- 03 พ.ค. 2562
าสุดเมื่อวันนี้ (28 เม.ย.62) นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจ โดยระบุว่า..
สืบเนื่องจากกรณี ว่าที่ ส.ส.และผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ จำนวน 11 คน ประกอบด้วย นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายวินท์ สุธีรชัย ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายคารม พรหมพรกลาง ว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายวรภพ วิริยะโรจน์ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายวรกร ฤทัยวาณิชกุลผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายหรินทร์ ยุวรัตนาพร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ, น.ส.นรีรัตน์ สุขวรรณรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 สระบุรี, นายวีระชน นามประกาย ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 สกลนคร, นายปิยเมษฐ ประณีตพลกรัง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 14 นครราชสีมา และ น.ส.กัลยารัตน์ กิตติกัลยานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 10 ขอนแก่น
เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ในข้อหากระทำการอันเป็นเท็จ เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจผิดกลั่นแกล้งให้ผู้สมัคร ส.ส.ถูกเพิกถอนสิทธิรับสมัคร สิทธิเลือกตั้ง หรือ ประกาศ รับรองผลการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 143 วรรค 2 กับ สน.ทุ่งสองห้อง เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อวันนี้ (28 เม.ย.62) นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจ โดยระบุว่า..
....เมื่อวานวันที่ 2 เมษายน 2562 ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ จำนวน 11 คน ไปแจ้งแก่เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจนคลบาลทุ่งสองห้องให้ดำเนินคดีแก่นายศรีสุวรรณ จรรยา ในความผิดตาม พรป.เลือกตั้งฯ
.....มาตรา 143 "ผู้ใดกระทําการอันเป็นเท็จเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าผู้สมัครผู้ใดกระทําการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกิน สี่หมื่นบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดห้าปี
.....ถ้าการกระทําตามวรรคหนึ่งเป็นการเพื่อจะแกล้งให้ผู้สมัครนั้นถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือสิทธิสมัครรับเลือกต้ัง หรือเพื่อไม่ให้มีการประกาศผลการเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดยี่สิบปี
.....ถ้าการกระทําตามวรรคหนึ่งเป็นการแจ้งหรือให้ถ้อยคําต่อคณะกรรมการต้องระวางโทษจําคุก ต้ังแต่เจ็ดปีถึงสิบปี และปรับต้ังแต่หนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลส่ังเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ของผู้นั้นมีกําหนดยี่สิบปี"
..............ฯลฯ
.....กรณีที่นายศรีสุวรรณไปยื่นคำร้องต่อ กกต. ให้ไต่สวนว่า ผู้แจ้งทั้ง 11 คนเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้รับสมัครเลือกตั้งหรือไม่
.....มีข้อน่าสงสัยว่าเหตุใดทั้ง 11 คน จึงไม่ใช้สิทธิฟ้องนายศรีสุวรรณต่อศาลด้วยด้วยตนเอง เพราะการดำเนินคดีจะเร็วกว่าไปแจ้งแก่เจ้าพนักงานตำรวจมาก หรืออาจกลัวว่าถ้าศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า คดีไม่มีมูล จะมีปัญหาตามมา
.....การที่นายศรีสุวรรณไปยื่นคำร้องต่อ กกต.ถ้านายศรีสุวรรณมีหลักฐานจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าที่ระบุว่า ทั้ง 11 คน เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ ยื่นประกอบคำร้องเพื่อให้ กกต. ไต่สวนว่าบุคคลเหล่านั้นต้องห้ามมิให้สมัครรับเลือกตั้งหรือไม่
.....การกระทำของนายศรีสุวรรณก็ไม่น่าเข้าข่ายมีความผิดตามมาตรา 143 แห่ง พรป.เลือกตั้ง เพราะไม่ได้กระทำการอัน เป็นเท็จหรือกลั่นแกล้งบุคคลใด แต่เป็นเพียงขอให้ กกต.ไต่ สวนตามหลักฐานที่ยื่นไปเท่านั้น
.....แต่ผู้ที่ไปแจ้งแก่เจ้าพนักงานตำรวจอาจจะมีความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนได้รับความเสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 และ 174 ได้ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีและปรับไม่เกิน 100,000 บาท