- 23 ก.พ. 2566
หนุ่มเจอกับตัว ชอบใส่คอนแทคเลนส์งีบหลับ วันหนึ่งรู้สึกเจ็บ - เริ่มมองไม่ค่อยชัด พบตาติดเชื้อรุนแรง สุดท้ายบอดสนิท
หนุ่มเจอกับตัว ชอบใส่คอนแทคเลนส์งีบหลับ ทำตาติดเชื้อรุนแรง สุดท้ายบอดสนิท : ใครที่ชอบใส่คอนแทคเลนส์ต้องดูไว้ เพราะนี่ถือเป็นเรื่องราวอุทาหรณ์ของคนที่ชอบใส่คอนแทคเลนส์นอน ซึ่งชายหนุ่มคนหนึ่งได้มาแชร์ประสบการณ์ที่ชอบใส่คอนแทคเลนส์แล้วงีบหลับเป็นประจำ วันหนึ่งรู้สึกเจ็บตาข้างหนึ่ง สุดท้ายเริ่มมองไม่ค่อยชัด หมอพบตาติดเชื้อจากปรสิตที่ทำให้ตาบอดสนิทได้ ทำอนาคตดับวูบ
โดยสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า หนุ่มคนนี้ชื่อว่า ไมเคิล ครุมโฮลซ์อายุ 21 ปีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในรัฐฟลอริดาแชร์ประสบการณ์เตือนภัยจากการใส่คอนแทคเลนส์ว่า ก่อนหน้านี้เขาใส่คอนแทคเลนส์แบบรายวันเป็นเวลา 2-3 ปี แต่เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมาเขามักงีบหลับประมาณ 40 นาทีโดยใส่คอนแทคเลนส์ไว้ทุกวัน
พอเขาตื่นขึ้นพบว่าตาข้างซ้ายของตัวเองแดงก่ำ การมองเห็นเริ่มไม่ชัด ตอนแรกเขาไม่ได้คิดว่ามันร้ายแรงเลยปล่อยไว้ หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนเขาเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติในดวงตา จึงไปพบแพทย์ซึ่งแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคเริมชนิดที่ 1 จากนั้นเขาได้ไปพบจักษุแพทย์อีก 5 คนแต่แพทย์ทุกคนแค่ให้ยาปฏิชีวนะและยาสเตียรอยด์เพื่อบรรเทาอาการแค่นั้นอาการผิดปกติในดวงตาข้างซ้ายของเขาเริ่มรุนแรงขึ้น
จนในที่สุดแพทย์ได้วินิจฉัยพบว่า กระจกตาอักเสบจากเชื้อปรสิตที่เรียกว่า Acanthamoeba Keratitis (AK) เป็นเชื้อที่พบได้ยากและมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียการมองเห็นถาวรได้ แพทย์ ระบุว่า ชายคนนี้อาจกลับมามองเห็นได้เพียง 1%หลังจากปลูกถ่ายกระจกตา ซึ่งตอนนี้ตาข้างนึงของเขามองเห็นแค่แสงวาบสีดำๆ เทาๆ เท่านั้น
ทั้งนี้ ตามข้อมูลของแพทย์ที่รัฐซีดีซี ระบุว่า เชื้อปรสิตนี้เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดการติดเชื้อมักไม่เป็นอันตรายและพบได้บ่อยมาก โดยส่วนใหญ่พบได้ในทะเลสาบ ลำธาร มหาสมุทร น้ำที่ใช้กับคอนแทคเลนส์ อีกทั้งน้ำยาทำความสะอาดคอนแทคเลนส์บางยี่ห้อก็ไม่สามารถฆ่าเชื้อตัวนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ความเจ็บป่วยจะเกิดขึ้นเมื่อจุลินทรีย์เข้าไปในดวงตาของคุณ ทั้งจากการใส่คอนแทคเลนส์ด้วยมือที่สกปรก หรือเมื่ออยู่ในห้องอาบน้ำหรือสระว่ายน้ำขณะสวมเลนส์ จากนั้นจะเชื้อเข้าสู่ดวงตาผ่านทางน้ำตาเล็ก ๆ บนพื้นผิวและทำให้เกิดการติดเชื้อ หากไม่ได้รับการรักษา การติดเชื้ออาจทำให้สูญเสียการมองเห็นถาวรและตาบอดสนิทได้
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline