- 16 ก.พ. 2562
เดือดกว่าศึกนอก! ล่อกันเองใน"ประชาธิปัตย์" ... อุดมการณ์อย่างเดียวไม่พอ! ต้อง ..... ด้วย?
ณ ห้วงเวลานี้ ถนนการเมืองไทยกำลังขับเคลื่อนไปอย่างเข้มข้น เนื่องด้วยเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่อึดใจจะมีการเลือกตั้งครั้งสำคัญ ซึ่งแต่ละก๊ก แต่ละเหล่าล้วนแต่เติมเครื่องเต็มกำลัง ไม่อาจถอยได้อีกแล้ว แต่จะว่าไปทุกๆเส้นทาง ก็มิได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ เฉกเช่นหลายตัวอย่างที่ผ่านมา ทั้งนี้ "ประชาธิปัตย์" ไม่ขอน้อยหน้า มีกระแสลือหึ่งออกมาว่าล่อกันเองภายในพรรค หรือไม่? สืบเนื่องจาก 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
"นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า "มีโอกาสได้พบกับ "นายสุรบถ" ในการปราศรัยของพรรค ที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา "นายสุรบถ" ก็ได้ช่วยงานของพรรคเป็นอย่างดี ซึ่งในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ (16 กุมภาพันธ์) ก็จะไปเป็นตัวแทนของพรรค ในการนำเสนอนโยบายด้านศิลปวัฒนธรรม ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร โดยขณะนี้ทางพรรคก็กำลังเดินหน้าทำงานต่อไป
เป็นการให้สัมภาษณ์ที่เสมือนเน้นย้ำว่า ไม่มีปัญหาอะไร กับ "ปลื้ม สุรบถ หลีกภัย" ... แต่หากเราได้ย้อนดูข้อมูล ในอินตราแกรมของภักดิพร สุจริตกุล มารดา สุรบถ เหมือนว่าจะมีอะไรในก่อไผ่และจะไปเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่เพราะหลายข้อความเสมือนว่าเป็นการระบายความในใจเรื่องการเมือง
ไล่เรียงดูรายละเอียดการโพสต์ อินตราแกรม ภักดิพร มารดา สุรบถ ยกตัวอย่างเช่น 14 กุมภาพันธ์ 2562 มีการโพสต์ภาพคุณชวน กับ ลูกชายสมัยวัยเด็ก ว่า “พ่อฮะ.. พ่อฮะ.. ลูกว่าเรา 2 คน ถูกเขาหลอกต้มจนเปื่อย กลับบ้านไปเลียแผลแล้วฝึกวิทยายุทธเหยียบหิมะไร้ร่องรอยกันใหม่ดีไหมพ่อ”
พร้อมกันนั้น ยังเขียนคอมเมนต์ต่ออีกว่า "ถูกเขาหลอกใช้ เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้เอามารองนั่ง เสือกถูกเอากระดูกมาแขวนคอ คนอื่นเขาคว้าพุงไปกินกัน” และ “เสร็จศึกชิงเจ้ายุทธจักรครั้งนี้ เค้าจะเอาพ่อแขวนขึ้นหิ้งอีกไหมนี่ หลังจากตระเวนขายชื่อพ่อไปรอบเมือง ทำอะไรก็ไม่เคยเห็นหัวพ่อ หลอกใช้ไปวันๆ" ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ยังมีภาพนายชวน และ นายสุรบถในปัจจุบันที่นั่งคุยกัน ใส่เสื้อพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่ง ภักดิพร แม่ของสรุบถได้โพสต์ข้อความระบุว่า พ่อฮะ..พ่อฮะ แต่ในสมัยนี้ไม่มีเงินเล่นการเมืองไม่ได้ กำลังใจและกำลังกาย อุดมคติไม่พอสามารถพาเราไปถึงฝั่งฝันได้ จริงไหมฮะ ต้องจมปลักดักดาน คนมีเงินเขาก็จะใช้เงินซื้อวิญญาณคนชั่วทุกขั้นตอนข้ามหัวเราไป สุภาษิท โบราณ ว่าไว้ " มีเงินซื้อผีมาโม่แป้ง ก็ยังได้ " จริงไหมฮะ?
