พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้จงรักภักดี..ยากที่ใครจะหาเทียมทัน

นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องน่าเศร้าของพี่น้องชาวไทย ของการจากไปของ “ป๋าเปรม” พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ 2 แผ่นดิน ถึง อสัญกรรมอย่างสงบ เมื่อเช้าของวันที่ 26 พค.2562 นับเป็นการสูญเสียผู้มีคุณูปการอย่างยิ่งประเทศชาติ ในความเป็นผู้นำและมีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ พร้อมทั้งการถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด

นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องน่าเศร้าของพี่น้องชาวไทย ของการจากไปของ “ป๋าเปรม” พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ 2 แผ่นดิน ถึง อสัญกรรมอย่างสงบ เมื่อเช้าของวันที่ 26 พค.2562 นับเป็นการสูญเสียผู้มีคุณูปการอย่างยิ่งประเทศชาติ ในความเป็นผู้นำและมีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ พร้อมทั้งการถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด

 

เรื่องนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดในสายตาชาวไทยและชาวโลก แม้แต่ สหภาพยุโรปได้แสดงความอาลัยพลเอกเปรม พร้อมยกย่องว่าเป็นผู้อุทิศตนเพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์และประเทศไทย   ระบุว่า..

“ พลเอกเปรมได้อุทิศตนเพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์และประเทศไทยมาเป็นเวลานานหลายทศวรรษ ผลงานตลอดช่วงชีวิตของท่านช่วยสร้างไทยสมัยใหม่ขึ้นมาจนเป็นที่ประจักษ์จนถึงทุกวันนี้

 

The European Union in Thailand express our deepest condolences on the passing of General Prem Tinsulanonda, statesman and President of the Privy Council.

 

In decades of dedicated service to his King and country, General Prem made a contribution to shaping modern Thailand that remains unmatched to this day. “

 

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้จงรักภักดี..ยากที่ใครจะหาเทียมทัน

 

"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9" มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พล.อ.เปรม เป็นองคมนตรี ในวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ.2531 จากนั้นในวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ.2531 ได้รับโปรดเกล้าฯ ยกย่องให้เป็นรัฐบุรุษ และต่อมาในวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ.2541 มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นประธานองคมนตรี!!!  ถือว่าการได้รับโปรดเกล้าฯให้เป็นประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษนั้น เป็นเกียรติยศสูงสุดของชีวิต

 

 

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้จงรักภักดี..ยากที่ใครจะหาเทียมทัน

 

หลังจากคนไทยได้สูญเสีย "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 " แล้ว   "พล.อ.เปรม"จึงต้องดำรงตำแหน่ง "ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์"ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ต่อมาในวันที่ 2 ธันวาคม 2559 "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10" โปรดเกล้าฯ ให้ "พล.อ.เปรม" เป็น"ประธานองคมนตรี"อีกครั้ง!!

กระทั้งเมื่อวันที่ 7 ธันวามคม 2559 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พลเอกเปรม นำคณะองคมนตรีชุดใหม่ เข้าเฝ้าฯ กราบพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณ ในโอกาสที่ได้รับพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งเป็นองคมนตรี ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

 

โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสกับคณะองคมนตรีที่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณว่า

 

"ขอบใจ และแสดงความยินดี ขอบใจที่มีน้ำใจช่วยงาน ที่ว่าคณะองคมนตรีในยุคนี้ ปัจจุบันนี้ก็จะได้รับการมอบภารกิจ ตลอดจนได้รับโอกาส หรือหน้าที่ ที่จะให้คำแนะนำ ตลอดจนช่วยกันดำรงความมั่นคงสถาบันของประเทศชาติ ตลอดจนแบ่งงานกันให้ละเอียดอีกครั้งว่าใคร ทำอะไร เรื่องทำงานก็จะให้ขอคำแนะนำ ตลอดจนปรับความสำคัญในการทำงานของประเทศให้สอดคล้องกับนโยบายเกี่ยวกับสถาบันและประเทศชาติ เป็นเรื่องของแผ่นดิน มีเรื่องต่างๆ ที่จะมอบให้ก็มาก ดังที่ได้คุยกันนอกรอบแล้ว ขอขอบคุณ และได้ป๋ามาเป็นประธาน ก็อุ่นใจแล้ว ทุกคนก็เคยทำหน้าที่ถวายรัชกาลก่อน หลายคนก็เชื่อมือกัน มีความสุข ตั้งใจทำงานได้ ขอบคุณ"

 

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้จงรักภักดี..ยากที่ใครจะหาเทียมทัน

 

นั้นแสดงให้เห็นถึงความไว้วางพระราชหฤทัยให้ถวายงานในฐานะประธานองคมนตรีสืบเนื่อง และในภารกิจสุดท้ายในชีวิต ของพลเอกเปรม ก็คือการเข้าร่วมพระราชประวัติศาสตร์ของชาวไทย เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในวันที่ 4 พฤษาภาคม พ.ศ. 2562 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสรงน้ำมุรธาภิเษก และน้ำศักดิ์สิทธิ์จากทั่วประเทศ

 

 หลังจากนั้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกมาทรงรับน้ำอภิเษก ในฉลองพระองค์บรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ฉลองพระองค์ครุย สายสะพายนพรัตน์ราชวราภรณ์ สายสร้อยจุลจอมเกล้า  เสด็จฯ ไปประทับภายใต้พระบวรเศวตฉัตร พร้อมทรงรับน้ำอภิเษกเวียนขวา ทั้ง 8 ทิศและพลเอกเปรม ก็เป็นหนึ่งในแปดผู้ทูลเกล้าฯถวายน้ำอภิเษกโดยประจำ ทิศหรดี หรือ ตะวันตกเฉียงใต้

 

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้จงรักภักดี..ยากที่ใครจะหาเทียมทัน