คำเตือนถึง "สามมิตร"  รู้จัก ทหารและพี่น้อง "สาม ป." น้อยไป !!

ในรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณ ได้นำเสนอในตอน คำเตือนถึง "สามมิตร" รู้จัก ทหารและพี่น้อง "สาม ป." น้อยไป !!

ในรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณ ได้นำเสนอในตอน คำเตือนถึง "สามมิตร"  รู้จัก ทหารและพี่น้อง "สาม ป." น้อยไป !! โดยคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรมเที่ยงตรงครับ สถานการณ์ทางการเมืองที่เราจะเกาะกันในวันนี้นะครับดูเหมือนว่าทุกอย่างค่อยๆปรับตัวไปสู่จุดที่จะลงตัว แต่แรงกระเพื่อมก็ยังมีอยู่ และสาระสำคัญนะครับ แรงกระเพื่อมในทางการเมืองไม่ได้อยู่ที่พรรคร่วมรัฐบาลครับ ตอนนี้อยู่ที่พรรคพลังประชารัฐนะครับ คนโน้นก็จะเอาอันนั้น คนนี้ก็จะเอาอันนี้ โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรที่เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะๆจนถึงขณะนี้นะครับจะเห็นได้ว่าสื่อยักษ์ใหญ่หัวเขียวนะครับซึ่งเคยสนับสนุนรัฐบาลหันกลับมาทิ่มเอาพี่น้องสาม ป. 

ใครล่ะครับ พี่น้องสาม ป. บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ บิ๊กป๊อก พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา สาม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทีนี้ การที่สื่อยักษ์ใหญ่นะครับเบนเข็มมาทิ่มพี่น้องสาม ป. แน่นอนครับ อาจจะทำด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ไปตามกระแสในความคิดความเห็นที่เป็นจริง ก่อนหน้านี้นะครับ สื่อยักษ์ใหญ่หัวเขียวหน้าการเมืองหน้าสามเชียร์รัฐบาลมาโดยตลอด จะได้รับสัญญาณจากใครก็ไม่รู้ได้ และวันนี้จะได้รับสัญญาณจากใครหรือไม่ก็ไม่มีใครรู้ แต่ถามว่าเรื่องนี้นะครับทำให้พี่น้องสาม ป. กระอึก กระอัก กระอ่วน หรือไม่ ผมเชื่อว่ามีครับ ปรากฎการณ์อย่างนี้ผมจะเรียนไปถึงนักการเมืองโดยเฉพาะในกลุ่มสามมิตรที่เคลื่อนไหวอยู่ว่ารู้จักทหารและรู้จักพี่น้องสาม ป. น้อยไป นะครับ

จะลองขยับลำดับความให้ฟังนะครับเผื่อจะได้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ว่าความเป็นมาของพี่น้องสาม ป. เป็นอย่างไร เดินเข้าสู่อำนาจอย่างไร ถ้าไม่มีการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ก็จะไม่มี ผบ.ทบ.ที่ชื่อ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา เพราะคนที่เคลื่อนกำลังจากราบ 21 มาปฏิบัติการยึดพื้นที่สำคัญในกรุงเทพมหานครทั้งหมดในขณะนั้นคือพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา และสิ่งที่ต้องรับรู้ในขณะนั้นนะครับ ทักษิณกำลังเรืองอำนาจอย่างเต็มที่ คนที่ทักษิณ ชินวัตรเตรียมไว้ที่จะให้ขึ้นตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ไม่ใช่พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา แต่เป็นเพื่อนรักเตรียมทหารรุ่นสิบที่ชื่อ พลเอกพรชัย กรานเลิศ ซึ่งย้ายข้ามห้วยจากกองบัญชาการทหารสูงสุดมานั่งในตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ทบ. และเตรียมการที่จะขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.ทบ. พลเอกอนุพงษ์ เป็นเตรียมทหารรุ่น 10 เหมือนกัน แต่ไม่เป็นที่โปรดปรานหรือยืนอยู่คนละขั้วกับทักษิณ ชินวัตร พลเอกอนุพงษ์ประกาศตัวเองเสมอมาว่าเป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพราะพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดาเป็น ผบ.ทบ. 

