- 14 ก.พ. 2562
ถือร่วมอุดมการณ์เดียวกัน "บิ๊กตู่-บิ๊กแดง" จงรักภักดีไม่แปรเปลื่ยน เปิดหมวกอีกใบของบิ๊กแดง "ทม.รอ." วันนี้ยันแล้ว ไม่มีรัฐประหาร!
เล่นทำเอาแตกตื่นกันทั้งบาง ตกอกตกใจกันยกใหญ่ เมื่อคลิปสังคมออนไลน์ที่ได้มีการแชร์กันออกไปมากในโลกโซเชียล กรณีเคลื่อนรถถังล้อยาง รวมถึงยุทโธปกรณ์ จำนวนมากเคลื่อนเป็นแถว ยาวตามท้องถนน กรณีดังกล่าวได้รับความกระจ่างเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา "พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์" ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ร.2 รอ.) ชี้แจงว่า "ตามที่ปรากฎข่าวสารว่ามีการนำภาพการเคลื่อนย้ายยานพาหนะทางทหารเพื่อเข้าทำการฝึกมาเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์เพื่อมุ่งบิดเบือนประเด็นอันจะก่อให้เกิดความไม่เข้าใจกับประชาชนโดยทั่วไปนั้น ทางกองพล ร.2 รอ. ขอนำเรียนข้อมูลซึ่งเป็นข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวดังนี้ ว่า
"การเคลื่อนย้ายยานพาหนะรวมถึงยุทโธปกรณ์ที่ปรากฎในภาพนั้น เป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนย้ายหน่วย เพื่อเข้าทำการฝึกร่วมหน่วยทหารรักษาพระองค์ และเหล่าทัพ ประจำปี2562 ซึ่งปัจจุบันทำการฝึกอยู่ในพื้นที่ของ จ.ลพบุรี โดยห้วงเวลาในการฝึกนั้นเริ่มดำเนินการฝึกตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.62 เป็นต้นมา และ จะสิ้นสุดในวันที่ 21 ก.พ.62 ทั้งนี้กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ซึ่งมีหน่วยในสังกัดที่มีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.สระแก้ว, จ.ปราจีนบุรี และ จ.ชลบุรี ได้เป็นส่วนหนึ่งในการจัดกำลังเข้าร่วมการฝึกดังกล่าว ซึ่งจะต้องมีการจัดยานพาหนะและยุทโธปกรณ์ทางทหาร เข้าทำการฝึก รวมถึงต้องมีการเคลื่อนย้ายกำลังพลและยุทโธปกรณ์จากพื้นที่ จ.สระแก้ว จ.ปราจีนบุรี และ จ.ชลบุรี ไปยัง พื้นที่จ.ลพบุรี
ด้วยความตระหนักในความเดือดร้อนของประชาชนที่ใช้เส้นทางในการสัญจร หน่วยจึงได้วางแผนการเคลื่อนย้ายออกเป็นหลายห้วงเวลา และ หลายเส้นทางการเคลื่อนย้าย เพื่อไม่ให้เกิดความคับคั่งของเส้นทางการจราจร โดยเริ่มทำการเคลื่อนย้ายตั้งแต่ห้วงวันที่ 31 ม.ค.62 เป็นต้นมา เส้นทางการเคลื่อนย้ายหลักจำนวน 3 เส้นทางหลัก คือ เส้นทางที่ 1 จากจ.สระแก้วใช้เส้นทางถนนสุวรรณศร ผ่านจ.ปราจีนบุรี เข้าสู่ จ.สระบุรี และ ลพบุรีตามลำดับ
เส้นทางที่ 2 จากจ.ปราจีนบุรีใช้เส้นทางถนนสุวรรณศร ผ่าน จ.สระบุรี และ เข้าสู่จ.ลพบุรีในพื้นที่การฝึกตามลำดับ และเส้นทางที่ 3 จากจ.ชลบุรี ใช้เส้นทางถนน มอเตอร์เวย์ เข้าสู่จ.สระบุรี และ ลพบุรี ตามลำดับ นอกจากนี้ในขบวนการเคลื่อนย้ายยานพาหนะดังกล่าวนั้นเพื่อเป็นการป้องกันความเข้าใจผิดของประชาชน หน่วยได้มีการจัดทำป้ายติดยานพาหนะในระยะที่เหมาะสมเพื่อประชาสัมพันธ์การปฏิบัติดังกล่าวให้ทราบ แต่ในขณะเดียวกัน ภาพที่ปรากฎ ผู้บันทึกภาพและส่งภาพนั้น ต้องการถ่ายในมุมที่ไม่ปรากฎภาพป้ายประชาสัมพันธ์ รวมถึงไม่ระบุเส้นทางหรือจุดที่บันทึกภาพการเคลื่อนย้ายดังกล่าวอันแสดงให้เห็นถึงความต้องการในการบิดเบือนประเด็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รววมไปถึงทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ตื่นตะหนกกับเหตุการณที่เกิดขึ้นดังกล่าว พากันนึกไปต่างๆนาๆว่า "จะเกิดการรัฐประหารซ้อน" หรือไม่?
