- 22 ม.ค. 2562
โหมไฟใต้ "มหาไพรวัลย์" อ้างสันติ ใช้ "พุทธมณฑล"ประนามโจรใต้.. เข้าล็อตความขัดแย้ง?
เหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลับมารุนแรงอีกครั้งจากเหตุกรณ์กลุ่มคนร้ายจำนวน 6 คนบุกเข้าไปในวัดรัตนานุภาพ หรือ วัดโคกโก หมู่ 2 ตำบลโต๊ะเด็ง อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ส่งผลให้ พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี และในฐานะเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ มรณภาพ พร้อมพระลูกวัด รวม 2 รูป และมีพระสงฆ์บาดเจ็บอีก 2 รูป ท่ามกลางความตื่นตระหนก และเศร้าโลกในเหตุกรณีที่เกิดขึ้น
จนนำมาซึ่งความรู้สึกเสียใจจากหมู่ชนทุกเหล่าศาสนา เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นการกระทำที่ชั่วช้าเกินกว่าจะรับได้ และไม่อาจนำเรื่องของความคิดต่างทางศาสนาเข้ามาใช้เป็นข้ออ้างใด ๆ ได้เลย
ขณะเดียวกัน ได้มีความเคลื่อนไหวจากทางด้าน พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ภิกษุแห่งวัดสร้อยทอง กรุงเทพ ได้เคลื่อนไหวในโลกออนไลน์ เชิญชวน นัดประชุมพุทธบริษัท สวดมนต์ ณ.พุทธมณฑล อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม อ้างว่าเพื่อเป็นการ เรียกร้องสันติสุขและประณามเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับพระในสามจังหวัด
พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ
โดยเริ่มเคลื่อนไหวครั้งแรกตั้งแต่ช่วงเย็นเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 62 พระมหาไพรวัลย์ ระบุว่า “จะใช้พื้นที่เล็กเล็กในการส่งเสียงแทนพระสงฆ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเรียกร้องสันติสุขและความเป็นธรรมแทนท่านอาจารย์พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ ให้สมกับที่ครั้งหนึ่งท่านเคยพูดว่า "ผมติดตามท่านมหาอยู่" “
ต่อมาพระมหาไพรวัลย์ เคลื่อนไหวเป็นครั้งที่2 เสียดายมากที่คนในองค์กรพุทธส่วนกลาง ไม่มีใครคิดเรื่องแบบนี้อย่างที่โยมท่านนี้เสนอได้เลย ถ้ามีใครนัดประชุมพุทธบริษัท สวดมนต์เจริญกรณียเมตตสูตรด้วยความสันติอหิงสา เรียกร้องสันติสุขและประณามเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับพระในสามจังหวัด อาตมาเป็นคนหนึ่งนะที่จะไปร่วมด้วย อย่างน้อยก็เป็นการแสดงพลังที่บริสุทธิ์และเป็นรูปธรรมอย่างที่โยมท่านนี้กล่าว
ครั้งที่3 พระมหาไพรวัลย์ โพสต์กำหนดการนัดหมายการนัดร่วมตัวทำกิจกรรมดังกล่าว ระบุว่า “วันเสาร์นี้ (26 มกราคม) 5 โมงเย็น เราไปทำวัตรสวดมนต์ที่พุทธมณฑลกันไหม ไปเจริญกรณียเมตตสูตรอย่างสันติอหิงสาเพื่อเรียกร้องสันติภาพและประณามเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดกับพระสงฆ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ 5 คน 10 คน เราก็จะแสดงพลังสันติแบบพุทธบริษัท ใครเห็นด้วยบ้าง ช่วยลงชื่อ และแชร์ไป”