นี่แหละครับ จึงมีเหตุต่อเนื่องตามมา เพราะเมื่อพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดาขึ้นนั่งตำแหน่ง ผบ.ทบ.แล้วจึงทำให้ผู้บัญชาการทหารบกคนต่อมาชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งยาวนานถึง 4 ปี และเป็นคนที่นำกองทัพเข้ายึดอำนาจ กลายมาเป็นหัวหน้าคณะ คสช.และนายกรัฐมนตรีในปัจจุบันนะครับ และจะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป นี่คือความสัมพันธ์เบื้องต้นต่อเนื่องจากพี่น้องสอง ป. คือจากป๊อก สู่ประยุทธ์ และอีกคนล่ะครับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ ราบ 21 ซึ่งเป็นรากฐานของนายทหารทั้ง 3 คือฐานที่มั่นอันสำคัญที่พลิกดุลอำนาจในกองทัพนะครับให้มายืนอยู่กับพี่น้องสาม ป. ดังนั้นการเจริญเติบโตของพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของพี่ใหญ่ที่ชื่อ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ

 ซึ่งก่อนหน้านี้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกมาก่อน ดังนั้นนะครับความสัมพันธ์ของพี่น้องสาม ป. บูรพาพยัคฆ์นะครับต้องพูดว่าไม่ใช่เป็นความสัมพันธ์ปกติธรรมดา แต่คือพี่น้องที่ร่วมเป็นร่วมตายนะครับ คนหนึ่งคิด ความคิดก็จะวิ่งต่อไปที่ทั้งสามคน คนหนึ่งพูดอีกสองคนก็จะรับรู้ในการกระทำนั้น นี่เป็นข้อเท็จจริงที่คนในกองทัพรู้กัน ดังนั้นนะครับในวันนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืนอยู่ในตำแหน่งสูงสุดและมีสถานะที่จะต้องเป็นผู้นำ การนำของพลเอกประยุทธ์นะครับจึงจะต้องมีชื่อของอีกสอง ป. พี่น้องประกอบด้วยเสมอ การดำเนินการใดๆเอาเรื่องใกล้ๆที่เกิดขึ้นคือเรื่องในการเจรจาตำแหน่งรัฐมนตรีกับพรรคร่วมรัฐบาลนะครับ

 เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนนะครับว่าการเจรจานั้นพรรคร่วมรัฐบาลทุกคนยินยอมมาเจรจากับผู้ที่เป็นตัวแทนของนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่กับตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐ จึงทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นจากพรรคพลังประชารัฐและกลุุ่มสามมิตร แต่ทำไมพรรคร่วมที่มาเจรจาถึงเชื่อมั่น ก็เพราะเชื่อว่าคนที่เจรจาด้วยนั้นเป็นคนที่พลเอกประยุทธ์มอบหมายนะครับ ดังนั้นนะครับถึงนาทีนี้นะครับซิ่งที่ผมจะต้องตอกย้่ำให้ท่านผู้ชมเข้าใจก็คือทหารนั้นมีหลักคิดอันสำคัญก็คือดำรงจุดมุ่งหมายแห่งชัยชนะนะครับ ส่วนรบแล้วจะแพ้ชนะเป็นอีกเรื่องนึง แต่ความคิดและการดำรงสู่่จุดมุ่งหมายและชัยชนะเป็นวิธีคิดของทหาร พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเดินหน้าเข้าสู่ทางการเมืองไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์แน่นอน การเข้ามายึดอำนาจไม่ได้มีใครเชื้อเชิญ แต่เพราะเห็นว่าบ้านเมืองวุ่นวายจึงเดินเข้ามายึดอำนาจแล้วก็บริหารราชการแผ่นดินไป แต่สิ่งที่จะต้องคิดนะครับว่าวันนี้เมื่อพลเอกประยุทธ์มายืนอยู่ในฐานะนักการเมือง

