หมอเตือน อย่ากินของหมักดอง - ปลาชนิดนี้บ่อยๆ เสี่ยงเป็นมะเร็งพุ่ง 7 เท่า

หมอเตือน อย่ากินของหมักดอง และปลาชนิดนี้บ่อยๆ เสี่ยงเป็นมะเร็งพุ่ง 7 เท่า เรื่องสุขภาพ การไม่มีโรคนับเป็นลาภอันประเสริฐจริงๆ ดังนั้นคนที่ใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเองจึงต้องดูและอาหารการกินอย่างดี ซึ่งล่าสุดมีคำเตือนจาก "Lou Peiren" รองประธานโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (National Taiwan University Hospital, NTUH) และศาสตราจารย์ด้านโสต ศอ นาสิกวิทยา วิทยาลัยแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (National Taiwan University College of Medicine, NTUCM) 

 

โดยเตือนว่าอาหารจำพวก "ปลาเค็ม" มีไนไตรต์สูง หากกิน 5 มื้อต่อสัปดาห์ โอกาสเกิดมะเร็งหลังโพรงจมูกคือ 7 เท่าของคนธรรมดา ซึ่งมะเร็งหลังโพรงจมูกเป็นเนื้องอกที่พบได้บ่อยในหมู่ชาวจีนตอนใต้ จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ ระบุว่า มะเร็งหลังโพรงจมูกเป็นมะเร็งในผู้ชายที่พบมากเป็นอันดับที่ 10 ในไต้หวัน ในปี 2537 และเสียชีวิตมากเป็นอันดับที่ 9 ในไต้หวัน มีผู้เสียชีวิต 626 รายจากมะเร็งหลังโพรงจมูก ทุกกลุ่มอายุมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหานี้ แต่ที่พบมากสุดคือในช่วงอายุ 40 ปี

 

ตามรายงานระบุว่า สาเหตุของมะเร็งหลังโพรงจมูก พบว่าการถ่ายทอดทางพันธุกรรมเป็นปัจจัยสำคัญ ตามมาด้วยปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม อาหารรสเค็มหรือรมควัน และการบริโภคอาหารดองบ่อยๆ หรือการจุดธูปและการสูบบุหรี่ รวมทั้งการติดเชื้อไวรัสเอปสไตน์บาร์ (Epstein-Barr virus - EBV)

ด้าน ผลวิจัยชี้ว่า การกินของดองสัปดาห์ละ 2 มื้อ มีโอกาสเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก 5 เท่า และหากกินของดองสัปดาห์ละ 5 มื้อ มีโอกาสเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก 7 เท่าของคนทั่วไป โดยเฉพาะยิ่งเมื่ออายุมากขึ้น ยิ่งกินของดอง ยิ่งมีโอกาสเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกมากขึ้น เพราะอาหารดองมีสารไนไตรท์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งชั้นหนึ่งอยู่มาก

 

ทั้งนี้ Lou Peiren ย้ำว่า ไม่แนะนำให้เด็กเล็กกินของหมักดอง โดยเฉพาะเด็กที่เพิ่งหย่านม ไม่ควรกินปลาเค็มหรือของดอง

 

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ด้วยว่า ตราบใดที่การรักษาถูกต้อง โอกาสที่มะเร็งหลังโพรงจมูกจะหายในระยะแรกมีสูงมาก พร้อมเตือนคนหนุ่มสาว โดยเฉพาะผู้ชาย หากพวกเขามีอาการต่อมน้ำเหลืองที่คอโต เลือดกำเดาไหลโดยไม่ทราบสาเหตุ คัดจมูก หูอุดตัน ปวดคอ ควรเข้าปรึกษาแพทย์ อย่ามองข้ามโรคนี้ หากรอให้เนื้องอกลุกลามถึงสมองหรือกระดูก โอกาสหายขาดก็ยิ่งน้อยลง

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline