- 17 พ.ค. 2562
เป็นประเด็นร้อนชั่วข้ามคืนจริงๆ สำหรับคลิปที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคใหม่ หลังออกมาเปิดเผยกับสื่อต่างประเทศ ปูดดีลลับ ผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ โทรศัพท์หานางสมพร จึงรุ่งเรือง มารดา เกลี้ยกล่อมให้นายธนาธรมอบส.ส.อนาคตใหม่ 20 คน เพื่อแลกกับคดี แต่กลับไม่มีการเปิดเผยว่าผู้ใหญ่คนนั้นคือใคร และแลพเพื่อวัตถุประสงค์ใด
เป็นประเด็นร้อนชั่วข้ามคืนจริงๆ สำหรับคลิปที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคใหม่ หลังออกมาเปิดเผยกับสื่อต่างประเทศ ปูดดีลลับ ผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ โทรศัพท์หานางสมพร จึงรุ่งเรือง มารดา เกลี้ยกล่อมให้นายธนาธรมอบส.ส.อนาคตใหม่ 20 คน เพื่อแลกกับคดี แต่กลับไม่มีการเปิดเผยว่าผู้ใหญ่คนนั้นคือใคร และแลกเพื่อวัตถุประสงค์ใด
สืบเนื่องจากรณีที่เพจ “News Wave Rider” ได้เผยแพร่คลิปวีดีโอ ความยาว 2.26 นาที ขณะที่นายธนาธร กล่าวในงานเสวนาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย Foreign Correspondents’ Club of Thailand – FCCT ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 62
นายธนาธร กล่าวว่า อย่างที่คุณก็รู้ในโลกตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกาเมื่อคุณเริ่มพูดต่อหน้าสาธารณะอย่างนี้คุณมักจะเริ่มด้วยการเล่าเรื่องตลกแต่ในวัฒนธรรมไทยมีธรรมเนียมที่แตกต่างออกไปเรามักจะเริ่มด้วยการเล่าของออกไปดังนั้นเมื่อเราอยู่ในที่ประชุมนานาชาติอย่างนี้ ตนจึงอยากจะขอเริ่มต้นด้วยการขออภัยสำหรับตลกร้ายที่จะเล่าต่อไปนี้
2-3สัปดาห์หลังเลือกตั้ง แม่ของตนได้รับการติดต่อจากสมาชิกระดับอาวุโสของพรรคพลังประชารัฐ.
และ เป็นที่ทราบดีตอนนี้มีอะไรคดีหลายข้อหาด้านภัยต่อความมั่นคงที่กระทำต่อตนและแกนนำพรรคอนาคตใหม่
รู้มั้ยว่าสมาชิกอาวุโสของพรรคพลังประชารัฐรายนี้พูดกับแม่ตน (นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ)
“คุณสมพรเราสามารถตัดกวาดลบล้างข้อกล่าวหาทั้งหมดที่มีต่อคุณและลูกชายของคุณและพรรคอนาคตใหม่รวมไปถึงข้อกล่าวหารต่ออาจารย์ปิยบุตร..ถ้าคุณขอให้ลูกชายของคุณมอบสส.จำนวน20คน จากพรรคอนาคตใหม่มาให้พรรคพลังประชารัฐ”
แม่ ของตนค่อนข้างกังวลใจเกี่ยวกับคดีความทั้งหลายที่ตนเกี่ยวข้อง เป็นห่วงความปลอดภัยของลูกชายและก็ไม่เข้าใจเรื่องการเมืองนัก
ดังนั้นขึ้นหนึ่งแม่ได้โทรศัพท์มาหาตน และพูดว่า “ธนาธรรู้มั้ยว่าเราได้รับข้อเสนอมาอย่างนี้ เธอชนะตั้งเยอะตั้ง 80 ที่นั่งแบ่งให้เขาสัก20 ที่นั่ง แล้วเรื่องยุ่งๆจะได้จบ”
นี่แหละสังคมแบบที่เรากำลังอาศัยอยู่
คลิปดังกล่าวกลายเป็นที่ถกเถียงกันของสังคมอย่างมาก สำหรับประเด็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เต็มไปด้วยข้อสงสัยโดยเฉพาะสมาชิกอาวุโสของพรรคพลังประชารัฐรายดังกล่าว เป็นใคร ถึงกล้าเสนอข้อตกลงดังกล่าว เรื่องนี้หากนายธนาธรมั่นใจ หรือมีหลักฐานเด็ด ก็น่าที่จะเปิดชื่อเสียงเรียงนามออกมา สมาชิกอาวุโสของพรรคพลังประชารัฐรายดังกล่าวเพื่อที่จะตอกหน้า เปิดเผยซึ่งเนื้อแท้ของที่ฉาวโฉดของพรรคพลังประชารัฐใช่หรือไม่
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อและอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขต เขต 4 กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายธนาธร ที่พูดในงานเสวนาดังกล่าวด้วยว่า... “ท้า ธนาธร เปิดชื่อ คนพปชร. ที่โทรคุยกับแม่ (อย่าบอกว่าไม่รู้ชื่อ)”
หรือทางด้าน พลโทนันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) และ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบกรณีดังกล่าวเช่นกัน โดยระบุว่า... คุณ ธนาธร ได้ไปให้สัมภาษณ์ ที่สมาคมผู้สื่อข่าว เมื่อ15พ.ค.62 มีข้อความสำคัญเรื่องหนึ่ง สรุปได้ว่า " ผู้ใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ ได้โทรไปติดต่อกับ คุณแม่ของคุณ ธนาธร ขอ ส.ส.จากพรรคอนาคตใหม่ จำนวน20คน เพื่อแลกเปลี่ยนเรื่องคดีของทั้งคุณ ธนาธร และ คุณ ปิยบุตร "
โดย คุณ ธนาธร ไม่ได้บอกว่าผู้ใหญ่คนนั้น คือ ใคร การให้สัมภาษณ์แบบนี้ ทางพรรค พลังประชารัฐ น่าจะเสียหายมากเพราะอาจทำให้ประชาชน เข้าใจผิด ว่า พรรคพลังประชารัฐ มีอำนาจเหนือ "ศาล" ซึ่งมองไปถึง รัฐบาล ชุดปัจจุบัน ด้วยก็ได้ โดยเฉพาะการให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวต่างประเทศด้วย
ถ้าเป็นความจริง ก็น่าจะมีคนเดียว ที่น่าจะมีโอกาส พูดเรื่องนี้ กับ คุณแม่ของคุณ ธนาธร คือ คุณ สุริยะ อา ของคุณ ธนาธร เท่านั้นเอง
ประเด็นที่น่าขบคิดสำหรับการที่นายธนาธรออกมาพูดจากำกวมเช่นนี้ นอกจากที่นายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่จะเป็นฝ่ายที่ได้ประโยชน์-ความชอบธรรมเพียงฝ่ายเดียวให้กับตนและพวกพ้องแล้ว ..และยังได้สร้างความเสียหายให้กับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นขั้วตรงข้ามกับนายธนาธร และยังเหมารวมไปถึงกระบวนการยุติธรรมของประเทศ
อย่างไรโดยทางปฏิบัติเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ..การที่นายธนาธรบอกว่ามาแลก ซึ่งการแลกในที่นี้หมายถึงอะไร จะใช่การแลกเพื่อโหวตนายกรัฐมนตรีมีความเป็นไปได้หรือไม่ มีความจำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ เพราะในข้อเท็จจริงแล้วขณะนี้พรรคพลังประชารัฐ สามารถร่วมเสียงจากพรรครวมพลังประชาชาติไทยและพรรครวมพลังประชาชาติไทย ผนึกกำลังจาก11พรรคเล็ก ซึ่งมีในมือแน่ๆแล้ว จะทำให้มีเสียงสนับสนุนอยู่ที่ 132 เสียง และเมื่อรวมกับเสียงสว. 250 เสียง เป็น 382 เสียง ซึ่งจะได้จำนวนเสียงมากกว่ากึ่งของรัฐสภา 700คน ประกอบไปด้วย ส.ส. และส.ว. ในการโหวตเลือกนายก..ส่งผลทำให้วันนี้ชื่อของพล.อ.ประยุทธ์ แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ที่จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
ยังไม่นับร่วมกับเสียงส.ส. 51 เสียงจาก พรรคภูมิใจไทย ภายใต้การนำของนายอนุทิน 10เสียงจาก พรรคชาติไทยพัฒนา นำทีมโดย คุณกัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค 3 เสียง พรรคชาติพัฒนา พรรคพลังท้องถิ่นไท 3 เสียง และพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 เสียง แม้จะยังสงวนท่าที แต่มีแนวโน้มและความเป็นไปได้สูงที่จะเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ และจะทำให้เสียง ส.ส. รวมทั้งหมดเป็น 201 เสียง และท้ายสุดถ้าพรรคประชาธิปัตย์ ตัดสินใจเข้ากับพรรคพลังประชารัฐ ก็จะทำส.ส.ของฝ่ายนี้ร่วมแล้วทั้งสิ้น 253เสียง ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะขอ 20ส.ส.จากพรรคอนาคตใหม่มาเพื่อโหวตนายกฯเลย
ส่วนเสียงส.ส.ที่มีความจำเป็นจริงๆ ก็คือเสียงส.ส.ที่จะสนับสนุนรัฐบาลในระยะยาว ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่นายกธนาธร จะโอนย้ายมาได้ นับเป็นเรื่องไร้สาระทางการเมือง และไม่มีทางเกิดขึ้นเพราะในความเป็นจริงทางการเมืองไม่สามารถดำเนินการอย่างนี้ได้... เว้นแต่ว่าเหล่าบรรดาส.ส.จากพรรคอนคตใหม่ จะเป็น “งูเห่า”เสียเอง เพราะก่อนหน้านี้ได้มีกระแสข่าวลือออกมาเป็นระยะถึงการมีอยู่ “งูเห่าสีส้ม” ไม่ว่าจะด้วยอุดการณ์บางเรื่องที่ไม่ตรงกับพรรค โดยเฉพาะจุดยืนเรื่องสถาบัน หรือการไม่พอใจนายธนาธรก็ตามแต่ จนทำให้หลายฝ่ายต้องจับตาดูอาการงูเห่าสีส้มทั้งหลายหลังลอกคราบจะออกมาเพ่นพ่านในสภาหรือไม่ และเรื่องนี้ลึกๆแล้วรู้กันดีอยู่ในพรรค เพราะก่อนหน้านี้ทางพรรคได้จัดกิจกรรคม ทำสัตยาบันร่วมกันป้องกันการเกิดงูเห่าสีส้ม
ทางด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้ออกโรง รีบปฏิเสธกระแสดังกล่าว โดยเมื่อวันที่ 19 เม.ย.62 นายปิยบุตร กล่าวว่า...“เรื่องงูเห่ายืนยันว่าที่เรามารวมตัวกัน คือ เรื่องของอุดมการณ์แนวคิด ซึ่งทุกคนก็ได้ลงนามในคำประกาศสัตยาบันของพรรคแล้วว่าจะอยู่ร่วมกัน จนกว่าจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นของประชาชน เราจะไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของคสช.”
นายปิยบุตร กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้พวกเราได้นำไปรณรงค์หาเสียง จนได้เป็น ส.ส.ก็เพราะเรื่องเหล่านี้ ดังนั้นก็จะต้องไม่ทรยศต่อคะแนนที่พี่น้องประชาชนไว้วางใจ มั่นใจว่าจะไม่มีงูเห่า แต่ในท้ายที่สุดถ้ามันจะเกิดขึ้นอะไรก็ห้ามไม่ได้ แล้วก็ชัดว่าความคิดแต่ละคนเป็นอย่างไร แต่ตนยืนยันว่าไม่มี
สำหรับสัตยาบันของพรรคอนาคตใหม่ มีดังนี้
1. จะสนับสนุนและผลักดันคนที่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีตามมติของพรรค และไม่เสนอชื่อ เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเด็ดขาด
2. จะสนับสนุนและผลักดันการลบล้างผลพวงรัฐประหาร
3. จะผลักดันการปฏิรูปกองทัพ
4. จะยึดมั่นในอุดมการณ์พรรค
5. จะต่อสู้ร่วมกันจนกว่าจะได้รัฐธรรมนูญใหม่ที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
อย่างไรก็ตามก็ต้องติดตามและลุ้นต่อไปว่าเมื่อไหร่ นายธนาธรจะออกมาเป็นเผย ตัวตนที่แท้จริงของ สมาชิกอาวุโสของพรรคพลังประชารัฐรายดังกล่าว ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นการกล่าวหาลอยๆ สาดโคลนตามฉบับการเมืองน้ำเน่า ยุคเก่า ไม่ใหม่จริง และสำหรับบรรดาสื่อต่างประเทศเหล่านี้ก็ได้ตกเป็นเหยื่อ-เครื่องมือที่นายธนาธรใช้เคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อสร้างความชอบธรรมกับตนเองใช่หรือไม่??
ดังนั้นเรื่องนี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด ที่นายธนาธรต้องเปิดเผยว่าเป็นใคร
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- "หมอพรทิพย์" ขำไม่ออก นักการเมืองชิงเก้าอี้รมว. ที่หาประโยชน์ได้ "ยุติธรรม" กลายเป็นกระทรวงเกรดC