ขอศาสนิกทุกศาสนาช่วยกันแชร์!!! "ไพศาล"แฉมีกลุ่มไม่หวังดีแพร่ข่าวเท็จให้พุทธ-มุสลิมทะเลาะกัน ขอให้รู้เท่าทัน รีบกำราบพวกคิดร้ายปท.-ปชช.

สถานการณ์สำหรับวัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโย ดูเหมือนงวดเข้ามาทุกขณะ เมื่อฝ่ายรัฐใช้ยุทธวิธีในทางกฏหมายทั้งทางบ้านเมืองและฝ่านสงฆ์ ยิ่งทำให้บรรดาลูกศิษย์ไม่ว่าพระหรือฆราวาสใช้ทุกวิธีการในการตั้งรับเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะขัดกับหลักกฏหมาย และที่ดูร้ายแรงยิ่ง นั่นก็คือ การปลุกระดมกล่าวหาใส่ร้าย ว่าในการเข้าตรวจค้นวัดเพื่อจับกุมพระธัมมชโย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาหนีหมายจับหลายคดีนั้น เป็นการทำลายพระพุทธศาสนาโดยมีศาสนาพุทธอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นนายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ)จึงออกมาชี้แจง บอกกล่าวข้อเท็จจริงถึงเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อให้ศาสนิกทุกศาสนาได้เข้าใจในข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ใช่การบิดเบือนเหมือนอย่างที่บางฝ่ายกำลังทำอยู่ โยเนื้อหาทั้งหมดที่นายไพศาล ระบุมีดังนี้

" พี่น้องประชาชน ที่เป็นศาสนิกของทุกศาสนา ช่วยกันแชร์โพสนี้ให้มากๆ

 

จงได้รู้เท่าทัน กับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้

ที่มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีกำลังเผยแพร่ข่าวสารจำนวนมากอันเป็นเท็จ

เพื่อสร้างความแตกแยกร้าวฉาน และก่อให้เกิดความทะเลาะเบาะแว้งกัน ระหว่างชาวพุทธ และพี่น้องมุสลิม แม้กระทั่งภายในพี่น้องมุสลิมด้วยกันเอง ที่ต่างมัซฮับกัน ก็มีการ ยุแหย่ให้ทะเลาะเบาะแว้งกัน

ดังนั้น ขอได้โปรดรับรู้ ร่วมกันว่านั่นเป็นฝีมือ ของศัตรู ของศาสนิกทุกศาสนา และเมื่อรู้เท่าทันแล้ว สิ่งที่ต้องทำก็คือ ต้องผนึกกำลังสามัคคีกัน ด้วยความเข้าใจที่ดีต่อกัน

การทะเลาะเบาะแว้งแตกแยกกันก็จะทำให้สิ่งที่ศัตรู ที่มุ่งสร้างความแตกแยกร้าวฉานประสบความสำเร็จ ใครมีหน้าที่ดูแลเรื่องนี้ ก็ควรจะรีบทำความเข้าใจและกำราบปราบปราม ผู้มุ่งร้ายต่อประเทศชาติและประชาชนเหล่านั้นโดยพลัน "

ยกตัวอย่างการบิดเบือนก่อนหน้านี้โดยพระนพดล สิริวํโส พระลูกวัดพระธรรมกาย ที่ได้แชร์โพสต์ของ Jennit Nittayaputipat ที่ให้ข้อมูลเท็จว่าสนช.ออกกฎหมายเพื่อต้องการทำลายพระพุทธศาสนา  (เมื่อเข้าไปตรวจสอบพบว่า มีสถานะเป็นลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย) พร้อมโพสต์รูป เขียนบรรยายว่า "ประชาชนตาสว่าง พบสาเหตุ สนช. ออกกม. จัดการพุทธ แท้จริงสมาชิกเกิน 75%ไม่ชาวชาวพุทธ"  ระบุว่า

 

ถ้าเป็นพุทธแค่ในนามแต่ไม่ได้นับถือพุทธแล้วโปรดอย่าออกกฏหมายทำลาย

จากโพสท์ข่าวที่ผ่านมาให้คอยจับตาดู สนช.จะแอบลักไก่แก้พรบ.สงฆ์ในเรื่องการเข้ามามีส่วนบริหารจัดการทรัพย์สินของวัดนั้น สะท้อนให้เห็นว่า เราคงต้องจับตาดูกันอย่างใกล้ชิด เพราะกฎหมายที่ออกมาล้วนบีบหัวใจชาวพุทธเรื่อยมา....ทำให้กลับมาคิดอย่างจริงจังว่า ถ้าเป็นชาวพุทธจริงๆคงไม่ชงเรื่องออกกฎหมายบีบบังคับพุทธแบบนี้ ทั้งตัดงบพุทธ และเพิ่มงบให้ศาสนาอื่น และการผลักดันให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญไทยถึงไม่สำเร็จสักที ทั้งๆที่บ้านเราเป็นเมืองพุทธมายาวนาน เพราะผู้ไม่หวังดีต่อพุทธ ได้เข้ามามีบทบาทใน สนช. อย่างยาวนานหรือไม่? เป็นเรื่องที่ต้องคิดกันจริงจัง

 

สนช.ที่เป็นพุทธแค่ในนาม แต่ใจไม่ได้นับถือพุทธแล้ว แฝงตัวมาออกกฏหมาย พรบ.คณะสงฆ์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมผ่าน 3 วาระรวด เพราะต้องการกำหนดเงื่อนไข ข้อกฏหมายบังคับพระสงฆ์และองค์กรสงฆ์ทั่วประเทศ เวลาจะโหวตให้ร่างผ่าน จะใช้วิธียกมือนับคะแนน ถ้าพวกไม่ใช่พุทธมีจำนวนมากกว่า แล้วพุทธเราจะไปสู้อะไรเขาได้...ดังนั้น การที่ สนช.นำเรื่องศาสนาพุทธขึ้นมาพิจารณาโดยผู้ที่ไม่ได้นับถือพุทธแล้ว จึงเป็นไม่สมควรเลย และน่าคิดว่า มีเจตนาแอบแฝงในการทำลายพระพุทธศาสนาหรือไม่? กระบวนการทำลายพระพุทธศาสนาน่าจะมีจริงอยู่ อีกทั้งกระบวนการนี้ทำงานร่วมกับสื่อให้ปล่อยข่าวทำลายพระบ่อยๆ ทำให้คนเสื่อมศรัทธา #ชาวพุทธถูกปิดหูปิดตาและถูกเสี้ยมให้ตีกันเองจนลืมมองภัยที่มาประชิดตัว

 

 

 

 

เรียบเรียงโดย : ศิริพงศ์ สำนักข่าวทีนิวส์

ขอบคุณเฟซบุ๊ก : Paisal Puechmongkol