จับตาสายธารบรรจบ! "กำนัน-นายหัว-มาร์ค" เมื่อแม่น้ำต่างสายเลือดต่างสี ไหลรวม ศึกนี้ชี้ชะตาประเทศ

ณ วันนี้ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าวันนี้ 'ลุงกำนัน' และ 'พรรครวมพลังประชาชาติไทย' ก็เดินหน้าสนับสนุน"พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา"อย่างเติมที่  ในขณะเดียวกันสถานการณ์ที่พรรคประชาธิปัตย์ทางภาคใต้กำลังทรุดกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที  ทั้งหมดทั้งมวลเกิดจากหลังการประกาศจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจนของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 10 มีนาคม

ที่ผ่านมา 'นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ' หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้อัดคลิป ลงแฟนเพจ Abhisit Vejjajiva โดยเป็นการประกาศจุดยืนชัดๆของตนเอง ที่จะไม่สนับสนุน 'พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา' เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ เพราะ การสืบทอดอำนาจ สร้างความขัดแย้ง และขัดกับอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ "ประชาชนเป็นใหญ่"

 

 

ต่อกรณีดังกล่าวเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) พร้อมสมาชิกพรรคได้กล่าวตอนหนึ่งระหว่างปราศรัยที่ สวนพระนารายนณ์ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ระบุว่า

"ที่จริงผมไม่อยากพูดถึงเลยนะครับ ผมออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ผมอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ 37 ปี ผมเป็นเลขาธิการพรรค เป็นผู้บริหารพรรคคนสำคัญคนหนึ่ง และผมบอกกับพี่น้องตรง ๆ ผมเป็นคนทำให้อภิสิทธิ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่ใช่เพราะผม ผมไม่รู้ว่าชาติหน้ามันจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นี่แหลงกันตรง ๆ"

 

"แต่วันนี้อภิสิทธิ์มาประกาศแล้ว ออกทีวีแล้ว ประกาศแล้วว่าเลือกตั้งคราวนี้เขาประกาศจุดยืนเลย เขาไม่สนับสนุนประยุทธ์ จันทรโอชา แน่นอน เขาไม่เอา ผมก็ข้องใจ อยากจะถามอภิสิทธิ์ว่า ตกลงอภิสิทธิ์ยืนข้างเดียวกับทักษิณเต็มตัวแล้วใช่มั้ย นี่แสดงว่าถ้าฝ่ายทักษิณเทคะแนนให้อภิสิทธิ์เป็นนายกฯ เอาทันทีใช่มั้ย นี่แสดงว่ามึงอาจอยากจะเป็นนายกฯจนลืมหัวกูแล้วใช่มั้ย" นายสุเทพ กล่าว

 

 

ในเวลาต่อมา มีรายงานข่าวว่า 'นายชวน หลีกภัย' ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 2 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวปราศรัยใหญ่ภาคใต้ ที่ จ.สุราษฏร์ธานี ตอนหนึ่งถึงนายสุเทพ ภายหลังออกมาวิพากษณ์วิจารณ์-ทวงบุญคุณนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าปชป. ที่ประจุดยืนไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอนหนึ่งว่า

 

“การเลือกตั้งครั้งนี้เราต้องมาแข่งกันเอง ท่านสุเทพ เทือกสุบรรณ ท่านสุเทพเป็นเลขาฯ ผม ท่านเป็นคนดี คนเก่งคนหนึ่ง ไม่เคยเปลี่ยน พรรคไม่เคยมีปัญหากับท่านสุเทพ มีแต่ความเสียดายที่ท่านออกไป ไม่เคยเลือกปฏิบัติให้ท่านเสียโอกาส เมื่อท่านอยากเป็นรัฐมนตรีคมนาคมก็ได้เป็น การที่ท่านออกไป เป็นความคิดทางการเมือง แต่เราคิดว่าทุกคน ท่านสุเทพ กำนันเล็ก

เชน ยังเป็นพี่น้องกัน ความสัมพันธ์ส่วนตัวไม่เคยขัดแย้งกัน ส่วนตัวไม่มีความขัดแย้งกัน ท่านไม่พอใจคุณอภิสิทธิ์ก็เป็นเรื่องส่วนตัว เราไม่มีทางให้กลับคืนมาได้ แต่ขอร้องท่านว่า พรรคประชาธิปัตย์เหมือนพ่อแม่ให้ท่านสุเทพเติบโต ท่านด่าประชาธิปัตย์เหมือนด่าพ่อแม่ตัวเอง ลูกที่ดีต้อง…พ่อแม่จะจน เราก็ไม่ควรจะไม่ตำหนิ ตำหนิที่บุคคล คนดีไม่ดีไม่เหมือนกัน”

 

 

นายชวน กล่าวต่อว่า รัฐบาลนี้ พล.อ.ประยุทธ์ชอบด่านักการเมือง เคยพูดว่าประชาธิปไตยเป็นอุปสรรคการพัฒนาประเทศ ผมขอเถียงว่า อุปสรรคคือ คนไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. งานทำบุญ ร.9 ผมนั่งใกล้พล.อ.ประยุทธ์ และผมบอกกับท่านว่า พูดตรง ๆ นักการเมืองก็มีทั้งดีและไม่ดี เหมือนที่ทหารก็มีทั้งเลวเหมือนกันนะครับ ท่านอย่าเหมาสิครับ ท่านบอก ผมไม่เคยเหมา แต่ผมบอกว่า เวลาท่านพูดท่านไม่เคยยกเว้น หลังจากนั้นท่านก็บอกว่าภายหลังว่า นักการเมืองที่ดีก็มี

