ถอดรหัสคำพูด ผบ.ทบ.ผู้จงรักภักดียิ่งชีวิต พรฏ.เป็นพระราชอำนาจ นัยยะอย่าล้ำเส้น ถึงประโยค…ผมไม่พูดดีกว่า

ถอดคำพูด ผบ.ทบ. พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ หรือ บิ๊กแดง หลังกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ประกาศกร้าวต้องใช้พระราชกฤษฎีกา

กลายเป็นประเด็นที่น่าจับตาและน่าเป็นห่วงไปพร้อมๆกัน เมื่อมีการปลุกระดมในสถานการณ์ขณะนี้ เมื่อกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า คนอยากเลือกตั้งออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ทั้งที่บริเวณแยกราชประสงค์ ถึงกับออกแถลงการณ์ที่ดูผิวเผินเป็นแค่คำขู่รัฐบาลคสช. แต่หากมองไปถึงข้อเท็จจริงที่แอบแฝงซ่อนนัยนี่คืออาการเหิมเกริมก้าวร้าวยิ่ง กับคำกล่าวที่ว่า ภายในวันศุกร์ที่ 18 ม.ค.นี้ หากยังไม่มีการประกาศ พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ในราชกิจจานุเบกษา  จะยกระดับการชุมนุม เรื่องนี้ผบ.ทบ.จึงต้องออกมาเอง และไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่บิ๊กแดงออกมาพูดถึงกลุ่มคนพวกนี้ เพราะท่าทีล่าสุดมีคำพูดที่ชวนถอดรหัสเป็นอย่างยิ่ง ต้องไม่ลืมว่านอกจากพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ นอกจากคือเบอร์1ของกองทัพบกแล้ว อีกตำแหน่งที่สำคัญยิ่ง ซึ่งทุกคนรู้กันดีอยู่แล้ว

 

ลองมาจับท่าทีแรกของบิ๊กแดง ที่พูดถึงกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่ทำเอาทั้งองคาพยพสั่นสะเทือน นั่งกันไม่ติดทั้งแกนนำ ไหวสะท้านไปถึงบรรดานักการเมืองในพรรคเพื่อไทยที่ต้องดาหน้าออกมาตอบโต้ ชนิดลิ้นแทบพันกัน ไม่ว่าจะเป็น น้องโบว์ ณัฏฐา พี่ไก่วัฒนา  โดยพล.อ.อภิรัชต์ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเมื่อวันเด็กที่ผ่านมา ถึงการออกมาเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่มในขณะนี้ไม่ให้มีการเลื่อนการเลือกตั้ง ในช่วงเวลาที่กำลังจะมีพระราชพิธีสำคัญของประเทศ ถอดเป็นคำพูดชัดๆได้ว่า

 

“เรื่องเลือกตั้งกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก มีความสำคัญต่อประเทศ กกต.ก็อธิบายแล้ว เรื่องนี้ต้องพรฏ.เลือกตั้ง แต่พวกเขาก็ยังออกมา มีหน้าที่ที่ต้องสร้าง ต้องทำความวุ่นวาย มันมีคนประเภทนี้อยู่ในสังคม ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่รู้เรื่องและเข้าใจการเลือกตั้ง ก็รำคาญเพราะอยากทำมาหากิน อยากอยู่อย่างสงบ แต่ก็ต่างคนต่างคิด เหมือนโดนสั่งมาไม่มองเหตุผล คนที่เขาอยากใช้ชีวิตปกติก็รำคาญ ไปตีความเรื่องเลือกตั้ง กกต.ยังไม่ประกาศเลย ไทม์ไลน์ทุกอย่างก็ยังอยู่ในกรอบเวลา  งานพระราชพิธีมีความสำคัญยิ่งต่อประเทศ แต่คนพวกนี้ไม่เคยคิด แต่เราจะไปเปลี่ยนเขาไม่ได้” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

 

นี่เองที่ทำให้เครือข่ายทั้งบนถนนและในพรรคการเมืองต่างร้อนตัวถึงขั้นกล่าวโจมตีผบ.ทบ.อย่างเผ็ดร้อนรุนแรง กระนั้นก็ไม่ทำให้ชายชาติทหาผู้ถวายสัตย์ปฏิญาณพร้อมปกป้องชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องหยุดออกมาปรามกลุ่มคนเหล่านี้แต่อย่างใดไม่ ???  เพราะวานนี้คือเมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา บิ๊กแดง ก็ออกมาพูดอีกครั้งหลังกลุ่มคนอยากเลือกตั้งประกาศกร้าวต้องประกาศใช้พรฏ.เลือกตั้งภายในวันที่18มกราคม ไม่เช่นนั้นจะยกระดับการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และการออกมายืนแถลงหน้าโพเดียมแต่งเครื่องแบบเต็มยศครั้งนี้ของผบ.ทบ.ก็ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนยิ่งขึ้น นั่นเพราะทุกคำพูด ทุกประโยคล้วนมีนัยยะ รหัสที่สำคัญ เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณที่ชัดแบบไม่ต้องแปลความก็เป็นไปได้!?!

 

ชุมนุม

 

ทั้งนี้ต้องมาฟังสิ่งที่ผบ.ทบ.พูดแบบประโยคต่อประโยค จะช่วยถอดรหัสถึงสัญญาณที่ชัดเจนได้ โดย พล.อ.อภิรัชต์ ในฐานะเลขาธิการ คสช. เริ่มด้วยประโยคที่ว่า ไม่เป็นห่วง ถือเป็นสิทธิเสรีที่จะทำ แต่เสรีภาพการใช้ประชาธิปไตยควรอยู่ในกรอบ ซึ่งเป็นห่วงผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่รอบข้าง ภาพการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาจะเข้าใจอย่างไร เพราะเหตุการณ์ที่เกิดความรุนแรงเคยเกิดบริเวณนั้นอยู่แล้ว สัญลักษณ์ของคนที่ไปดำเนินกิจกรรมทางการเมืองก็มีสัญลักษณ์คล้ายคลึงกันกับสิ่งที่เกิดที่ผ่านมาในอดีต

   

“สิ่งเหล่านี้ไม่อาจไปห้ามอะไรได้ เพราะเป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพ แต่บนสิทธิเสรีภาพบนแนวความคิดที่เราไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงเขาได้ ขอให้เห็นใจ ประชาชนที่สุจริตและประกอบอาชีพอยู่แถวนั้น ห้างร้านต่างๆ ก็หวาดระแวง นักท่องเที่ยวผ่านไปมา คนขับรถก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ ในทางกลับกันเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร ฝ่ายความมั่นคงต้องส่งเจ้าหน้าที่ลงไป เพื่อไม่ให้เกิดเหตุ และต้องให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ขอให้อดทนจากการยั่วยุทุกประเภทที่จะเกิดขึ้น”

   

เมื่อถามว่า ฝ่ายการเมืองได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงทัศนคติที่ไม่ดีของ ผบ.ทบ.ต่อกลุ่มผู้ชุมนุม พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวด้วยเสียงเข้มและนิ่งว่า ไม่เคยบอกว่ามีทัศนคติที่ไม่ดี เพราะมีทัศนคติดี ต้องกลับไปถามว่ามีประสบการณ์อยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุมมาหลายปี เพราะฉะนั้นพอจะอ่านเกมออก อยากจะพูดอะไรถือเป็นสิทธิ์ คงไม่ไปโต้ตอบ และจะทำหน้าที่ในการรักษาความมั่นคงอย่างตรงไปตรงมา พร้อมปฏิบัติธรรมตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา หากทุกคนไม่ล้ำเส้น อยู่ในกรอบในระบอบประชาธิปไตย ก็ไม่ว่ากัน

   

นอกจากนี้ พล.อ.อภิรัชต์ ยังกล่าวต่อว่า เหตุการณ์จะบานปลายหรือไม่นั้น มีองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ได้อยู่ที่ฝ่ายรัฐ เพราะรัฐบาลได้พยายามทำหน้าที่ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็ทำหน้าที่ได้ดีที่สุด รวมถึง ครม.และ กกต. แต่บางอย่างเรียนมาคนละอาจารย์ เขาถูกปลูกฝังมาเช่นนี้ เขาก็คิดของเขาเช่นนี้ ต่อให้ใครมาพูดก็ไม่เชื่อ แต่คนส่วนใหญ่ในประเทศคิดว่ามีเหตุผลและรับฟังว่าเหตุผลว่าคืออะไรในเรื่องปัญหาที่กำลังชุมนุมเรียกร้องกันอยู่ ในปัจจุบันประชาชนทั่วไปที่ติดตามข่าวสารข้อมูลที่เชื่อถือได้ก็คงจะทราบดีว่าเหตุผลอะไร ซึ่งก็บอกหลายครั้งแล้วว่าจะไปเปลี่ยนความคิดของคนนั้นคงลำบาก

