- 03 มิ.ย. 2562
ล่าสุด ( 3มิ.ย.62 ) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วม ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือนปช. เข้าเยี่ยมอาการนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ที่ โรงพยาบาลมิชชั่น เขตดุสิต กทม. พร้อมมอบพระเครื่องรุ่นเก่าให้เป็นขวัญกำลังใจ
สื่บเนื่องจากกรณีที่ "จ่านิว" นายสิริวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ แกนนำกลุ่มสตาร์ทอัพพีเพิล ได้อ้างว่าถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ไม่ต่ำกว่า 5 คน สวมหมวกกันน็อครุมทำร้ายบริเวณป้ายรถเมล์ปากซอยนาทอง (รัชดาซอย 7) หลังส่งเพื่อนที่ห้างเดอะสตรีทรัชดา และกำลังจะเดินทางกลับบ้าน จนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้า ปากและศรีษะแตก ส่วนประชาชนที่ยืนรอรถเมล์อยู่นั้นต่างพากันหนีกระเจิงไปคนละทิศละทาง
ล่าสุด ( 3มิ.ย.62 ) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วม ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือนปช. เข้าเยี่ยมอาการนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ที่ โรงพยาบาลมิชชั่น เขตดุสิต กทม. พร้อมมอบพระเครื่องรุ่นเก่าให้เป็นขวัญกำลังใจ
นายจตุพร ระบุว่ามองว่าสถานการณ์ของบ้านเมืองมาถึงจุดที่หนักหนาสาหัสสากรรจ์ ถ้าผู้มีอำนาจยังไม่รู้สึกรู้สา วันนี้จึงมาบอกเพื่อจะขอสันติจากผู้มีอำนาจ ที่ผ่านมาแกนนำ นปช. ได้จัดระยะห่างจากการเคลื่อนไหวของนักศึกษา เพื่อให้เป็นพลังบริสุทธิ์ นปช.ยืนอยู่ในฐานที่มั่นมาโดยตลอด แต่เรื่องนี้เกินกว่าทนทานได้ เพราะเห็นว่าทำเกินไป โดยมองว่าการทำร้ายจ่านิว เป็นการส่งสัญญาณที่จะนำพาประเทศไปสู่ความรุนแรงและขัดแย้งอย่างหนักครั้งใหม่
โดยให้ดูประวัติศาสตร์ก่อนเกิดเหตุการณ์ อาชกรรมรัฐ 6 ตุลาคม 2519 ที่เริ่มจากนักศึกษาถูกยิงที่ป้ายรถเมล์และนักเคลื่อนไหวต่างๆถูกคุกคาม พร้อมเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจดำเนินการเพื่อหยุดยั้ง ไม่ใช่ตอบคำถามสื่อมวลชนว่า "ไปทำอะไรเขาเข้าเขาถึงมาทำร้าย" ซึ่งสังคมรู้ดีว่าจ่านิวเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและเป็นผู้นำนักศึกษาจึงไม่มีเรื่องอื่นใดที่เป็นเหตุให้ถูกทำร้าย
นายจตุพรกล่าวต่อด้วยว่า ...เราต้องการอยู่ในสังคมมนุษย์ ไม่ใช่สังคมสัตว์เดรัจฉาน ที่จะต้องหาทางออกด้วยการใช้กำลัง ดังนั้น ความเห็นที่แตกต่างคือสิ่งสวยงามในระบอบประชาธิปไตย เมื่อต้องการเข้าสู่อำนาจในระบบรัฐสภาภายใต้กฎเกณฑ์ที่ออกแบบมาให้ได้เปรียบอยู่แล้ว ก็ต้องยอมรับความเห็นที่แตกต่าง เพราะความแตกต่างมีมากเท่าไร ยิ่งเป็นประชาธิปไตยมากเท่านั้น