ต่อกรณีดังกล่าว ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) "พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์" ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ข่าวลือก็คือข่าวลือ มีคนพยายามสร้างสถานการณ์ให้คิดว่าจะมีการปฏิวัติรัฐประหาร พยายามหยิบประเด็นหลายอย่างมาเชื่อมโยงกัน ซึ่งไม่ได้เป็นความจริง การนำยานพาหนะของกองทัพออกมาก็เพื่อไปฝึก แต่มีการนำไปตีความ จึงขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกตกเป็นเหยื่อโซเชียลมีเดียที่พยายามบิดเบือนเชื่อมโยงสถานการณ์ ซึ่งความจริงแล้วไม่มีอะไร ทุกอย่างเป็นไปตามไทม์ไลน์การเลือกตั้ง ตนยืนยันจุดยืนของกองทัพยังเหมือนเดิม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีความพยายามทำให้เกิดความหวาดระแวงหรือไม่ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า เมื่อเข้าสู่โหมดการเมืองก็เป็นเรื่องของการเมือง และขณะนี้จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. ใครจะทำอะไรก็จะนำมาผูกโยงเรื่องการเมืองทั้งนั้น ซึ่งเป็นกลุ่มคนหน้าเดิมๆ ส่วนเหตุการณ์ดังกล่าวจะเชื่อมโยงกับเหตุการณ์วันที่ 8 ก.พ. หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ต่อข้อสงสัยที่ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของกลุ่มการเมืองใช่หรือไม่ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้พูดแบบนั้น เมื่อถามว่ากองทัพกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. มีความสัมพันธ์ที่ดีอยู่ใช่หรือไม่ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวยืนยันว่า กองทัพวางตัวเป็นกลาง จะยืนเคียงข้างประชาชนและที่เคยพูดไว้แล้วว่าอย่าล้ำเส้น ซึ่งคำนี้มีความหมายอยู่แล้ว ขอให้ทุกคนอยู่ในกติกาของตนเอง อย่าล้ำเล้น
เมื่อถามว่าสถานการณ์ขณะนี้กองทัพต้องระวังตัวมากขึ้นหรือไม่ พล.อ.อภิรัชต์ ตอบว่า กองทัพระวังตัวมานานแล้ว และในวันนี้มีการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ตนได้เน้นย้ำกำลังพลทุกคนในการวางตัวจากนี้ไปต้องระมัดระวังทุกฝีก้าวอย่าให้ตกเป็นเหยื่อ และขอให้มีวินัย ยึดถือในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ที่อยู่ในหัวใจของทุกคนอยู่แล้ว แต่การกระทำในวันนี้เราต้องไปอยู่ในโหมดของการเมืองคือห้วงการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นการดำเนินการต่างๆ เช่นการขอกำลังไปช่วยเหลือในคูหาเลือกตั้ง ทุกอย่างมีกฎระเบียบอยู่แล้วตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ประกาศมา ซึ่งตนได้เน้นย้ำผู้บังคับหน่วยไปชี้แจงกำลังพลให้ไปปฏิบัติตัวให้ถูกต้องว่าเราต้องรักษาความเป็นกลางทั้งในฐานะกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) และคสช.ต่อการเลือกตั้ง
ทั้งนี้เมื่อถามถึงความคืบหน้าของคดีปลอมราชกิจจานุเบกษา พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า มีคนทำเพื่อสร้างสถานการณ์ เพราะฉะนั้นการรับข้อมูลจากโซเชียลมีเดียต้องใช้วิจารณญาณ ทั้งนี้ได้ให้ศูนย์ไซเบอร์กองทัพบก (ศซบ.ทบ.)ติดตาม คงจะมีคนคิดอะไรแปลกๆ และไปดำเนินการ ซึ่งมีความผิดตามกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่กำลังหาตัวอยู่และคิดว่าน่าจะได้ตัวแล้วกับขบวนการที่พยายามสร้างความสับสนให้กับประชาชน และขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับข่าวสาร ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าเอกสารปลอมดังกล่าวเผยแพร่มาจากต่างประเทศนั้นตนไม่ทราบ เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีเป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า มีพระราชโองการออกมาแล้ว ตนไม่อยากพูดอะไรอีก ซึ่งต้องยกไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม เมื่อถามย้ำว่าการดำเนินการดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ในเมื่อมีพระราชโองการออกมาแล้วก็ขอให้น้อมนำไปปฏิบัติ
อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าทุกๆถ้อยคำและการกระทำของทั้ง "บิ๊กตู่" และ "บิ๊กแดง" แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ประจักษ์ชัดยิ่งขึ้น จากอาร์มที่ติดแขนซ้ายของบิ๊กแดง แสดงถึงสัญลักษณ์เครื่องหมายของหน่วย ทม.รอ ซึ่งเป็น "ทหารรักษาพระองค์ คือ หน่วยทหารที่มีหน้าที่ถวายความปลอดภัยและถวายพระเกียรติแด่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์อย่างใกล้ชิด เฉพาะกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ จะมีชื่อเรียกเฉพาะว่า ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เนื่องด้วยเป็นหน่วยที่ถวายการรับใช้ต่อองค์พระมหากษัตริย์อย่างใกล้ชิดที่สุด (คำว่า "ราชวัลลภ" นี้ แปลได้ว่า ผู้เป็นที่รัก สนิท คุ้นเคยของพระราชา)
ทั้งนี้หากจำกันได้ ก่อนวันที่ 1 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา ที่จะมีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้นายทหารรับราชการ มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณ โดยให้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้บัญชาการทหารบก มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 ตามความคาดหมายนั้น ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2561 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศแต่งตั้ง “นายทหารพิเศษ” ความว่า “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายทหารพิเศษ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ประกอบมาตรา 4 และมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ.2560 มาตรา 10 มาตรา 13 มาตรา 15 และมาตรา 18 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ.2560 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นนายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม พุทธศักราช 2561 ประกาศ ณ วันที่ 17 กรกฎาคม พุทธศักราช 2561 เป็นปีที่ 3 ในรัชกาลปัจจุบัน”
นั่นเท่ากับว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผช.ผบ.ทบ. ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ทบ.คนที่ 41 ของกองทัพบกไทย มีตำแหน่งที่สำคัญดำรงอยู่ก่อนแล้วอีกตำแหน่งหนึ่ง นั่นคือ “นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.)” ถือเป็นนายทหารเพียงคนเดียวของกองทัพบก ณ เวลานี้ ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ ในตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งแน่นอน พล.อ.อภิรัชต์ต้องปฏิบัติตัวโดยเคร่งครัดในฐานะนายทหารรักษาพระองค์ มีภารกิจสำคัญในการปรับบทบาทและภารกิจของกองทัพ ในส่วนที่เป็นหน่วยทหารรักษาพระองค์ใหม่ ทั้งหน่วย ที่ตั้ง และกำลังพล ที่มีความสำคัญยิ่ง ไม่เพียงแค่นั้น บิ๊กแดง ยังจะต้องมีบทบาทสำคัญ ในฐานะเลขาธิการ คสช. เป็นผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (ผบ.กกล.รส.) ที่ต้องร่วมมือทำงานกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกับ บิ๊กตู่ อีกด้วย
อย่างไรก็ตามจากข้อเท็จจริงที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น จะทำให้เห็นว่า บิ๊กตู่ และ บิ๊กแดง มีความคล้ายกันอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ความใกล้ชิดกับพระบรมวงศานุวงศ์ และความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอย่างยิ่ง สำหรับ "บิ๊กตู่" นั้นมีบทบาทสำคัญในการช่วยก่อตั้งทหารเสือราชินี ด้วยเพราะทำหน้าที่เป็นครูฝึกทหารเสือรุ่นแรกฯ อันเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นหน่วยกำลังรบที่มีหลักสูตรการฝึกกำลังพลเข้มข้นเพื่อถวายอารักขาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สะท้อนอย่างประจักษ์ถึงความจงรักภักดีที่ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมถวายชีวิตเพื่อพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ขณะที่ บิ๊กแดง เป็นถึง ทหารรักษาพระองค์ คือ หน่วยทหารที่มีหน้าที่ถวายความปลอดภัยและถวายพระเกียรติแด่พระมหากษัตริย์ เหตุฉะนี้แล้ว คงไม่ต้องพูดถึงเรื่อง "การรัฐประหารซ้อน" อีกต่อไป ...
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- หยุดมโน! "บิ๊กแดง" สยบกระแสลือหึ่ง ยัน "ไม่มีปฏิวัติ" ย้ำ กองทัพวางตัวเป็นกลางทางการเมือง