โหรฟองสนานเตือนแรง อวิชชามหึมาโผล่ขึ้นกลางใจเมือง จับตากาลกิณีจร

บนเฟซบุ๊กโหรฟองสนาน จามรจันทร์ โพสต์ถึงกรณีครูกายแก้ว ลั่น อวิชชามหึมาโผล่ขึ้นกลางใจเมือง จับตาหลังกาลกิณีจร

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม  2566 บนเฟซบุ๊กโหรฟองสนาน จามรจันทร์ ได้โพสต์ถึงกรณีครูกายแก้วเอาไว้ดังต่อไปนี้ "แม่หมอสมัครเล่นตอนที่ 493  โดยฟองสนาน จามรจันทร์ อวิชชามหึมาโผล่ขึ้นกลางใจเมือง"

  เมื่อเกิดปรากฎการณ์ "กายแก้ว" โผล่ในกลางเมืองรัตนโกสินทร์ตั้งแต่วันที่9สิงหาคม2566ที่ขั้นตอนขนส่งรูปปั้นขนาดมหึมาติดที่คอสะพานส่งผลให้รถติดที่ถนนรัชดาภิเษกเป็นแพยาวเหยียดและพิธีบวงสรวงเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2566รวมทั้งกราบไหว้ของคนศัทธาและกลุ่มคัดค้านแล้ว เหตุการณ์เช่นนี้บ่งบอกว่าอันความเชื่อ-ของคนนั้น เป็นเรื่องส่วนบุคคล หากไม่เดือดร้อนคนอื่น หรือทำผิดกฎหมายบ้านเมือง แตะกันเมื่อใดก็ยุ่งเมื่อนั้น

 

โหรฟองสนานเตือนแรง อวิชชามหึมาโผล่ขึ้นกลางใจเมือง จับตากาลกิณีจร

 

โหรฟองสนานเตือนแรง อวิชชามหึมาโผล่ขึ้นกลางใจเมือง จับตากาลกิณีจร

 

  ตามปกติแล้วแม้ความเชื่อแปลกๆก็มีอยู่ทั่วไปแต่หากจะปรากฎการณ์โผล่ขึ้นมาเป็นข่าวใหญ่-โด่งดังกลางเมืองเช่นการกราบไหว้บูชาราหู-ชูชก-เปรตกู้แห่งคำชะโนด-ตุ๊กตาลูกเทพ-ลัทธิประหลาดใน อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ มีชายอ้างตัวเป็นพระบิดา รักษาโรคโดยวิธีการไม่ถูกสุขลักษณะ-ฯลฯมักจะมีองค์ประกอบจากอาการของดางจรสองดวงคือ พระราหูจร(8)และพฤหัสบดีจร(5)ทำมุมกับดวงเมืองลงล็อคกัน

  ก่อนอื่นมารู้จักอาการทางโหรของดาวสองดวงนี้ก่อน

  1.พระราหู ทางโหรดวงเดิมใช้สัญลักษณ์คือ๘-หากเป็นดาวจรจะใช้8 ตำราเฉลิมไตรภพบอกว่า พระอิศวรชุบมาจากผีโขมดสิบสองหัว สีกายเป็นทองสัมฤทธิ์ มีวิมานสีนิล ทรงครุฑ เป็นพาหนะ มีกายใหญ่โตขนาดกลืนพระอาทิตย์และพระจันทร์ด้วย

  ราหูเป็นตัวแทนของความมืด เปรียบได้กับอวิชชาบดบังที่มีอยู่ในตัวทุกคน ที่ทำให้เกิดโมหะจริต และอกุศลจิต มัวเมาไปตามอารณ์ต่างๆที่อาจส่งผลได้ทั้งบวก-ลบ  (เช่นบางคนมัวเมาทำบุญ)แต่ทางโหรให้น้ำหนักด้านลบมากกว่าบวกคืออยู่ที่ไหนเบียดเบียนให้เดือดร้อนรำคาญที่นั่นเหมือนตัวด้วงมอดคอยกัดกร่อนชีวิต  ในทางโหรจึงให้ความหมายสั้นเกี่ยวกับราหูคือ”ทายมัวเมาให้ทายราหู”และนิยมบูชาด้วยของดำ