 

กองทัพบก

 

สุดท้ายเมื่อถามว่า หากการชุมนุมยืดเยื้อจะส่งผลกระทบต่อการจัดงานพระราชพิธีฯ หรือไม่ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า คงตอบไม่ได้ แต่การดำเนินการใดๆ ก็ตาม ขอให้อยู่ในกรอบ เมื่อท่านมาขีดเส้นไว้ว่าคนนั้นต้องทำอย่างนั้น ท่านก็ต้องขีดเส้นตัวเองด้วย ไม่ใช่มาขีดเส้นให้คนโน้นคนนี้เดินอย่างเดียว เอาเส้นขาวหรือเส้นอะไรมาวางให้เขาเดิน ท่านก็ต้องขีดเส้นที่ตัวท่าน อย่ามาล้ำเส้นกัน ฝ่ายการเมืองก็เดินไป ฝ่ายความมั่นคงทำงานไป ก็จะเป็นระบบสอดคล้องกัน

 

“ ผมพูดไปรับรองไม่เกินอีกครึ่งชั่วโมงก็จะมี feedback กลับมา แต่ผมก็พูดในฐานะที่มีบทบาทเข้ามาดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยจากประสบการณ์ตั้งแต่ปี 2547 ผมคิดว่าประชาชนคงไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นอีก ทุกคนก็เห็นว่ากลุ่มผู้ชุมนุมคือกลุ่มเดิม ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นและมีสิทธิ์ที่จะออกมาชุมนุมเรียกร้องตามระบอบประชาธิปไตย ถึงแม้ว่าขณะนี้รัฐบาลเป็นรัฐบาลของ คสช.เราก็ไม่ได้ดำเนินการมาตรการอะไรทั้งๆ ที่เรามีกฎหมายอำนาจของ คสช. เราก็ปล่อยให้แสดงความคิดเห็น ผมเชื่อมั่นว่าประชาชนส่วนใหญ่มีความเข้าใจและเห็นใจรัฐบาล”

 

อย่างไรก็ตามยังมีสิ่งที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้น เมื่อตอนท้ายของการแถลงหลังจากที่ยกประสบการณ์ ตั้งแต่ปี 2547 เรื่อยมา โดยช่วงท้ายนี้ ผบ.ทบ.พูดว่า

“ผมเชื่อว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้น ....เพราะฉะนั้น ขอให้ท่าน.....อย่า....ไม่พูดดีกว่า..”  ซึ่งหลังจากนั้น บิ๊กแดง ก็จบให้การสัมภาษณ์แล้วเดินจากไป ทิ้งปริศนาคำพูด ที่หลายฝ่ายต่างถอดรหัสกันออกมา  ทำให้อยากจะกลับไปฟังวันที่บิ๊กแดง พูดวันที่รับตำแหน่งผบ.ทบ.ครั้งแรก ซึ่งในวันนี้ บิ๊กแดงไม่รับปากว่าจะไม่เกิดการรัฐประหารอีกโดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมือง ไม่เกิดจลาจล ที่สำคัญในวันนั้นมีการแถลงถึงจุดยืนการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงดำรงตำแหน่งเป็นองค์จอมทัพไทย

 

“บางครั้งมีทหารบางคนลืม ตนจะเตือนสติว่า ผู้บังคับบัญชาสูงสุดคือ องค์พระมหากษัตริย์ เนื่องจากพระองค์ท่านทรงดำรงพระอิสริยยศและดำรงตำแหน่งเป็นจอมทัพไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่เหนือกว่าสิ่งอื่นใด ในส่วนของกองทัพบกถือเป็นข้ารองบาทมีหน้าที่และหัวใจปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งและเป็นศูนย์รวมจิตใจ โดยกองทัพบกจะใช้ศักยภาพและขีดความสามารถทุกอย่างในการปกป้องสถาบัน สำหรับการหมิ่นสถาบันและการก้าวล่วงที่เกิดขึ้นในหลายครั้งก็เกิดจากคนสติไม่สมประกอบและหลายคนก็ต้องหนีออกนอกประเทศไป”

 

