- 10 ม.ค. 2562
ตามรอยเส้นทาง "ยิ่งลักษณ์" หนีคดี ใช้พาสปอร์ตกัมพูชา เผ่นเส้นทางธรรมชาติสู่เขมร ขณะ "ฮุนเซน" เคยบอกปัด ไม่ได้ช่วย?
จากกรณีสำนักข่าว "เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์" ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ปัจจุบัน โดยทางสำนักข่าวดังกล่าว ระบุว่าได้เอกสารที่ยืนยันได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้หนังสือเดินทางของประเทศกัมพูชา เดินทางออกจากประเทศไทยและต่อไปยังประเทศที่ 3 หลังจากหลบหนีคดีรับจำนำข้าวที่ประเทศไทย ทั้งนี้ ในรายงานยังบอกด้วยว่า นอกจากจะใช้พาสปอร์ตของกัมพูชาแล้ว เธอยังใช้เดินสารฉบับเดียวกันนี้ จดทะเบียนตั้งบริษัท "พี.ที.คอร์เปอเรชั่น (P.T. Corporation) มีสำนักงานตั้งอยู่เลขที่" K11 เอเทลไลร์" (K11 Atelier) ซึ่งแป็นอาคารสูง 66 ชั้นในย่าน "ซิมซาจุ่ย"
อย่างไรก็ดี เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบ ปรากฏว่าสำนักงานดังกล่าวเป็นของบริษัทอื่น และเมื่อถามพนักงานต่างก็พากันปฏิเสธว่าไม่รู้และไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อีกทั้งยังไม่รู้จักบริษัท "พี.ที. คอร์เปอเรชั่น" ที่กล่าวมา แต่อย่างใด ทว่า..เมื่อตรวจสอบกลับพบว่า ทั้ง 2 บริษัท มีผู้บริหารชื่อเดียวกันคือนาง "เซลีน ถัง"
ทั้งนี้รายงานข่าวฉบับนี้ก็ยังประจวบเหมาะกับข่าวก่อนหน้านี้ของเธอ ที่ทางเพจเฟซบุ๊กชื่อดังกระบอกเสียงคนเสื้อแดง อย่าง "กรุงเทพ กรุงเทพ" ใช้อวยนายใหญ่นายหญิงตัวเอง เนื้อหาใจความว่า "นางสาวยิ่งลักษณ์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการสถานีขนส่งสินค้า”ชานโตว อินเตอร์เนชั่นแนล คอนเทนเนอร์ เทอร์มินอล”(Shantou International Container Terminal) ที่เกาะฮ่องกง
อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่กล่าวมาข้างต้นกับข้อมูลของสื่อต่างประเทศ เมื่อนำมาประกอบกับข้อมูลเดิมจากชุดสืบสวนถึงเส้นทางการหนีออกประเทศของ "น.ส.ยิ่งลักษณ์" เป็นไปได้หรือไม่ว่า เธอ ได้ใช้เส้นทางหลบหนีผ่านทางประเทศเพื่อนบ้าน หรือ ประเทศกัมพูชา
ทั้งนี้ หากย้อนข้อมูลไปดูรายงานจากชุดสืนสวน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 60 ที่ผ่านมา "น.ส.ยิ่งลักษณ์" ได้สวมหมวกสีดำ ใช้หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าพร้อมกับเลขาฯส่วนตัว นั่งรถยนต์เมอร์สิเดสเบนซ์ออกจากบ้านพัก เพื่อไปพบกับ "พ.ต.อ." นายหนึ่ง ที่ขับรถยนต์ตราโล่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มารอพบที่บริเวณ ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านวัชรพล ก่อนจะมีรถ 2 คันมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านชัยพฤกษ์ ก่อนที่รถทั้ง 2 คันจะหายเข้าไปภายในบ้านพักของ พ.ต.อ.คนดังกล่าว
ในเวลาต่อมาน.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมเลขาฯ และ "พ.ต.อ." ได้ขับรถยนต์ TOYOTA CAMRY ออกจากหมู่บ้าน ไปที่มีนบุรี และใช้ถนนสุวินทวงศ์ มุ่งหน้า อ.พนมสารคาม อ.เขาหินซ้อน ไปยัง จ.สระแก้ว ก่อนถึง อ.อรัญประเทศ เวลา ประมาณ 22.00 น. ก่อนไปสิ้นสุดที่บริเวณใกล้เคียงสถานีรถไฟอรัญประเทศ โดยมีรถกระบะสีทึบสี่ประตูเปิดไฟฉุกเฉินรออยู่ และมีชายร่างสูงใหญ่นำตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมกับเลขาฯ ขึ้นรถกระบะ ออกจากจุดนั้นไป
และเมื่อดูจากรายงานของชุดสืนสวน จุดสุดท้ายที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ เลขาฯ หายตัวไปคือบริเวณชายแดนอรัญประเทศ ซึ่งติดกับประเทศกัมพูชา และจากจุดนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ เลขา จะใช้เส้นทางธรรมชาติหลบหนีออกไปจากประเทศไทยไปในที่สุด นอกจากนั้นยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางผ่านไปยังเส้นทางประเทศกัมพูชาแล้ว ก็ได้เดินทางต่อไปยังประเทศสิงคโปร์เพื่อพบกับพี่ชาย-นายทักษิณ ชินวัตร จากนั้นก็เดินทางไปพร้อมกับพี่ชาย เพื่อไปยังประเทศดูไบ...
