ถึง น้องช่อ แก้ตัวไปก็ไร้ประโยชน์ ก้าวล่วง โจมตีสถาบัน??  ถ้ากล้าจริง..พูดให้ชัดเรื่องจุดยืนการเมือง

ในรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณ ได้นำเสนอในตอน จาก"สนธิญาณ"ถึง"น้องช่อ" แก้ตัวไปก็ไร้ประโยชน์ "ก้าวล่วง โจมตีสถาบัน?? ถ้ากล้าจริง..พูดให้ชัดเรื่องจุดยืนการเมือง!!

ในรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณ ได้นำเสนอในตอน จาก"สนธิญาณ"ถึง"น้องช่อ" แก้ตัวไปก็ไร้ประโยชน์ "ก้าวล่วง โจมตีสถาบัน??  ถ้ากล้าจริง..พูดให้ชัดเรื่องจุดยืนการเมือง!!   ซึ่งคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ระบุว่า เรื่องที่จะพูดในวันนี้นั่นก็คือเรื่องของน้องช่อ หรือนางสาวพรรณิกา วานิช นะครับ เรื่องนี้เกิดมาหลายวันแล้ว ที่ไม่ได้มาพูดก็ต้องมาขยายความเรื่องนักการเมืองน้ำเน่าที่แย่งชิงตำแหน่งบั่นทอนลุงตู่ วันนี้ได้โอกาสดี จะลำดับเรื่องราวทบทวนให้ท่านผู้ชมได้เห็นภาพชัดเจนว่ามันเกิดอะไรขึ้นนะครับ ประเด็นปัญหาเกิดจากภาพที่น้องช่อได้ไปโพสในเฟซบุ๊คนะครับ 

เป็นภาพรับปริญญา ซึ่งคิดว่าท่านผู้ชมทุกคนได้เห็นภาพอันนี้แล้วนะครับ ได้แสดงกริยาไม่เหมาะสมในขณะที่ตัวเองใส่เสื้อครุยต่อพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 การแสดงไม่เหมาะสมนั้นนะครับ ไม่ต้องมาตั้งคำถามล่ะครับว่าทำไมน้องช่อและกลุ่มคณะเพื่อนถึงแสดงกิริยาแบบนั้น แน่นอนครับเป็นสิ่งที่ต้องมาจากความรู้สึกภายในใจของพวกเธอนั่นเอง หลังจากเป็นเรื่องเป็นราวกันขึ้นมานี่นะครับ น้องช่อออกมาใช้คำว่าตีโพยตีพาย บอกว่านี่แหละคือลัทธิล่าแม่มดที่ต้องการทำร้ายทำลายเธอ ผมก็ต้องขยายความให้ท่านผู้ชมได้เข้าใจครับว่า ศัพท์ที่น้องช่อออกมาพูดเรื่องลัทธิล่าแม่มดนั้นเป็นอย่างไร

เรื่องนี้เกิดมาเมื่อหลายร้อยปีก่อนนะครับในยุโรป ในยุโรปท่านผู้ชมต้องเข้าใจนะครับว่าศาสนจักรอยู่เหนืออาณาจักร แม้แต่ปัจจุบันหลายประเทศนะครับศาสนจักรก็ยังมีอิทธิพลเหนือการปกครองของอาณาจักรอยู่ เพราะฉะนั้นในยุคนั้นในยุโรปจึงมีการออกกฎหมายให้มีการล่าแม่มดหรือผู้ต้องสงสัยว่าเป็นแม่มดได้เพื่อในข้ออ้างจะรักษาศาสนาเอาไว้ ปรากฎว่านะครับในการล่าแม่มดในยุโปร ทำให้มีผู้ที่ถูกประหารชีวิตในฐานะถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดนะครับถึง 5-6 หมื่นคน ไม่ใช่น้อยๆนะครับ แต่กรณีน้องช่อนะครับที่มาพูดว่าตัวเองกำลังถูกล่าแม่มดนั้นต้องพูดแบบนี้ครับ การล่าแม่มดไม่มีข้อมูลที่เป็นจริง เป็นการกล่าวหา 
 

