- 17 พ.ค. 2562
พรรคอนาคตใหม่พล่านจะไปคุยอนุทิน จะตอบอย่างไรเมื่อเลขาพรรคเคยเสนอแก้ม.112 ทั้งความคิดเชิงลบสถาบันอีกมาก
จากกรณีนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เป็นประธานการประชุม ต่อมามีเอกสารเผยแพร่ข่าวระบุว่า กกต.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพของ ส.ส.สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสี่ กรณีความปรากฏหรือมีเหตุอันควรสงสัยต่อ กกต.ว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด อันเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ซึ่งเป็นเหตุให้ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบรัฐธรรมนูญ 98 (3)
( อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ธนาธรดิ้นคุยภูมิใจไทย ไม่รู้หรือพรรคนี้เทิดทูนสถาบัน เมื่อตัวเองเป็นนายทุนนิตยสารเชิงลบสถาบัน )
ต่อมานายธนาธรได้แถลงจุดยืนทางการเมืองโดยช่วงหนึ่งระบุว่า พรรคอนาคตใหม่ขอประกาศตัวเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เชื่อว่ามีแต่พรรคอนาคตใหม่เท่านั้นที่จะดึงความสามัคคีร่วมกันได้ และดึงพรรคต่างๆที่มีความขัดแย้งมาทำงานร่วมกัน เพื่อเป้าหมายเดียวกันคือส่งทหารกลับกรมกอง แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ที่เป็นประชาธิปไตย เพื่อขจัดความสิ้นหวังเราจะจัดตั้งรัฐบาลเอง ถ้าหากพรรคอนาคตใหม่รวบรวมเสียงจนจัดตั้งรัฐบาลได้ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมเป็นนายกฯ เพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของคสช.
หลังจากนี้จะเดินทางไปขอพบนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา และนายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อบอกทุกคนว่าถึงเวลาแล้วที่พรรคการเมืองจะมาทำงานร่วมกัน เพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช.การพูดคุยจะเริ่มต้นทันที มั่นใจว่าจะทันวันที่ 20 พ.ค. เป็นวันที่พรรคภูมิใจไทยจะประกาศท่าที อย่างช้าทุกอย่างต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 23 พ.ค.
ทั้งนี้ในวันเดียวกันนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อเดินทางมารายงานตัวที่รัฐสภาใหม่ให้สัมภาษณ์เรื่องจัดตั้งรัฐบาล ตนเป็นพรรคลำดับที่ 5 ต้องเจียมเนื้อเจียมตัว และวันที่ 19-20 พฤษภาคมนี้ พรรคจะมีการปฐมนิเทศและประชุม ส.ส. และกรรมการบริหารพรรค เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากการที่ทุกคนไปพูดคุยถึงความต้องการของประชาชนมา เพื่อขอฉันทามติให้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการได้มีสิทธิ์ตัดสินใจกำหนดทิศทางการเมือง
“ตอนนี้พรรคกดดันและคิดหนักมาก เพราะมีการแบ่งขั้วการเมืองเป็น 2 ฝ่าย คือ เผด็จการ และประชาธิปไตย ทำให้พรรคสายกลางอย่างพรรคภูมิใจไทยมีความกดดัน ขอให้ยุติการแบ่งฝ่าย เพราะผ่านการเลือกตั้งโดยประชาชนมาแล้ว ตอนนี้ทุกคนทุกเสียงสำคัญหมด ทุกพรรคต้องพึ่งพากัน แต่ยอมรับว่า ตอนนี้ยังไม่มีพรรคใดมาสู่ขออย่างเป็นทางการ พรรคภูมิใจไทย ยึดเจตนารมณ์ 4 ข้อได้แก่ เทิดทูนสถาบัน, ไม่สร้างความขัดแย้ง, ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน, ทำให้ประเทศเจริญรุ่งเรือง แต่ตอนนี้ยังไม่มีพรรคใดตอบโจทย์”
อย่างไรก็ตามสำหรับพรรคอนาคตใหม่ มีเลขาธิการพรรคที่ชื่อ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ซึ่งเคยเป็นนักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์โดยได้กล่าวถึงมาตรา 112 ว่า “ผมเคยร่วมกับอาจารย์หลายคนเสนอให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพราะทุกท่านคงทราบดีว่ามาตรา 112 ถูกนำไปใช้กลั่นแกล้งกันและทำลายศัตรูทางการเมืองฝั่งตรงข้ามที่คิดเห็นแตกต่างกัน การเสนอให้แก้ไขมาตรา 112 ตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักการประชาธิปไตยและหลักนิติรัฐ”