โพสต์ภาพ“แล้วสอนลูกว่า ..จะเล่นการเมืองในสมัยนี้มันไม่เหมือนสมัยพ่อ ที่ต้องใช้ ความดีความสามารถ ความอดทน เป็นที่พึ่งของประชาชน ต้องไปคอยพูดในตลาดสด ในงานวัด ในงานฉายเล่นหนังตลุง รอคอยขึ้นพูดสลับฉาก ตอนหนังตลุงเขาหยุดพัก พ่อก็จะได้ขึ้นพูด นอนรอจนตี2ตี3 ไม่ต้องใช้เงิน” จริงๆ ก่อนหน้านี้ มารดาปลื้ม ยังเคยโพสต์ภาพที่อาจจะมีนัยยะส่งถึงใครบางคนหรือไม่ ได้โพสต์ ภาพสุนัข “เลียปากแผล่บๆ อิ่มมากเชียวนะ สวาปามเข้าไปเต็มที่ระวังมันจุกอกตายนะมึง” แล้วก็ต่อท้ายประมาณว่า “ความลับมันไม่มีในโลกหรอกนะไอ้อ้วน เขาเรียกว่าปากว่า ตาขยิบไง” ไม่เพียงเท่านั้น นางภักดิพร ยังระบุอีกด้วยว่า “โบราญถึงว่า หมาน่ะ มันอดกินขี้ไม่ได้ เขาถึงเรียกไอ้ชาติหมาไง”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง - เดือดกว่าศึกนอก! ประชาธิปัตย์ ล้างกระดาน ... สายหมอวรงค์เหี้ยน! ไม่ส่ง- ลาออก
หากย้อนกลับไป ภักดิพร ได้โพสต์ภาพ ปลื้ม สุรบถคู่กับนายอภิสิทธิ์ พร้อมระบุด้วยว่า จิตมนุษย์ นี้ไซร์ ยากแท้หยั่งถึง 555 รู้หน้า ไม่รู้ใจ รู้ทันมากไป เลยโดนถีบไปมาตรา 33 บังอาจมาทาบรัศมี ลมปากที่พ่นสัญญา แล้วตระบัดสัตย์ ก็เหม็นเหมือนลมตูด อย่างไรก็ตามภายหลังโพสต์ ภักดิพร ได้เปลี่ยนชื่ออินสตาแกรมจาก vrzomom เป็น manuj_mae (มนุษย์แม่) แล้ว ยังได้โพสต์ภาพที่มีข้อความว่า “เกลียด_หรอ สู้ๆ นะ กินข้าวกินน้ำบ้าง เป็นห่วง เดี๋ยวไม่มีแรงนินทา_” พร้อมข้อความในคอมเมนต์ “เห็นเสือหมอบ อย่เห็นว่าเสือไหว้ เผลอเมื่อไรเสือกินสิ้นทั้งขน เป็นคนต้องเกรงเยงยำน้ำใจคน เขาถ่อมตนอย่าเหมาว่าเขากลัว”
หลังจากที่ได้ไล่เรียงแล้วหากโฟกัสไปที่ โพสต์เลยโดนถีบไปมาตรา 33 บังอาจมาทาบรัศมี ลมปากที่พ่นสัญญา หรือนี่จะเป็นชนวนเหตุที่เกิดขึ้นของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ?? เพราะหากดูตามบัญชีรายชื่อสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ “สุรบถ หลีกภัย” ถูกจัดลำดับห้อยู่ลำดับที่ 33 ของบัญชีรายชื่อ เพื่อให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้นคงต้องมาดูกันที่ประเด็นสำคัญนั่นก็คือ “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ประชาธิปัตย์ จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ เพราะหลังจากมีประเด็นนี้ออกมาก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร แต่ที่แน่ๆภาพที่เห็น ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ประชาธิปัตย์ยังคงช่วย ประชาธิปัตย์ และคณะ ลงหาเสียงในการเลือกตั้ง
เพราะฉะนั้นเราคงต้องย้อนดูข้อมูลทางการเมืองของ อภิสิทธิ์ เริ่มเข้าสู่แวดวงการเมืองด้วยการเป็นอาสาสมัครช่วยหาเสียงให้กับพิชัย รัตตกุล ในเขตคลองเตย ช่วงปิดภาคเรียนที่กลับมาเมืองไทย ต่อมาได้เข้าช่วยงานด้านวิชาการในเรื่องแผนพัฒนาเศรษฐกิจให้กับชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ขณะนั้น ก่อนจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็น ส.ส. กรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ. 2535 ขณะมีอายุได้เพียง 27 ปี และเป็นที่ทราบกันดีว่า ชวน หลีกภัย มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ท่าทีทางการเมืองต่อจากนี้ของพรรคประชาธิปัตย์ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่ระบุแน่ชัดว่ามีจุดยืนอย่างไร ?? แต่ที่แน่ๆ ปัญหา ศึกในพรรคประชาธิปัตย์ เกิดขึ้นมาหลายประเด็นด้วยกันซึ่งหากได้ไล่เรียงย้อนกลับไปตรวจสอบรายละเอียด 10 พ.ย.61 การลงคะแนนหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้สมัครหมายเลข 1 ชนะผลการหยั่งเสียงจากประชาชนทั่วประเทศด้วยคะแนนเสียง 67,505 คะแนน ตามมาด้วย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ผู้สมัครหมายเลข 2 ได้คะแนน 57,689 คะแนน และ นายอลงกรณ์ พลบุตร ผู้สมัครหมายเลข 3 ได้คะแนน 2,285 คะแนน จากผู้ที่มาลงคะแนนทั้งหมด 127,479 คน