  2.พฤหัสบดี ทางโหรดวงเดิมใช้สัญลักษณ์คือ๕-หากเป็นดาวจรใช้5ตำราบอกพระอิศวรสร้างจากฤาษีสิบเก้าตน สีกายแก้วไพทูรย์ อยูวิมาณสีบุศราคำ มีกวางทองเป็นพาหนะ

  ข้อแตกต่างชัดเจนคือ ขณะที่ราหูคือเจ้าของความลุ่มหลงมัวเมา พฤหัสบดี กลับหมายถึงปัญญาทางธรรม เป็นเรื่องของจิตที่ต้องการหมดสิ้นกิเลสทั้งปวงรวมทั้งความลุ่มหลงมัวเมาที่ราหูเป็นตัวแทนอยู่ นำไปสู่การหลุดพ้นจากวัฎฎะสงสาร หรือเป็นสิ่งที่หยั่งรู้ธรรมชาติของทุกสิ่ง  หรือพูดง่ายๆคือพุทธจริตนั่นเอง จึงคนเรียนโหรท่องกันติดปากว่า…ทายปัญญาพิสุทธิ์ทายพฤหัสบดี…

โหรฟองสนานเตือนแรง อวิชชามหึมาโผล่ขึ้นกลางใจเมือง จับตากาลกิณีจร  

 

จากอาการดาวสองดวงนี้ ในเมืองรัตนโกสินทร์ ก็เหมือนคนที่ย่อมมีทั้งความลุ่มหลงมัวเมา และพุทธจริตสู้-ยื้อกันเป็นระยะๆไปตลอดไม่มีหมดไป(ถ้าเป็นคนก็จนกว่าจะหลุดพ้นหรือสำเร็จอรหันต์)เพราะดาวทั้งสองดวงอยู่กับเมืองตลอด ช่วงใดที่ความลุ่มหลงมัวเมาเด่นปรากฎการณ์อย่างกายแก้วก็จะโผล่กลางเมือง ให้ฝ่ายพุทธจริตได้ออกมาติติงว่าไม่ใช่

  ส่วนบรรดาลางบ่งบอกถึงปรากฎการณ์กายแก้วในดวงเมืองคือ

  ก.ตั้งแต่วันที่30มีนาคม 2565มาแล้ว ที่พระราหูจร(8)จ้าของความลุ่มหลงมัวเมาทับลัคนา และพระอาทิตย์ดวงเดิมดวงเมือง(๑)ซึ่งเป็นตัวแทนจิตใจคนไทยด้วย คนไทยส่วนหนึ่งจึงลุ่มหลงไปบูชาลัทธิแปลกๆ รอมาหนึ่งเกณฑ์

  ข.อยู่ในระยะที่ในเมืองจะมีอาการ-เห็นผิดเป็นชอบ-คิดทำออกจากกรอบปกติทั่วไป  เช่นแทนที่จะบูชาพระรัตนตรัยและยึดเป็นที่พึ่งก็บูชากายแก้วใหญ่โตมหึมาแทน มีการขายความคิดเซ่นไหว้น่าหวาดเสียวโดยการฆ่าสัตว์ถ้าทำจริงเป็นการละเมิดศีลห้าที่ห้ามฆ่าสัตว์ ฯลฯ ซึ่งรอโอกาสตั้งแต่วันเกิดเมืองที่21เมษายน 2566ยาวไปถึง21เมษายน 2567 เป็นตัวซ้ำ

  หลักคือระยะนี้ทักษาจรเมืองตกภูมิราหู มีคำพยากรณ์ตามตำราลิลิตทักษาพยากรณ์ ทรงนิพนธ์โดยสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรีว่ากลุ่มเหตุการณ์ใหญ่ที่จะเกิดในเมืองตามเกณฑ์นี้คือ…ราหูทิศพายัพ จิตคับแค้นวุ่นวาย บ่สบายพลัดมิตร เห็นผิดเป็นชอบ ศัตรูตอบทดแทน..

