- 17 มิ.ย. 2562
สมศักดิ์ลั่นไม่ใช่ตัวปัญหาตั้งรบ.สะดุด บอกผมมีสมองความดีก็มีขอสังคมอย่ามองร้าย จวกนักการเมืองอย่าเล่นลับหลัง
ห่างหายไปจากข่าวการเมืองหลายวัน โผล่ออกมาก็คล้ายจะโอดครวญ ในขณะก็ส่งเสียงขู่ สำหรับนักการเมืองขนานแท้ สมศักดิ์ เทพสุทิน ลงทุนโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเมื่อถูกตั้งคำถาม-ข้อสังเกตจากสังคมว่าคือตัวปัญหา คืออุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาลของบิ๊กตู่ การออกมาครั้งนี้เป็นการปฏิเสธถึงข้อครหาแก่งแย่งเก้าอี้รัฐมนตรี ที่ไม่จบก็เพราะพรรคพลังประชารัฐโดยมีกลุ่มสามมิตรที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ที่น่าสนใจคือ นักการเมืองคนดังกล่าวพูดถึงการยุติของกลุ่ม ทั้งที่ประชาชนทั่วไปก็รับทราบและรับรู้กันเป็นอย่างดีว่า ยังมีการเคลื่อนไหวอยู่ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการขู่ใช้กฎหมายเล่นงานกลับคนที่อ้างว่าใส่ร้ายด้วย??? ซึ่งทั้งประเด็นแย่งรัฐมนตรี ทั้งเรื่องกลุ่มสามมิตรข้อเท็จจริงมีอยู่ให้พิจารณาต่อไปนี้ ลองไปติดตามกัน!!!
ย้อนไปภายหลังการโหวตนายกรัฐมนตรี ที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรเกี่ยวกับโควตารัฐมนตรีและการจัดสรรกระทรวงต่าง ๆ หลายครั้ง ที่ชัดเจนเรื่องหนึ่งก็คือ การเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาระหว่างนายชวน หลีกภัย และนายสุชาติ ตันเจริญ นอกจากนี้ว่ากันว่า กลุ่มสามมิตรได้ร่วมติดตามการเจรจาแลกเปลี่ยนกระทรวง มีเหตุการณ์การเดินทางไปโรงแรมเซ็นทาราลาดพร้าวของกลุ่มสามมิตร และกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. ซึ่งออกจากไลน์กลุ่มส.ส.กทม.ไปอยู่กับกลุ่มสามมิตร และเป็นผู้ออกมาประกาศ กระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเกษตรและพาณิชย์ควรอยู่ในโควตาของพรรคพลังประชารัฐ เหตุการณ์ดังกล่าวนี้จะเรียกว่าเป็นการทวงเก้าอี้รัฐมนตรีอย่างชัดเจนใช่หรือไม่???
ขณะที่ท่ามกลางการเปิดเกมทวงเก้าอี้รัฐมนตรี สงครามการปล่อยข่าวก็สาดออกมาสารพัด และหนึ่งในโทรเข่งชั้นดีของกลุ่มสามมิตร ที่วันนี้มานั่งรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ นั่นคือ แด๊ก ธนกร วังบุญคงชนะ ที่เป็นส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐด้วย ว่ากันว่าเขาคือเด็กในคาถาของนายสมศักดิ์ ตามประวัตินั้นเคยอยู่พรรคภูมิใจไทย สมัยที่เจ้านาย คือสมศักดิ์ เทพสุทิน ก่อตั้งพรรคมัชฌิมาธิปไตย มีการเจรจากับกลุ่มเพื่อนเนวิน ก่อนเข้าร่วมกันจับมือกันเป็นพรรคภูมิใจไทย
นายธนกร ผ่านการเป็นข้าราชการการเมือง หลายกระทรวง ทั้งที่ปรึกษา เลขานุการ เคยเป็นเลขานุการ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อปี 2558 โดยใครคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นคือ พรรณสิริ กุลนาถศิริ น้องสาวของสมศักดิ์ นั่นเอง และหลังจากนายสมศักดิ์ ออกจากพรรคภูมิใจไทย ปลายปี 2556 เมื่อนายเนวิน ชิดชอบ สนับสนุน นายอนุทิน ชาญวีรกุล ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค จากนั้นนายธนกร ก็ติดตามนายสมศักดิ์ จนกระทั่งโผล่มาอีกครั้งในนามกลุ่มสามมิตร