และครั้งที่4 พระมหาไพรวัลย์ ได้โพสต์ภาพประชาสัมพันธ์ ขอประกาศเชิญชวนพุทธบริษัทผู้รักในสันติทุกท่านร่วมกิจกรรมทำวัตรสวดมนต์ เจริญกรณียเมตตสูตรเพื่อแสดงพลังบริสุทธิ์ เรียกร้องสันติภาพและประมาณเหตุการณ์ความรุนแรที่เกิดกับพระสงฆ์ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ. บริพุทธมณฑล ในวันเสาร์ที่ 26 มกราคมนี้ เวลา 5โมงเย็น พร้อมระบุคำบรรยายว่า.. “ใครจะร่วมกิจกรรมลงชื่อไว้นะ จำนวนคนไม่สำคัญเท่ากับพลังของหัวใจที่บริสุทธิ์ #ขอบคุณที่ช่วยแชร์ให้”
ขณะเดียวกันทางด้านฝากฝั่งรัฐบาล 22 ม.ค.62 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เป็นห่วงว่าจะถูกทำให้เข้าใจผิดในเรื่องของศาสนา ว่า เราก็อย่าเข้าใจผิด มันไม่ใช่เป็นเรื่องความขัดแย้งทางศาสนา เพราะทาง OIC หรือประเทศผู้แทนมุสลิมมาเยี่ยมเยือนเราหลายครั้ง จัดคณะทำงานไปดูในพื้นที่ภาคใต้ ไปสอบถามประชาชนในพื้นที่ เขาก็บอกไม่ใช่ความขัดแย้ง เรื่องนี้เป็นความขัดแย้งที่ไม่ใช่รูปแบบเดิมๆ ที่เกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศ ดังนั้น เราอย่าเอาหลายอย่างไปพันกัน ขณะนี้เรายังไม่ถึงตรงนั้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สิ่งที่ผมอยากให้ความสำคัญก็คือสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจในเรื่องเหล่านี้ จะเห็นได้ว่าช่วงนี้สถานการณ์รุนแรงขึ้นเพราะอะไร เนื่องจากเสถียรภาพทางการเมืองหรือเปล่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเลือกตั้งอะไรหรือไม่ เกี่ยวข้องหรือไม่ ต้องไปดูให้ชัดเจน
วันนี้ก็มีหลายกลุ่ม หลายฝ่ายที่ออกมาสร้างเหตุรุนแรงในขณะนี้เพื่อยกระดับตัวเองให้มีเกรดสูงขึ้น ดังนั้น เราอย่าไปขยายให้เขา เราต้องไม่ไปเข้าล็อคเขา เขาต้องการที่จะทำอย่างไรก็ได้ให้สังคมตื่นตระหนก หรือให้สังคมกดดันรัฐบาล กดดันภาครัฐเพื่อไปสู่จุดมุ่งหมายที่เขาต้องการ เป็นสงครามแย่งชิงทางความคิด ดังนั้น เราอย่าเอาความคิดของเราไปตกหลุมพรางเขา เราก็จะหามาตรการทางกฎหมาย และเรื่องการพูดคุยสันติสุข มันต้องทำทั้งหมด ให้ต่างประเทศเห็นว่าเราไม่ได้ใช้กำลังอย่างเดียว เพราะเรื่องนี้คณะกรรมการต่างๆ เขาดูอยู่ ทั้งกรรมการสิทธิมนุษยชน หรือยูเอ็น เขาดูกันหมด ข้อสำคัญคือปัญหาของเราแตกต่างจากหลายประเทศ ดังนั้น ก็ต้องแก้ปัญหากันต่อไป
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ตนได้กำชับไปหลายอย่าง จุดอ่อนไหวที่สุดมีจำนวนมาก ทั้งวัด โรงเรียน เด็ก ครู สถานที่ประกอบการธุรกิจทั้งหมดถือเป็นพื้นที่เสี่ยงทั้งหมด แม้แต่ทหารก็ยังเสี่ยงเลย เพราะถูกแวดล้อมด้วยประชาชนทั้งหมด ดังนั้น จึงต้องหามามาตรการทางการข่าวที่เหมาะสม การระมัดระวังป้องกันฐานตัวเอง และระมัดระวังผู้ที่เข้ามาติดต่อราชการ ต้องเข้มงวดทั้งหมด โดยประชาชนในพื้นที่ก็ต้องร่วมมือด้วย ซึ่งบางครั้งการกำหนดมาตรการอะไรออกมาก็ปฏิบัติได้ยาก เพราะประชาชนที่ไม่เดือดร้อนก็กลัวว่าจะกระทบกับสิทธิของตัวเอง ซึ่งมันหลายอย่าง ถ้าเราต้องการสิทธิ เสรีภาพมาก ความไม่ปลอดภัยก็จะเกิดตามมา และเมื่อวานตนได้ออกแถลงการณ์เรื่องนี้ไปแล้วว่ามีมาตรการอะไรบ้าง อย่าให้ใครมาบิดเบือนว่ารัฐบาลไม่ทำอะไรเลย ทั้งที่ทำตั้งหลายอย่าง ดังนั้น ต้องช่วยกัน อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ทางการข่าวยังไม่มีอะไรที่บ่งชี้ว่าจะขยายความรุนแรงเกิดขึ้นอีก