 

โหรฟองสนานเตือนแรง อวิชชามหึมาโผล่ขึ้นกลางใจเมือง จับตากาลกิณีจร

 

  ค.ส่วนตัวแทนพุทธจริตคือพฤหัสบดีนั้นตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน2566 เป็นต้นมา-21เมษายน 2567กำลังทับลัคนาและพระอาทิตย์ดวงเดิมดวงเมืองอยู่ด้วยเช่นกัน แต่โชคร้ายเป็นระยะที่พฤหัสบดีกำลังเป็นกาลกิณีจรจึงดูเหมือนจะช่วยไปเสริมอาการเห็นผิดเป็นชอบของพระราหูจรเพิ่มขึ้น

  อย่างไรก็ตามพฤหัสบดีก็คือหัวหน้าเทวดาประจำตัวของเมืองแม้จะอยู่ในช่วงผันแปรไปแต่ เมื่อเข้าคู่กับพระอาทิตย์ดวงเดิม(๑)ถือเป็นคู่มิตรใหญ่ก็ยังพอจะช่วยดึงรั้งอวิชชาได้บ้าง

เราจึงได้เห็นผู้รู้ในเมืองหลายสายจากหลายแหล่งเช่นดร.ธงทอง จันทรางศุ-สภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยฯลฯได้ออกมาแสดงจุดยืน-ติง-รั้งให้พิจารณาการบูชาและเคลื่อนย้ายรูปปั้นกายแก้วออกไป

รอดูว่าเมื่อพฤหัสบดีกาลกิณีจรเริ่มเดินถอยหลังในราศีเมษประมาณวันที่29สิงหาคม 2566 เป็นต้นไปจะมีการทบทวนเรื่องนี้หรือไม่

  สำคัญคือตั้งแต่วันที่18ตุลาคม2566 เป็นต้นไป เมื่อพระราหูจร(8)เริ่มย้ายราศีจากเมษ เข้าเดินมีนที่จะมีผลต่อคนทุกลัคนาราศี รวมทั้งเมืองที่ลัคนาสถิตเมษด้วยรูปบูชาใหญ่โตตั้งเด่นเป็นสง่าน้อมนำในทางลุ่มหลงมัวเมาน่าจะย้ายหรือทำให้ลับตาคน ด้วยราศีมีนที่พระราหูจรเข้าไปเดินเป็นภพวินาสน์-มุมอับ-ที่อับของดวงเมือง

  แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเมืองก็เหมือนกับคนที่ยังไม่สำเร็จอรหันต์ จึงย่อมมีอวิชชา-ความลุ่มหลงมัวเมาอยู่ตลอด เพียงแต่จะระดับใดเท่านั้น แล้วรอจังหวะเมื่อใดจะเป็นข่าวใหญ่ สำหรับเราคนที่อยู่ในเมืองนั้นใครมีวาสนาก็จะมีพุทธจริต-ปัญญารู้อะไรควรกราบไหว้บูชา อะไรไม่ควร กลุ่มคนเหล่านี้จะมีพฤหัสบดีเด่นในดวงชะตา

ส่วนคนที่พระราหูเด่นถึงอย่างไรก็จะยังมีความลุ่มหลงมัวเมาอยู่เป็นระยะๆ 

  ที่เห็นมามีคนลุ่มหลงบูชาเจ้าลัทธิทุ่มเทเสียเงิน-เวลาของชีวิตไปโข  ครั้นต่อมาค่อยๆตาสว่าง เกิดพุทธจริตในใจว่าไม่ใช่ กลับสู่ทางชีวิตปกติ -คนเช่นนี้พระราหูเด่นในชะตาจริง แต่ใส้ในหรือดวงนวางค์จักรพฤหัสบดีโดดเด่น-ข่มความลุ่มหลงมัวเมาลง จึงกลับมาได้ในที่สุด คนเช่นนี้ติดยายังเลิกได้

ฟองสนาน  จามรจันทร์ 18 สิงหาคม 2566

 

โหรฟองสนานเตือนแรง อวิชชามหึมาโผล่ขึ้นกลางใจเมือง จับตากาลกิณีจร