ขณะที่วันนี้เจ้านายคือ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า "หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมนั้นอาจดูเงียบหายไปบ้าง ไม่ออกมาให้ข่าว เวลาว่างยังคงไปเตะบอลออกกำลังกายปกติ ไม่เคยไปตั้งกลุ่มก๊วนต่อรอง หรือสร้างประเด็นตีรวนอะไรใดๆทั้งสิ้น แต่ขณะเดียวกันนั้นทุกคนอาจเห็นข่าว ที่กล่าวหาผม และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ถึงการต่อรองเก้าอี้ในคณะรัฐมนตรี ซึ่งทั้งหมดนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง การจัดสรรตำแหน่งคณะรัฐมนตรีผมคงไม่มีอำนาจไปต่อรองใดๆ ตามที่ภาคสังคมนั้นกล่าวอ้างกัน และผมไม่รู้ว่าที่เขานำเสนอออกมาให้เป็นประเด็นทางสังคมนั้น เพียงเพราะต้องการให้ร้าย หรือทำให้คนในสังคมเข้าใจว่าตัวปัญหาคือผม และกลุ่มสามมิตรหรือไม่
ก่อนที่จะมีพรรคพลังประชารัฐ ผมทำงานการเมืองในกลุ่มสามมิตร แต่เวลานี้กลุ่มสามมิตรได้ยุติ และเดินหน้าเป็นหนึ่งเดียวในนามพรรค ที่ผ่านมาตลอดเวลาการทำงานของกลุ่มสามมิตร ลงพื้นที่อยู่ตลอดในภาคเหนือตอนล่าง และภาคอีสาน จนทำให้เราทราบว่าพี่น้องเกษตรกร กำลังลำบากในเรื่องราคาสินค้า เช่น ข้าว อ้อย มัน ยาสูบ ที่ดินทำกิน และยังต้องการอาชีพเสริมระหว่างรอผลผลิตจากการเพาะปลูก พอเมื่อเราตัดสินใจเข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เราจึงนำปัญหาต่างๆที่ได้รวบรวมมาทำเป็นนโยบายเพื่อแก้ปัญหาให้เกษตรกร
ส่วนนโยบายโคบาลประชารัฐ ผมได้นำเสนอเพราะหวังให้เกษตรกรมีรายได้จากอาชีพเสริม แต่ก็มีการหยิบยกมาโจมตีว่า ผมทำไม่สำเร็จในสมัยรัฐบาลไทยรักไทย และต้องการนำเรื่องนี้มาทำใหม่เพื่อฟอกตัวเอง ต้องบอกความจริงให้ทุกคนได้รับทราบว่า ผมได้นั่งรมว.เกษตรและสหกรณ์ ในยุคนั้น แต่ผมยังไม่ได้เริ่มนโยบายนี้เพราะมีการปรับคณะรัฐมนตรีเสียก่อน และพรรคไทยรักไทยก็ไม่ได้ทำนโยบายนี้ตามที่ใช้หาเสียงกับประชาชน ข้อมูลข่าวสารที่ออกมาไม่เป็นความจริงกลับให้ร้ายผมเสียอีก
ผมไม่เคยไปจับจองกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตามที่ทุกคนกล่าวอ้าง แต่ช่วงการหาเสียงผมถูกวางให้พูดในเรื่องของเกษตรกร เพราะผมมีประสบการณ์และมีความเข้าใจ เพราะเหตุนี้หรือไม่จึงทำให้ทุกคนเข้าใจว่าผมจับจองกระทรวงเกษตร ถ้าคิดแบบนี้ก็ไม่ยุติธรรมกับผม เวลานี้พอมีข่าว ว่าผมจะไปเป็นรมว.ยุติธรรมก็มีการให้ร้ายป้ายสีเป็นเรื่องเป็นราว ทั้งที่ผมยังไม่รู้เลยว่าเวลานี้ผมจะไปทำงานอยู่ตรงไหน แต่ผมขอยืนยันว่าผมมีความพร้อม ผมมีมันสมองในการบริหารงาน ประสบการณ์การของผมมากพอควร ความดีก็มีปรากฏ (แต่คนจะด่า จะโจมตี คนเสียประโยชน์ จะไม่ยกสิ่งดีดีมาพูดเป็นเรื่องปกติ 55)
แต่มองในมุมกลับคนที่ออกมาโจมตีหรือให้ข้อมูลนั้นอาจคงเป็นเพราะพวกเขาเสียประโยชน์และกลัวว่าผมจะเอาหน้าที่ไปทำร้ายพวกเขาในคดีต่างๆหรือไม่ ซึ่งผมไม่ทำหรอก เวลานี้จะทำงานในกระทรวงใดยังไม่รู้ เพราะเวลานี้ในสมองของผมคิดแค่เรื่องช่วยเหลือและดูแลประชาชนเท่านั้น อยากให้ทุกคนทบทวนให้ดี เวลานี้ประชาชนเฝ้ารอ การให้มีรัฐบาล เพื่อเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้พวกเขาให้มีชีวิตคุณภาพที่ดีขึ้น แต่ถ้ายังมัวแต่โจมตีกันไปมาเกี่ยวกับเรื่องกระทรวง ใครจะนั่งนั่นใครจะนั่งนี่ ผมว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง อย่าคิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัวจนลืมประชาชน วันนี้การจัดตั้งรัฐบาลขอให้เป็นหน้าที่ของ พลเอกประยุทธ์ ที่มีอำนาจสิทธิขาดเพียงคนเดียวจะดีกว่าอย่าเล่นใต้ดิน อย่ากวนโคลนในน้ำให้น้ำมันขุ่น การเป็นนักการเมืองที่ดีต้องจริงใจ ทั้งด้านหน้าและลับหลัง เพราะเราทุกคนที่ประชาชนเลือกมาคือตัวแทนที่ต้องทำให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นไม่ใช่ประโยชน์เพียงส่วนตัวเท่านั้น