ดังนั้นก็ต้องมาขบคิดว่า การกระทำ-พฤติกรรมของพระมหาไพรวัลย์ ในการปลุกระดมชาวพุทธในครั้งเหมาะสม และสมควรหรือไม่ ยิ่งทำยิ่งจะเท่ากับยั่วยุ ยิ่งเดินเข้าสู่แผนการของผู้ก่อการร้าย ..ที่สำคัญ พุทธมณฑล ถือเป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาของคนไทน เป็นศูนย์รวมการจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาและจัดประเพณีกิจกรรมต่าง ๆ ถือเป็นสถานที่ราชการ ซึ่งอยู่ในความดูแลของ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นหน่วยงานขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นหากมีการจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น อาจจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ว่ารัฐให้การสนับสนุน จนกระทั้งอาจก่อให้สถานการณ์ที่บานปลาย ขยายวงกว้างทำไปสู้ความขัดแย้งได้
ทั้งนี้หากย้อนกลับไปเมื่อช่วงปี2560 ในกรณีของ อดีตพระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท หัวหน้าพระวิทยากรประจำพระอารามหลวง วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม อดีตพระนักเคลื่อนไหวทางศาสนาชนิดที่เรียกว่า “สุดโต่ง” และมักจะอออกมาปลุกปั่นให้คนพุทธที่อยู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ วิพากษ์วิจารณ์ ศาสนาอิสลามและชาวมุสลิม อย่างต่อเนื่องในสื่อออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊คและยูทูบ และเคยถูกตักเตือนไม่ให้เผยแพร่ข้อมูลที่เข้าข่ายปลุกระดมยั่วยุผ่านสื่อออนไลน์มาก่อนแล้ว และอีกประเด็นก็คือการสร้างมัสยิดในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสาน
สำหรับอดีตพระมหาอภิชาติ ได้รับฉายาว่า "พระวิระทูเมืองไทย" โดยมีต้นแบบจากพระวิระทูของพม่า ที่มีความสุดโต่งในศาสนาพุทธและต่อต้านศาสนาอิสลาม ซึ่งที่ผ่านมาได้แสดงความเห็นวิจารณ์ศาสนาอิสลามอย่างรุนแรง สร้างความเกลียดชังระหว่างศาสนา จนมีการแจ้งความดำเนินคดีหลายครั้ง
ทั้งนี้ อดีตพระมหาอภิชาติ ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจับกุมไปจากจังหวัดสงขลา ก่อนจะนำถูกตัวไปลาสิกขาที่วัดเบญจมบพิตร ช่วงค่ำวันที่ 23 กันยายน 2560
อย่างไรก็ตามต้องเรียนย้ำว่า ข้อเท็จจริงความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งทางด้านศาสนา ซึ่งศาสนาไม่ใช่ต้นเหตุของความขัดแย้งและการใช้ความรุนแรงใดๆ แต่สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องของการก่อการร้าย โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงซึ่งมีความพยายามในการสร้างสถานการณ์เอื้อประโยชน์ต่อฝ่ายตนเอง และพยายามดึงเข้าสู่เงื่อนไขความขัดแย้ง ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมที่เลวทราม