ขณะเดียวกันหลังจากจบสิ้นการลงคะแนนหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคไปก็ยังมีปัญหาตามมาอยู่เรื่อยๆ เช่นก่อนหน้านี้ อาจมีการเปลี่ยนตัวผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จังหวัดสงขลา จากนายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส. มาเป็นนายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ และอดีต ส.ส.สงขลา จนท้ายที่สุด 5 ก.พ. 2562 นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์หลังชี้แจงต่อคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ว่า ตนได้ชี้แจงกรรมการสรรหาฯ ว่าพร้อมสู้ และเดินได้ ซึ่งครั้งนั้น ก็ถือว่าจบศึกชิง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สงขลาพรรคประชาธิปัตย์เพราะกรรมการสรรหาของพรรค ไฟเขียว ส่ง วิรัตน์
อีกหนึ่งอดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ดูเหมือนว่ามีปัญหาว่าพรรคจะไม่ส่งลงสมัคร ส.ส. นั่นคือ ชุมพล จุลใส อดีต สส.พรรค ประชาธิปัตย์ ซึ่งตอนนั้น มีข่าวว่าพรรคจะไม่ส่งลงสมัคร ส.ส.เนื่องจาก สุพล จุลใส นายก อบจ.ชุมพร คนปัจจุบัน ซึ่งเป็นพี่ชายจะลง สมัคร ส.ส. ชุมพรเขต 3 สังกัด พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา // แต่ท้ายที่สุดแล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็ส่ง ชุมพล จุลใส ลงสส.ในพื้นที่ภาคใต้
ยังไม่หมด ยังมีกรณีของ วิฑูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรคภาคอีสาน และผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 40 โพสต์ข้อความในไลน์กลุ่ม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในเชิงตั้งคำถามว่า พรรคและใช้หลักคิดวิธีการจัดลำดับอย่างไร เพราะคนที่ไม่ออกทุน ไม่ทำกิจกรรมร่วมกับพรรค ไม่ลงพื้นที่ กลับได้ที่ลำดับที่ 21 -28 -10 -20 - 30 ส่วนนายวิฑูรย์ เป็นรองหัวหน้าพรรค เป็นคนออกทุน และยังเป็นคนเก่า มั่นคงกับพรรคมาตลอด
นายวิฑูรย์ ระบุด้วยว่า ช่วงการเลือกหัวหน้าพรรค ออกแรงเชียร์นายอภิสิทธิ์ เต็มตัว เต็มที่ จนกลุ่มของนายบัญญัติ บรรทัดฐาน และ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ไม่พอใจ แต่ก็เปิดหน้าชนเพื่อนายอภิสิทธิ์ แต่ท้ายสุดกลับถูกนายอภิสิทธิ์ จัดให้ลำดับ 40 ซึ่งเหมือนเป็นการประหารชีวิตทางการเมือง แต่ชีวิตนี้เลือกแล้วการเมืองคือ ประชาธิปัตย์พรรคเดียวและพรรคสุดท้าย สถานการณ์ที่คุกรุ่นขณะนี้ของพรรคประชาธิปัตย์ กับกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มารดา สุรบถ หลีกภัย ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ฯ แสดงความไม่พอใจกับใครบางคนในพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ .... เรื่องนี้ต้องติดตามว่าทางประชาธิปัตย์จะสู้ศึกการเมืองทั้งนอกพรรคและเคลียร์ปัญหาภายในพรรคตัวเองอย่างไร ??
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดประวัติ "อภิสิทธิ์" ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ กับคำเดิมพัน "หากแพ้ครั้งนี้จะลาออกจากหัวหน้าประชาธิปัตย์?"
- เพื่อไทยปล่อยข่าว "ดีลตั้งรัฐบาล" ให้ราคาประชาธิปัตย์...เป็นแค่พรรครองบ่อน??
- คิดจะเป็นกว่าหัวหน้าพรรค "ประชาธิปัตย์" เลือดใหม่ไม่แทงกั๊ก!