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา ก็ยังไม่มีใครสามารถยืนยันได้ เนื่องจากมีบางสื่อที่รายงานข่าวที่ออกมาจากฝ่ายการเมือง โดยระบุว่า "น.ส.ยิ่งลักษณ์" ใช้เส้นทางอื่น โดยใช้เส้นทางน้ำในการหลบหนีออกนอกประเทศ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร "น.ส.ยิ่งลักษณ์" จะใช้เส้นทางใด สิ่งหนึ่งที่ระบุตรงกัน คือ "ล้วนมุ่งหน้าไปยังประเทศกัมพูชาทั้งสิ้น..."
ขณะที่ สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า "สมเด็จฮุน เซน" นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ปฏิเสธรายงานข่าวที่ระบุว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ใช้กัมพูชาเป็นเส้นทางหลบหนี โดย "นายเขียว กัญญาฤทธิ์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารนิเทศของกัมพูชา เปิดเผยว่า "สมเด็จฮุน เซน กล่าวยืนยันระหว่างการประชุมปิดกับแรงงานทอผ้ากว่า 4,400 ที่โรงแรมเกาะพิช แกรนด์ เธียเตอร์ ในกรุงพนมเปญ ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้หลบหนีผ่านมาทางกัมพูชา..."
ทั้งนี้ คำกล่าวปฏิเสธของสมเด็จฮุน เซน เกิดขึ้นหลังจากบรรดาสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปยังกัมพูชาเพื่อขึ้นเครื่องบินต่อไปยังสิงคโปร์ และนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี ซึ่งมี "นายทักษิณ" โดยอ้างแหล่งข่าวจากบุคคลระดับสูงในพรรคเพื่อไทย และมีรายงานล่าสุดจากซีเอ็นเอ็น สื่อยักษ์ใหญ่ของอเมริกาว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ เตรียมขอยื่นลี้ภัยทางการเมืองกับรัฐบาลอังกฤษด้วย
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่า หากกัมพูชาจะอำนวยความสะดวกทุกอย่างให้เธอ ก็ไม่แปลก! เพราะว่า "สมเด็จ ฮุน เซน" มีความสนิทชิดเชื้อกับ"นายทักษิณ" เป็นอย่างมาก อีกทั้ง ตระกูลชินวัตรกับตระกูลของฮุน เซน ก็ไม่ใช่คนอื่นไกล หากแต่ทั้งสองตระกูลเหมือนจะๆ ดองกันด้วยซ้ำไป เนื่องจากว่าลูกสาวของ "นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์" ซึ่งเป็นน้องเขยของ ทักษิณ คือ "เชอร์รี่" ชยาภา วงศ์สวัสดิ์ ได้แต่งงานกับ นัม ลีนัล เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานคณะรัฐมนตรี กัมพูชา ลูกชายของ"มาดามอ้วน วันลี" และ "เซียง นัม" นักการเมืองระดับแถวหน้าของพรรคประชาชนกัมพูชา (ซีพีพี) ที่เป็นคนสนิทของ "สมเด็จฮุนเซน"