นี่จึงเป็นคล้ายคำตอบหนึ่งจากรหัสที่ถูกถอดออกมา ว่าสิ่งที่ผบ.ทบ.ผู้มีความจงรักภักดียิ่งชีวิตผู้นี้ได้พูดถึงกลุ่มคนอยากเลือกตั้งว่าอย่าล้ำเส้นหรือไม่ รวมทั้งที่ผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำมาตลอดว่า พระราชพิธีคือเรื่องสำคัญต่อคนไทยเหนืออื่นใด โดยที่กรอบเวลาในการเลือกตั้งก็ไม่ได้ขยับเลื่อนออกไปแบบผิดกฎหมาย นั่นเพราะทุกอย่างยังอยู่ในไทม์ไลน์150วัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้พวกที่ออกมาสร้างความวุ่นวายรู้หรือไม่ แน่นอนพวกเขาย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ หากเช่นนั้น จะออกมาเคลื่อนไหวสร้างความปั่นป่วนเพื่อวัตถุประสงค์ใด เพราะกฎหมายก็ระบุไว้ชัดเจนตามรัฐธรรมนูญ โดยในความเป็นจริงไม่ใช่ไม่มีการเลือกตั้ง เพียงแต่มีเหตุจำเป็นที่ยังอยู่ในเงื่อนเวลาขยับออกไปนิดหน่อยก็เท่านั้น

 

 

และหากจะมีข้อสงสัยถึงพระราชกฤษฏีกา การเลือกตั้งส.ส. ถึงเงื่อนเวลาการประกาศใช้ ก็มีความกระจ่างชัดอยู่แล้วจากผู้เชี่ยวชาญกฎหมาย อย่าง ศาสตราจารย์ บรรเจิด สิงคะเนติ อดีตกรรมการปฏิรูปกฎหมาย และอดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า ที่เปิดเผยไว้กับทีมข่าวการเมือง สำนักข่าวทีนิวส์ โดยได้อธิบายถึงความแตกต่างระหว่าง พระราชบัญญัติ กับพระราชกฤษฏีกา ไว้อย่างดียิ่งว่า

 

“พระราชบัญญัติ หรือ พรบ. เป็นกฎหมายที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ ที่มีกรอบเวลาอยู่ที่ 90วัน ส่วนพรฏ.ไม่ได้เขียนไว้ชัดในรัฐธรรมนูญถึงกรอบเวลา โดยพรฏ.นั้น เป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร นั่นคือ คณะรัฐมนตรี ที่ออกมาเป็นมติครม. ซึ่งรายละเอียดของเรื่องนี้ไม่มีในรัฐธรรมนูญ ต่างจากการอออกพรบ.ที่ระบุไว้ชัดเจน การออกพรฏ.ซึ่งเป็นเรื่องของฝ่ายบริหารโดยแท้ คือ ครม. และเรื่องของพระมหากษัตริย์ เรื่องของพระราชอำนาจ เมื่อครม.นำทูลเกล้าฯแล้ว พระมหากษัตริย์ก็ใช้พระราชอำนาจวินิจฉัย ขณะที่พรบ.เป็นอำนาจของสภาฯ ออกกฎหมายแล้วนำทูลเกล้าฯ ให้พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย”

 

หากพระมหากษัตริย์ ทรงลงโปรดเกล้าฯมาแล้ว สำหรับพรฏ.นั้น ทางรัฐบาล จะต้องนำประกาศในราชกิจจานุเบกษา ภายในกี่วัน มีกำหนดกรอบเวลาไว้หรือไม่ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกฏหมายรายนี้ ก็ให้ความเห็นในข้อกฏหมายไว้ว่า แม้มีการโปรดเกล้าฯลงมาแล้ว ก็ไม่ได้มีกำหนดเวลาว่ากี่วันที่จะต้องประกาศในราชกิจจาฯ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ระบุกรอบเวลาไว้  นั่นหมายความว่า พรฏ.เมื่อโปรดเกล้าฯลงมาแล้วก็ไม่ได้กำหนดวันเวลาว่าจะต้องประกาศภายในกี่วัน สำหรับกรอบเวลาในการประกาศใช้พรฏ.เลือกตั้งจะทันในกรอบเวลา150วันหรือไม่นั้น จะต้องรอดูกันต่อไป เพราะเป็นเรื่องฝ่ายบริหารนั่นคือ รัฐบาลและเรื่องของพระราชอำนาจนั่นเอง

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "วีระ" หน้าแตกยับ! มั่วหนัก "ผบ.ทบ." เป็นแค่ทหารขนส่ง?...ไม่รู้หรือ "บิ๊กแดง" คือนักรบ เคยเป็น ผบ.ฉก.14 ชายแดนใต้
- "บิ๊กแดง" ยัน จะมีประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งเร็วๆนี้

 

 

น้องโบ