นอกจากนี้อุ๊ หฤทัย ม่วงบุญศรี นักร้องชื่อดัง ที่ก่อนหน้านี้ปรากฎเป็นข่าวว่าเข้าดำเนินการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เพื่อขอให้ตรวจสอบคลิปคำพูดของ คุณปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่กล่าวในงานเสวนาเรื่อง "การเมือง ความยุติธรรม และกษัตริย์" ซึ่งจัดขึ้นที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2556 ว่าขัดต่อความมั่นคงของชาติหรือไม่ พร้อมนำหลักฐานคลิปวิดีโอ ความยาว 51 นาที พร้อมสำเนาบทถอดคำพูดอย่างละเอียดไปมอบให้พนักงานสอบสวน
ทั้งนี้อุ๊ ให้เหตุผลว่าเรื่องแม้เกิดขึ้นนานมาแล้วและไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง แต่การเสวนาดังกล่าวมีการบันทึกเทปเผยแพร่ในสื่อโซเชียลทำให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าไปรับชมรับฟังได้ตลอดเวลา ซึ่งเนื้อหาในการเสวนามีลักษณะการพาดพิงในเรื่องของรัฐสภาที่ปัดตกร่าง พ.ร.บ. แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพาดพิงสถาบันหลักของชาติ ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด ไปในฐานะเป็นพลเมือง แม้ไม่ใช่คู่กรณีของคุณปิยบุตร แต่เนื้อหาที่เกิดขึ้นทำให้ประเทศชาติเสียหาย เป็นการหวังผลให้เกิดความสั่นคลอนต่อระบบการปกครองที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
อย่างไรก็ตาม อุ๊ พร้อมทนายความ ยังนำหลักฐานหนังสือราชมัลลงทัณฑ์บัลลังก์ปฏิรูป และหนังสือรัฐธรรมนูญ เดินทางเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสน.ลุมพินี ให้ตรวจสอบข้อความในหนังสือทั้ง 2 เล่ม ที่คุณปิยบุตร เป็นผู้เขียนหนังสือดังกล่าว โดยพบค่ะว่า ในหนังสือมีเนื้อหาที่อาจเข้าข่ายกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ คุณอุ๊ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม และพบข้อความที่ไม่ควรเผยแพร่ และเปิดเผยกับสื่อมวลชนได้เนื่องจากว่าอาจจะเป็นการกระทำผิดซ้ำ แม้ว่าหนังสือดังกล่าวจะเขียนในเชิงวิชาการแต่มีเนื้อหาที่อาจกระทบกับระบบการปกครองไทย ซึ่งเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขได้ จึงอยากให้ตำรวจตรวจสอบว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ พร้อมกับย้ำว่า
การร้องทุกข์ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องของการเมืองหรือความรู้สึกส่วนตัว เพราะตนเองก็ชื่นชมแนวคิดของพรรคอนาคตใหม่ที่เหมาะสมกับยุคสมัย แต่เรื่องของชาติบ้านเมืองถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด และยังบอกว่า ผู้ที่ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมืองมีอยู่จริง และไม่ใช่เรื่องใหม่ นอกจากนี้ยังมองว่าเป็นโอกาสดีให้ทางคุณปิยบุตรพิสูจน์หากไม่ได้กระทำผิด เบื้องต้นพนักงานสอบสวนก็จะสอบปากคำ และรวบรวมพยานหลักฐานว่าจะเข้าข่ายความผิดข้อกฎหมายใดหรือไม่ ซึ่งนอกจากคุณอุ๊แล้วก็ยังจะมี คุณมหัศจักร โสดี ตัวแทนกลุ่มคนไทยหัวใจรักกัน นำหลักฐานเข้าร้องทุกข์ให้ตรวจสอบคลิปของ คุณปิยบุตร ที่กล่าวในงานเสวนา “การเมืองความยุติธรรมและกษัตริย์” ให้ตรวจสอบด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- ธนาธรดิ้นคุยภูมิใจไทย ไม่รู้หรือพรรคนี้เทิดทูนสถาบัน เมื่อตัวเองเป็นนายทุนนิตยสารเชิงลบสถาบัน
- “กนก” หยอก “ธนาธร” รีบแต่งชุดขาวใส่เดินเล่นที่บ้านก่อน เผื่อไม่ได้ใส่!!
- ด่วน!มติกกต.ส่งศาลรธน.วินิจฉัยคุณสมบัติส.ส.ธนาธรปมถือหุ้นสื่อ