นายชวนกล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เหมือนก่อน ถ้าจะให้คะแนนถึงพวกผม ต้องเลือกให้คะแนน ปชป.มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เลือกให้เกินมาก ๆ เพื่อให้คะแนนบัญชีรายชื่อมากขึ้น เราเจ็บแล้วจำ อย่าให้เขาดูถูกว่า เราทำมันถึงขนาดนี้มันถึงเลือกเรา เราเจ็บแล้วเรารู้จักจำ…อย่าให้เขาเลือกปฏิบัติ

 

ถัดมา ต่อจากกรณีดังกล่าว ทางเพจเฟซบุ๊ก Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ) โพสต์คลิปการปราศรัยของ 'นายสุเทพ  มีเนื้อหาตอนหนึ่ง ระบุว่า “วันนี้มาปราศรัย จ.ตรัง เพราะนายชวนกำลังยกพวกไปทุบผมอยู่ที่สุราษฎร์ แต่ผมปราศรัยตรัง ไม่ได้มาแลกหมัดกับนายชวนนะ ผมมาทำหน้าที่ในฐานะที่เป็นสมาชิกพรรค รปช. พรรคการเมืองของประชาชน ถ้าจะบอกว่าวันนี้มาแหลงบูชาครูก็ได้ วันนี้จึงมาพูดบูชาครู ครูชวน”

ทั้งนี้ เมื่อย้อนดูเส้นทางชีวิตของ สุเทพ นั้น เขามาจากการเป็นกำนันตำบลเล็กๆ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ได้รับไม้ต่อจากผู้เป็นพ่อที่เป็นกำนันมาก่อน ไต่เต้าสู่สส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ และสามารถครองใจชาวบ้านมาอย่างยาวนานนับ 10 สมัย

 

 

ขณะที่ เส้นทางของหนุ่มนักเรียนนอกสุดยอดโปรไฟล์ บินตรงจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด พร้อมการันตีด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 นามว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หนุ่มหน้าตาดีความรู้เต็มสมองได้มีโอกาสเข้ามาช่วยงานด้านเศรษฐกิจให้กับ ชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ขณะนั้น

ก่อนที่ อภิสิทธิ์ จะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็น ส.ส. กรุงเทพมหานคร ปี 2535 ด้วยอายุเพียง 27 ปี ซึ่งนับว่าเป็น ส.ส. ที่มีอายุน้อยที่สุดในขณะนั้น กระทั่ง ชั่วโมงบินสูง จึงไต่เต้าขึ้นมาเป็นแกนนำพรรคคนสำคัญ

 

หลายปีต่อมา สุเทพเริ่มมีบทบาทสำคัญในพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยการดำรงตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรค และเป็นเลขาธิการพรรค ในปี พ.ศ. 2548 ซึ่งเป็นช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์ มีการปรับโครงสร้างพรรคใหม่ โดยใช้บุคคลรุ่นใหม่ เช่น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, กรณ์ จาติกวณิช ต่อสู้กับพรรคคู่แข่งตัวสำคัญอย่างพรรคไทยรักไทย

 

 

โดยผลงานสำคัญของนายสุเทพในช่วงนั้น ก็คือ ผู้รวบรวมข้อมูลยื่นฟ้องพรรคไทยรักไทย และทำให้พรรคไทยรักไทย ถูกวินิจฉัยให้ยุบพรรค พร้อมกับตัดสิทธิ์ทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคนับร้อยคน เป็นระยะเวลานาน 5 ปี

ต่อมาในปี 2551 เมื่อรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อ่อนแรงด้วยม็อบมีสี ชื่อของสุเทพก็ถูกพูดถึงอีกครั้ง ในฐานะผู้ปั้นแต่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ด้วยโมเดล “คุยทีละคน ต่อรองจนทุกฝ่ายพอใจ” โดยยึดหลัก “ศึกษานิสัยใจคอนักการเมืองทุกกลุ่มให้ลึกซึ้ง”

 

 

ขณะเดียวกันในหนังสือชีวประวัติ “กำนันสุเทพ” ที่จัดทำขึ้นระหว่างการชุมนุม กปปส. นั้น ได้บอกเล่าถึงปฏิบัติการปั้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไว้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน โดยระบุไว้บางช่วงบางตอนว่า “วิธีต่อรองเจรจาของผมก็คือผมไปยื่นข้อเสนอให้ชนิดที่เขาปฏิเสธไม่ได้ ข้อเสนอผมก็คือว่า พวกคุณที่เคยอยู่กับทักษิณนี่เคยบริหารงานกระทรวงไหนบ้าง ผมให้กระทรวงนั้นคุณเลย คุณพอใจไหมละ ถ้าไม่พอใจตรงไหนมาเจรจาได้” 

 

 

อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าความสัมพันธ์ของ กำนัน-นายหัว-มาร์ค มีกันมาอยางยาวนาน และเป็นไปในทิศทางที่ดีมาโดยตลอด แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ตัวเลขค่อนข้างจะชัดเจน ว่าถ้าพรรคพลังประชารัฐ ที่สนับสนุน 'พลเอกประยุทธ์' เป็นนายกต่อ จะได้เป็นรัฐบาล

ก็ต้องเอาคะแนนมารวมกับพรรคประชาธิปัตย์และพรรครวมพลังประชาชาติไทยเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ยังไงแม่น้ำทั้งสองสายนี้ก็ต้องไหลกลับมารวมกันอีกครั้ง แต่จะรวมกันแบบไหน แบบที่มีนายอภิสิทธิ์ เป็นนายก หรือ แบบที่มีผู้บริหารชุดใหม่ของพรรคประชาธิปตย์ หรือไม่?