ส่วนใครที่ให้ข้อมูลทำร้ายผม ไม่เป็นไรก็ขออโหสิกรรมให้ และหยุดพฤติกรรมเหล่านี้เสีย เพราะต่อไปผมคงต้องพึ่งกฎหมายให้มากขึ้นแล้วมั้งครับ...."
นั่นคือทั้งหมดที่นายสมศักดิ์พูดออกมาผ่านโซเชียล ซึ่งก็เกิดคำถามข้อชวนสงสัยอีกว่า ข้อมูลที่ออกมานี้จริงหรือไม่ เป็นแค่ข้อแก้ตัว หรือ ความจริงที่นักการเมืองอาชีพคนนี้กล่าวอ้างออกมาเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ต้องช่วยกันพิจารณาว่าเป็นอย่างไร โดยลองย้อนไปเมื่อวันที่ เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ภายหลังจบการแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคพลังประชารัฐ กับ 5 พรรคการเมือง ที่โรงแรมสุโกศล ซึ่งปรากฎว่านายสมศักดิ์ ได้ลุกออกไประหว่างการแถลงข่าว ต่อมาปรากฎว่าแกนนำกลุ่มสามมิตร ที่นำโดย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ และนายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท ได้นัดส.ส.ในกลุ่มกว่า 30 คน หารือที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ลาดพร้าว เพื่อร่วมรับประทานอาหารกลางวันพร้อมหารือการทำหน้าที่ของส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร ก่อนวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 5 มิ.ย.
โดยส่วนหนึ่งของคำสัมภาษณ์ของนายสุริยะ ระบุว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ ได้รับการเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี จะได้ผลักดันนโยบายที่พรรคได้หาเสียงไว้ เพื่อแก้ปัญหาปากท้องประชาชน เช่น โนบายทางด้านการเกษตร การค้าขายและสวัสดิการเพื่อประชาชนต่าง ให้ประเทศได้ฟื้นฟูขึ้นมา การนัดหารือกัน ไม่ได้มีเจตนาเพื่อต่อรองตำแหน่งใดๆ ที่สำคัญคือพรรคต้องมีกระทรวงที่ตอบสนองกับนโยบายการหาเสียง หากพรรคไม่เก็บกระทรวงสำคัญๆไว้เลย การเลือกตั้งครั้งหน้า ส.ส.จะไม่มีที่ยืน
จากนั้นสองวัน หลังจากที่มีการโหวตพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ในวันที่ 6 มิ.ย.นายสิระ กล่าวว่าภายในพรรคพลังประชารัฐ มีความกังวลเกี่ยวกับกระแสข่าวการแต่งตั้งบุคคลเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการจับเคลื่อนนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ จึงต้องได้ดูแลกระทรวงสำคัญต่างๆ พรรคพลังประชารัฐ ควรได้ดูแลในส่วนกระทรวงสำคัญที่ดูแลในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน และพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง รวมทั้งการแก้ไขปัญหาพืชผลทางการเกษตร หากจะทำการเมืองต่อไปต้องดูแลภาคเกษตร ไม่ว่าจะเป็นชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ พืชผลทางการเกษตร ส.ป.ก.4.0 ซึ่ง ส.ส.ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยเพราะเราเคยหาเสียงไว้ หากไม่ได้เข้าไปดูแลกระทรวงเกษตรฯ จะไม่สามารถผลักดันโครงการต่างๆได้อย่างเต็มที่
นี่ต้องถามดังๆให้ประชาชนร่วมกันพิจารณาว่าที่นายสิระ หนึ่งกลุ่มสามมิตร ได้แถลงออกมาว่าชัดเจนหรือไม่ ที่พรรคพลังประชารัฐโดยกลุ่มสามมิตรต้องการกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งไม่เพียงเท่านี้หากยังพบว่าเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ปรากฏรายงานข่าวถึงการเจรจาต่อรองโควตาเก้าอี้รัฐมนตรี หลังจบการโหวตนายกรัฐมนตรีโดยในส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยืนยันยึดดีลแรกที่เคยคุยกับพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องการ รมว.พาณิชย์ รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แต่พรรคพลังประชารัฐ ต้องการเก้าอี้รมว.พาณิชย์ และรมว.เกษตรและสหกรณ์คืน โดยพรรคพลังประชารัฐได้ยื่นเงื่อนต่อรอง
“ในส่วนของรมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่ก่อนหน้านี้กลุ่มสามมิตร พยายามทวงคืนให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน มีแนวโน้มจะยกให้พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีรายงานว่า นายสมศักดิ์ ยอมถอย และจะไปนั่งรัฐมนตรีกระทรวงอื่นแทน ซึ่งหากเป็นไปตามนี้ มีชื่อนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ มานั่งตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ แต่ทั้งนี้ ยังต้องรอการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง” ย้ำว่านี่เป็นรายงานข่าวที่ออกมา แต่ก็ช่วยฉายภาพถึงการต่อรองโควตารัฐมนตรีได้อย่างแจ่มชัดอันว่าด้วยเรื่องกระทรวงเกษตรฯ และนายสมศักดิ์ แห่งสามมิตร
แม้ก่อนหน้านั้นคือวันที่ 31 พ.ค.นายสมศักดิ์ ได้แถลงชี้แจงกรณีที่มีการปล่อยข่าวส.ส.ในกลุ่มของตนจะย้ายไปอยู่กับพรรคอื่นหากไม่ได้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะที่บอกว่า ตนต้องการดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หากไม่ได้จะพา ส.ส.ในสังกัดกว่า 30 คนไปร่วมกิจกรรมกับพรรคอื่น ซึ่งนายสมศักดิ์ บอกว่าคนที่ไม่เข้าใจการเมืองมากนักจะเข้าใจผิด ทำให้ตนและพรรคพวกเป็นคนเกเรตีรวน พร้อมยืนยัน ไม่มีปัญหาเรื่องตำแหน่ง แต่พยายามทวงถามสิ่งที่พบปะประชาชนมาตลอดหนึ่งปีเศษ แม้ตัวบุคคลจะถูกคัดเลือกจากพรรคการเมือง แต่ตามหลักนายกรัฐมนตรีก็ต้องดูอีกชั้นว่าสมควรหรือไม่ ซึ่งก็ยอมรับเงื่อนไข
ทั้งหมดตามข้อมูลที่นำมาเสนอนี้ ก็หวังให้สังคม ประชาชนช่วยกันพิจารณากับสิ่งที่เกิดขึ้น และคำพูดที่นายสมศักดิ์ กล่าวออกมาว่า เท็จจริง ถูกต้องมากน้อยแค่ไหน??? แค่เฉพาะประเด็นที่ว่า ได้ยุติกลุ่มสามมิตรไปแล้วตอนเข้ามาร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็ปรากฏว่าเห็นว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนนี้ก็มีบรรดากลุ่มคนที่รวมตัวกันที่โรงแรมโดยมีนายสมศักดิ์ และแกนนำกลุ่มสามมิตรรวมทั้ง ส.ส.อันมีสังกัดร่วมอยู่ด้วย ซึ่งนับจากนี้สังคมจะเข้าใจนายสมศักดิ์ มากขึ้นหรือไม่ ทั้งคลายสงสัยในเรื่องการแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีแล้วหรือไม่??? เรื่องนี้ต้องให้สังคมเป็นผู้ตอบคำถาม โดยเฉพาะประโยคที่ว่า ความดีก็มีปรากฏ!?!