แต่กรณีน้องช่อนี่นะครับก็ต้องมาทบทวนดูว่าเธอถูกกล่าวหาหรือว่าพฤติกรรมของเธอนั้นได้แสดงออกในเรื่องนี้จริงๆ เรามาดูข้อเท็จจริงกันครับ เราก็ต้องมาทวนกันดูนะครับว่าการโพสของน้องช่อ เพียงแต่โพสเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2553 ในชุดครุยรับปริญญา แสดงกิริยาไม่เหมาะสมต่อพระบรมฉายาลักษณ์เพียงครั้งเดียว แล้วเอามาอ้างว่านี่เป็นเรื่องที่กระทำเมื่อตอนเป็นเด็กแค่นั้นหรือ ไม่ใช่ครับ 20 มกราคม 2554 นะครับ เธอได้โพสถึงเรื่องความสำเร็จในการมาดูหนัง แล้วไม่ได้ยืนถวายความเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี และหนังที่เธอดูก็มีความหมายนะครับ ชื่อ The King's Speech เป็นหนังเกี่ยวเนื่องกับพระมหากษัตริย์ของประเทศอังกฤษนะครับ เธอไม่แสดงออกด้วยการยืนถวายความเคารพเพลงสรรเสริญ 

เธอภาคภูมิใจ เธอเอามาโพสนะครับ 24 มิถุนายน 2558 นะครับ หลังจากนั้นอีกหลายปีนะครับ เธอก็โพสว่าใครจะไว้ใจอะไรก็ไว้ใจเถิด แต่อย่าไว้ใจในสิ่ง 5 ผมไม่ทวนนะครับว่าในสิ่ง 5 นั้นมีอะไรบ้าง 5 อย่าง แต่หนึ่งในนั้นคือสถาบันพระมหากษัตริย์ครับ และที่ผมต้องใช้คำว่าเลวร้ายไปกว่านั้นนะครับ ในวันที่ 26 ตุลาคม 2560 ในวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพรัชกาลที่ 9 เธอได้โพสในสิ่งที่เรียกว่าสะเทือนใจต่อคนไทยนะครับ ไม่สามารถที่จะเอามาพูดได้นะครับ ในขณะที่ห้วงเวลานั้นคนไทยทุกคนนะครับกำลังกราบถวายส่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งครูบาอาจารย์ยืนยันว่าเป็นพระโพธิสัตว์ กลับสูงสรวงสวรรค์ เพื่อที่จะไปทำหน้าที่พระโพธิสัตว์ในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ต่อไป แต่เธอยังทำได้ นี่นะครับเป็นเบื้องต้นที่เป็นพฤติกรรมที่น้องช่อได้ทำเอาไว้ 

การมีความคิดที่แตกต่างกันในทางการเมืองหรือการไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นี่นะครับเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ถ้าคุณมีความเชื่ออย่างนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ผิดกฎหมายครับ เพียงแต่คุณอย่าทำให้มันก้าวล่วงกรอบขอบเขตของกฎหมาย และกฎหมายที่คุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ พระราชินี องค์รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการนี่นะครับมีเพียงมาตรา 112 ที่บรรดานักวิชาการนิติราษฎร์นะครับโดยปิยบุตร เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ของน้องช่อที่พยายามแก้ไขอยู่นี่แหละครับ กฎหมายมีเพียงเท่านี้ ก็ต้องทำความเข้าใจนะครับว่ามาตรา 112 ของกฎหมายอาญานั้น เจตนาคือคุ้มครองประมุขของรัฐนะครับ ไม่ใช่คุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะแม้แต่ผู้สำเร็จราชการแทนซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา เมื่อดำรงหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทน ซึ่งถือว่าทำหน้าที่ประมุขของรัฐก็ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายฉบับนี้ 

และในเรื่องกฎหมายหมิ่นประมาท การดูหมิ่น อย่าว่าแต่ประมุขของรัฐเลยครับ บุคคลธรรมดาก็มีการคุ้มครองและเห็นชัดนะครับ การคุ้มครองระหว่างบุคคลธรรมดาต่อข้าราชการ ต่อตุลาการก็มีการคุ้มครองที่แตกต่างกันตามความสำคัญชองแต่ละบุคคล ตามความรับผิดชอบของแต่ละบุคคล เพราะฉะนั้นนี่นะครับ การมีกฎหมายอาญาตามมาตรา 112 เพื่อคุ้มครองประมุขของรัฐจึงเป็นเรื่องปกติ และแม้แต่ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศประชาธิปไตยที่น้องช่อและพรรคพวกนะครับเอามาเป็นพระเจ้า เอามาเชิดชู ก็มีกฎหมายคุ้มครองประมุขของรัฐ และประธานาธิปดีสหรัฐหลายคนก็ได้เอากฎหมายนี้มาใช้ดำเนินคดีสำหรับคนที่ก้าวล่วงขอบเขตของกฎหมาย ล่าสุดนะครับทั้งตัวน้องช่อเอง และธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคของน้องช่อก็บอกว่า ที่น้องช่อเอามาโพสตอนนั้นนี่นะครับเป็นการโพสตอนเด็กๆ ผมขยายความให้ฟังแล้ว ไม่ได้โพสครั้งเดียวต่อเนื่องมายาวนาน มาจนถึงปัจจุบัน