 ย้ำนะครับในฐานะนักการเมือง วิธีคิดส่วนหนึ่งต้องปรับใช้แบบนักการเมือง แต่การดำรงจุดมุ่งหมายนั้นผมเชื่อว่ายังมีอยู่ต่อไปตามหลักคิดของทหาร ความหมายนะครับในวิธีคิดทางการเมืองที่จะต้องปรับเปลี่ยนบ้างนั่นก็คือตอนที่เข้ามายึดอำนาจนะครับมาเอง ไม่มีใครเชื้อเชิญ ไม่ได้รับการเลือกตั้งนะครับ ภาระบนบ่าแบกอยู่บนพลเอกประยุทธ์เพียงคนเดียว ความรับผิดชอบทั้งหลายจะดี จะผิดจะถูก อยู่ที่พลเอกประยุทธ์เพียงคนเดียว นั่นคือสถานการณ์ของรัฐบาลก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ สิ่งที่พลเอกประยุทธ์คิดนะครับและจะต้องเข้าใจก็คือการที่แบ่งกระทรวงสำคัญๆให้กับพรรคร่วมรัฐบาลไป นั่นก็คือการมอบภาระให้กับพรรคร่วมรัฐบาล 

พรรคร่วมรัฐบาลมีความจำเป็นอย่างยิ่งไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา จะต้องสร้างความนิยมด้วยผลงานให้ประชาชนได้เป็นที่ประจักษ์ การที่พรรคร่วมรัฐบาลขับเคลื่อนอย่างแข็งแรงเพื่อให้เกิดผลงาน ท้ายที่สุดผลงานนั้นก็จะตกอยู่ที่พลเอกประยุทธ์เหมือนกัน และตัวเองก็ยังคุมทิศทางข้างบนอยู่ ดูแลอย่าให้เกิดการทุจริตคอรัปชั่น เพราะถ้าเกิดการทุจริตคอรัปชั่น เดี้ยงแน่นอนล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตามแต่ แต่ด้วยวิธีคิดแบบนี้นะครับ นี่คือวิธีคิดในการปรับในการเคลื่อนตัวทางการเมืองให้ผสมผสาน แต่วิธีคิดที่จะต้องเดินไปสู่ชัยชนะต่อระบอบทักษิณ นั่นก็คือทำให้บ้านเมืองสงบ ประชาชนอยู่ดีกินดี ก็ต้องเดินต่อไป 

การเดินต่อไปนั้นจะต้องได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชน ดังนั้นวันนี้นะครับยังยืนยันว่าพลเอกประยุทธ์เดินหน้าแน่ ทีนี้เดินหน้าแน่นี่นะครับในการดำรงจุดมุ่งหมาย พลเอกประยุทธ์น่าจะชัดเจนแล้วว่านักการเมืองน้ำเน่าที่เข้ามาร่วมในพรรคที่สนับสนุนให้ตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ประกาศว่าไม่สนใจตำแหน่ง ไม่ต้องการตำแหน่ง มาเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง วันนี้วิ่งบีบคั้นกดดันอย่างโน้นอย่างนี้เพื่อจะเป็นรัฐมนตรี ต้องการให้ได้ประโยชน์ให้ได้นั้นน่าจะได้รู้สำนึก ผมจะบอกว่ารู้จักพลเอกประยุทธ์และพี่น้องสาม ป. น้อยไปนะครับ ถ้าพลเอกประยุทธ์จัดการกับนักการเมืองเหล่านี้ออกไปนะครับ ภาพพจน์รัฐบาลจะดีขึ้น 

เพราะนักการเมืองเหล่านี้เป็นที่รังเกียจของประชาชนอยู่แล้ว แรงเหวี่ยงในการเชียร์ สนับสนุนจะกลับมาที่พลเอกประยุทธ์เพิ่มขึ้น ให้กำลังใจพลเอกประยุทธ์และเตือนไปถึงนักการเมืองน้ำเน่าทั้งหลายว่าคุณยังไม่รู้จักทหาร และยังไม่รู้จักพี่น้องสาม ป. สำคัญ ยังไม่รู้จักคนที่ชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดีเพียงพอ