนวนจากข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จที่ทรัมป์อ้างว่า เขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2563 ให้กับโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตเนื่องจากมีการโกงเลือกตั้งอย่างกว้างขวาง 

 

นอกจากนี้คณะกรรมาธิการยังเปิดเผยบทสรุปยาว 161 หน้าของรายงานผลการไต่สวนเบื้องต้น ก่อนจะเผยแพร่ฉบับเต็มยาวหลายร้อยหน้าในวันพุธ โดยมีเนื้อหาระบุว่า ทรัมป์สมรู้ร่วมคิดกับหลายฝ่ายเพื่อขัดขวางเจตนารมณ์ของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งในช่วงก่อนการบุกรัฐสภา และระหว่างเหตุจลาจล และทรัมป์แพร่กระจายคำอ้างที่รู้ว่าเป็นเท็จเกี่ยวกับการปล้นคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดี 

ก่อนกดดันให้เจ้าหน้าที่รัฐ กระทรวงยุติธรรม และรองประธานาธิบดี เพื่อล้มล้างผลการเลือกตั้ง นอกจากนี้ทรัมป์ยังยุยงให้ก่อจลาจลที่รัฐสภาเพื่อขัดขวางการกระบวนการถ่ายโอนอำนาจอย่างราบรื่นแก่ไบเดน 

 

ด้านทีมหาเสียงของทรัมป์ ที่เปิดตัวเมื่อเดือนที่แล้วเพื่อเตรียมตัวสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2567 ออกแถลงการณ์ที่กล่าวหาว่า คณะกรรมาธิการฯ ชุดนี้เป็นรอยด่างพร้อยในประวัติศาสตร์ของประเทศ และศาลเตี้ยแห่งนี้เป็นเพียงโครงการไร้สาระที่ดูหมิ่นสติปัญญาของชาวอเมริกัน และเย้ยหยันระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐฯ 

อย่างไรก็ตาม ขณะที่คณะกรรมาธิการฯ ชุดนี้จะยุบในวันที่ 3 ม.ค. ปีหน้า เมื่อรัฐสภาปิดสมัยประชุมในวันดังกล่าว และผลการเลือกตั้งกลางเทอมเมื่อเดือน พ.ย. ทำให้พรรครีพับลิกันจะคุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ ที่จะเปิดประชุมในต้นปีหน้า 

ภาพจาก Donald J. Trump

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline