- 21 ส.ค. 2566
เปิดข้อตกลงพรรคเพื่อไทย และ 11 พรรคร่วม ผนึกกำลังเน้นนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยเป็นหลักในการบริหารประเทศ ทั้งนโยบาย เงินดิจิทัล,ค่าแรงขั้นต่ำ 600,ค่าแรงปริญญาตรีเริ่มต้น 25,000
วันนี้ (21 ส.ค.2566) เวลา 13.30 น. พรรคเพื่อไทยและแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล 11 พรรค จำนวน 314 เสียง ได้มีการจัดแถลงข่าวร่วมกันที่อาคารรัฐสภา ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้เชิญหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายของแต่ละพรรคมาตกลงเรื่องการร่วมมือและแบ่งงานกัน โดยทุกพรรคก็ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันที่จะนำเอานโยบายของพรรคเพื่อไทยที่หาเสียงไว้เป็นนโยบายหลักในการบริหารประเทศ อาทิเช่น Digital Walletและการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 600 บาทในปี พ.ศ.2570 , เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท , เกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ , เพิ่มราคาพืชผลทางการเกษตรและการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เป็นต้น
ในขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาสำคัญลำดับแรกที่จะต้องเร่งแก้ไข เพราะประชาชนเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางได้รับผลกระทบมาแล้วเป็นเวลานานต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงสร้างและกลไกเพื่อนำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศให้กลับคืนมาอีกครั้ง
การตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้อยู่บนฐานความรับผิดชอบต่อประชาชนในสถานการณ์ที่ปัญหาทุกด้านส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องรุนแรง แม้พรรคเพื่อไทยจะเผชิญกับวาทกรรมหรือคำกล่าวหาที่รุนแรงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเรารับรู้ความขัดแย้งดังกล่าวด้วยใจที่เป็นธรรม และตั้งใจมุ่งสู่เป้าหมายที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้นเป้าหมายหลักในวาระนี้คือการเข้ามาร่วมรับผิดชอบในวาระประเทศและวาระของประชาชน
พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะมุ่งมั่นดำเนินการตามนโยบายด้วยการแก้ปัญหาให้กับประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นอย่างรวดเร็ว เราต้องเร่งทำงานเพื่อฟื้นโครงสร้างเศรษฐกิจ กำหนดนโยบายพัฒนามาตรการกลไกเพื่อความมั่นคงทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม เพื่อดำเนินการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างสร้างสรรค์ พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่า "ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ถึงแม้จะมีอดีตพรรคการเมืองในรัฐบาลที่แล้วร่วมรัฐบาล แต่ทุกพรรคจะร่วมกันทำงานกับพรรคเพื่อไทยอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ดังเช่นที่ทุกพรรคการเมืองได้เคยร่วมงานกันมาตั้งแต่สมัยไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย" และพรรคร่วมรัฐบาลจะใช้โอกาสนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความรักสามัคคีปรองดองของคนในชาติ และจะร่วมกันสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศชาติและประชาชนต่อไป