น้องช่อก็โพสมาโดยตลอด แต่เราก็มาดูกันครับว่าการเมืองที่น้องช่อเอามาอ้างว่าตอนที่โพสนั้นยังเป็นเด็กๆอยู่แล้วสถานการณ์การเมืองมันแรง มันแรงในความหมายของน้องช่อคืออะไร การเมืองที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2553 มีชายชุดดำที่สังกัดคนเสื้อแดง จะกลุ่มไหนก็ตามแต่ล่ะครับ ลากเอาอาวุธยุทโธปกรณ์มายิงเจ้าหน้าที่ ยิงประชาชน ไม่ใช่เป็นการชุมนุมโดยสงบ และในเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนี้นะครับปรากฎว่ามีคนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มตาสว่างได้ออกขยายความโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่อง มีคลิปมีหลักฐานอย่างชัดเจน ตอนนี้นะครับก็หนีไปอยู่ต่างประเทศหมดแล้วนะครับ พวกนี้พยายามยึดโยงกล่าวหาสถาบันพระมหากษัตริย์เข้าไปสู่เหตุการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดงในปี พ.ศ.2553 เพราะน้องช่อไปรับความคิดของกลุ่มตาสว่างมาใช่หรือไม่ ถึงเอามาอ้างว่าการเมืองในตอนนั้นรุนแรง น้องยังเป็นเด็ก น้องไม่รู้ น้องจึงโพสไป

แต่ผมขอเรียนนะครับว่าสิ่งที่เป็นอยู่นั้นในขณะนั้นมันเป็นเรื่องการสร้างสถานการณ์นะครับ ข้ออ้างของน้องช่อ แท้จริงแล้วไม่ใช่เป็นการปฏิเสธนะครับ เท่ากับเป็นการรับสารภาพว่าไปรับความคิดทางการเมืองของกลุ่มคนเหล่านั้นมาจริง โพสออกมาแล้วนั้น แล้วพฤติกรรมที่ผ่านมาก็ไม่ได้เลิกรา การไม่เคารพสถาบันพระมหากษัตริย์นะครับ การมีความคิดทางการเมืองที่แตกต่างไม่ใช่เรื่องที่ผิดกฎหมาย ผมย้ำอยู่แล้ว เช่นหัวหน้าพรรคของน้องช่อเอง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจครับ เป็นนายทุน เป็นผู้ให้การสนับสนุนนิตยสารโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอดครับ แต่อาศัยมือนักวิชาการที่เชี่ยวชาญในการเขียน รักษากรอบของกฎหมาย เคลื่อนไหวเขียน จึงทำให้รอดพ้นไม่ผิดกฎหมาย ใช้ความชาญฉลาดในการเคลื่อนไหว นายปิยบุตร เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่เองไปพูดไปอภิปรายหลายครั้ง แสดงปฏิญาณ ไม่ยอมรับสถาบันพระมหากษัตริย์ 

แต่การพูดนั้นอยู่ในกรอบขอบเขตของกฎหมาย ก็ไม่เคยถูกดำเนินคดี ถ้าไม่ก้าวล่วงผิดเข้าสู่มาตรา 112 ทั้งสองคนนะครับมารวมตัวกันตั้งพรรคการเมือง แน่นอนครับต้องมีความคิดที่คล้ายกันครับ ความคิดทางการเมืองของบุคคลนะครับมันไม่เหมือนดอกเห็ดที่ผุดขึ้นในหน้าฝนในทันทีทันใดอย่างรวดเร็วนะครับ ล้วนแต่ต้องใช้เวลาที่ต้องสะสม ต้องใช้เวลาในการบ่มเพาะ ในการศึกษา นี่เป็นความจริง ดังนั้นการที่น้องช่อมาพบกับธนาธรและปิยบุตรนั้นมีเจตนาอย่างชัดเจน มีอุดมการณ์ร่วมกัน ซึ่งความจริงเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมในการที่คนรุ่นใหม่มีอุดมการณ์ แต่จะต้องพูดว่าเมื่อเรามีอุดมการณ์ มีความคิดที่แตกต่าง เราต้องกล้าเสนอ เราต้องกล้าเคารพความคิดของตัวเอง เสนอให้สังคมเลือกความคิดของเรา

 ซึ่งการนำเสนอไม่ต้องกลัวผิดกฎหมาย ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายเหมือนตอนธนาธรทำหรือสนับสนุนหนังสือหรือนิตยสาร ไม่ใช่มาทำตัวเป็นอีแอบ หลอกลวงประชาชน เพราะรู้ว่าคนส่วนใหญ่ยังเห็นคุณค่าของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อสังคมไทย เหมือนกับที่ผมได้กล่าวถึงองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชซึ่งอยู่ข้างหลัง ดังนั้นนะครับจะขอเรียนว่าในตำราปฏิวัติสังคมนี่นะครับจะตอกย้ำเอาไว้เสมอว่าการจะทำอะไรต้องสะสมกำลัง รอคอยเวลา ถามว่าในวันนี้สิ่งที่นำเสนอของน้องช่อ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือการมารวมของทั้งสามคนนั้น แท้จริงคือการเดินไปสู่เส้นทางการเปลี่ยนแปลงสังคม บอกแล้วถ้าอยู่ในกรอบกฎหมาย ยอมรับเถอะครับ ให้ประชาชนเลือกไม่ใช่เรื่องผิด โจมตีคนอื่นว่าเป็นนักการเมืองน้ำเน่า 

พฤติกรรมที่ทำอยู่ในขณะนี้ขอให้ทบทวนกันดูว่าเป็นพฤติกรรมน้ำเน่าหรือสร้างสรรค์ ตั้งแต่ตั้งพรรคมาการรับความนิยมล้วนแต่เริ่มต้นด้วยการโจมตีด่าว่าคนอื่นที่คิดเห็นไม่เหมือนกับตัวเอง ใครเห็นไม่เหมือนกับตัวเองเป็นคนเลวไปหมดนะครับ ที่ผมมานำเสนอให้เห็นนี่นะครับไม่ได้มาดำเนินการตามคำกล่าวหาของน้องช่อที่บอกว่าเป็นการล่าแม่มดหรอกครับ ไม่ได้ใส่ร้าย แต่เอาความจริงทั้งหลายมาพูดในแง่มุมต่างๆให้ท่านผู้ชมได้เห็น เพื่อให้ท่านผู้ชมได้ตัดสินใจถูกว่าข้อเท็จจริงมันเป็นแบบนี้ สังคมไทยควรเลือกไปทางไหนนะครับ ถ้าเลือกแต่จะเอาไปในทางด่าๆๆๆ แบบธนาธร แบบปิยบุตร แบบน้องช่อทำอยู่ โดยไม่เคยเสนอสิ่งสร้างสรรค์ว่าจะทำสังคมไทยไปสู่ข้างไหน แบบนี้พฤติกรรมของคนเหล่านี้เป็นพฤติกรรมของนักการเมืองน้ำเน่าเหมือนที่เคยเป็นมาล่ะครับ เพียงแต่ย้อมสีสร้างรูปแบบสีสันให้ดูใหม่ขึ้นดูทันสมัยขึ้นเท่านั้น สวัสดีครับ

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

อีช่อแจงแปลก?! ช่อ พรรณิการ์ โผล่บอกเหตุ ที่มาปมโพสต์FBฉาว แล้ว?!

ถ้ายังแถแบบนี้ก็ไม่จบ!! "กนก" ไขทุกความแถ "ช่อ พรรณิการ์" ไล่เรียงเป็นข้อท้าวความเสร็จสรรพ... พอจะนึกออกไหม?!?

อุ๊จัดหนักคลิปช่อครั้งเป็นพิธีกร พูดถึงการหมอบคลานไทย

มีเสียว??!!! ช่อ พรรณิการ์ หายต๋อมไปนาน หลังFBทำพิษ หากผิดจริยธรรม มีสิทธิ์หลุด ส.ส