ไปเคลียร์ตัวเองก่อนไหม..."จ่านิว" สั่นสู้! ลั่นยกระดับม็อบหลังแกนนำวงแตก

 

อันว่ามิตรแท้ให้ดูกันในยามยาก...มิตรร่วมอุดมการณ์ให้ดูกันยามหน้าสิ่วหน้าขวาน พฤติกรรมของแกนนำสามประสานกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง "จ่านิว-โบว์-โรม" ที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นประหนึ่งมิตรร่วมอุดมการณ์นั้น อาจทำให้เหล่าผู้อยู่ใต้อาณัติหวังร่วมหัวจมท้ายต้องกลับมาตรองกันใหม่

เมื่อปรากฏว่าสองบุคคลหลังเลือกตัดช่องน้อยแต่พอตัวตีจาก ด้วยยกอ้างเหตุผลทำนองว่า ไม่ประสงค์ให้ม้อบชนม้อบหรือกระทั่งหยิบยกวิกฤตมลภาวะอย่างท่วงทันต่อกระแสบ้านเมือง มาป่าวประกาศว่าตนเจอพิษไข้จากฝุ่น เมื่อปรากฏภาพโรมล้มหมอนนอนเสื่อ...มิต้องปราดเปรื่องนักก็ไม่เกินวิสัยที่จะชวนให้คิดว่า "ป่วยการเมือง" เสียมากกว่า

ล่วงเลยมาจนบัดนี้...อาจอนุมานในเบื้องต้นได้ว่าปฏิบัติการทวงคืนวันเลือกตั้งของผู้ชุมนุมนั้น "คว้าน้ำเหลว" อย่างสิ้นเชิง จากแรกแต่เดิมที่ทั้งผู้นำและผู้ตามดูจะจิตใจรุกรบ อาจหาญกร้าวยกระดับการชุมนุม แม้ผลจะปรากฏว่ามีผู้เห็นดีเห็นงามด้วยจำนวนเพียงหยิบมือ...แต่การแสดงออกที่แฝงนัยบางประการก็ค่อนไปทางหมิ่นเหม่ชวนให้ร้อนๆหนาวๆไปตามกัน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายเท่าใดนัก 

 

เพราะข้อเท็จจริงนั้นองค์บุคคลที่เร้นกายในกลุ่มชุมนุมบางจำพวก...ล้วนแล้วแต่อยู่ในโคจรของนักเคลื่อนไหวที่เคยต้องคดี ม.112 ทั้งสิ้น ...การหยิบยกถ้อยแถลงของคณะราษฎรมาเป็นเครื่องมือก็ดี...หรือการปลุกระดมเคลื่อนขบวนไปที่ทำเนียบรัฐบาล ที่ตั้งอยู่ชิดเคียงใกล้กับกิจกรรม อุ่นไอรักฯ...ถือเป็นการเพิ่มโทนปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลและดูจะเป็นการก้าวล่วงต่อพระราชอำนาจที่ทำให้สังคมตีความกันได้ไม่ยาก

มีความเป็นไปได้กี่มากน้อย...ที่สาเหตุดังกล่าวทำให้คนที่สูงยิ่งด้วยทิฐิมานะอย่างโบว์ ต้องกลับมาพินิจคิดใคร่ครวญและตัดสินใจลดบทบาทของตัวเองลง ถึงแม้ว่าจะมีกระแสลือแว่วว่าเป็นการแตกแยกภายในกลุ่มผู้ชุมนุมก็ตาม แต่การวางกลยุทธ์อย่างผิดๆพลาดๆในข้อนี้...จากที่ควรเป็นเพียงกิจกรรมทางการเมืองอย่างสังติอหิงสาเริ่มส่อเค้าบานปลายจนถลำลึก...หากดื้อดึงดันทุรังอย่างมิราข้อผลบั้นปลายย่อมหนีไม่พ้นมีคนต้องคดีไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งเป็นแน่

โดยเฉพาะโรม ที่ต่างทราบดีว่าตัวเขานั้นกำลังจะสมัครเข้าเป็น ส.ส. ของพรรคอนาคตใหม่ หากยังคงจับปลาสองมือ...หวังเป็นทั้งนักอุดมการณ์และนักการเมือง ย่อมไม่คุ้มเสี่ยงด้วยเพราะหากก้าวพลาดต้องคดีแล้วไซร้...ย่อมต้องมีอันเป็นไปทางการเมืองซึ่งเป็นสิ่งที่เขาปรารถนาให้เกิดขึ้นเป็นอันดับท้าย...สถานการณ์ของกลุ่มคนเลือกตั้งจึงไม่สู้ดีนัก...ทั้งจ่านิวเองที่หัวเดียวกระเทียบลีบ...และต้องทนต่อแรงเสียดทานจากกลุ่มผู้ชุมนุมเห็นต่างที่แตกหน่อหลายกลุ่มก้อน อาทิว่า คนฝั่งธนรักสันติ ,สภานักศึกษารามคำแหง ที่เจตนาให้กลุ่มคนอยากเลือกตั้งหยุดพฤติกรรมดังกล่าวเสีย 

เมื่อกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ถึงคราวต้องแตกคอกันเอง...อุดมการณ์ที่ถือร่วมสูญสิ้นซึ่งเอกภาพ...ครั้นจะ "เดินหน้า" ก็ดูจะไม่ถึงฝั่งฝัน ครั้นจะ "ถอย" ก็ถลำลึกเกินจะหันหลังกลับ...เพราะจ่านิวหนึ่งในแกนนำที่ยังหลงเหลือประกาศกร้าวต่อไปว่า เตรียมนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งในวันที่ 26 ม.ค. 2562 ... จะเป็นการถอยไปตั้งหลักเพื่อจัดกระบวนทัพใหม่...ก็ถือเป็นการเดิมพันที่สูงยิ่ง...แต่มิยากเกินคาดเดาว่าผลบั้นปลายจะเป็นอย่างไร...เพราะลงอีหรอบเดิมก็มีบทเรียนให้เห็นอยู่ทนโท่!