พรรคการเมืองที่น่ายุบที่สุด คือพลังประชารัฐ

ในรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณ ได้นพเสนอในตอน พรรคการเมืองที่น่ายุบที่สุด คือพลังประชารัฐ

ในรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณ ได้นพเสนอในตอน พรรคการเมืองที่น่ายุบที่สุด คือพลังประชารัฐ โดยคุณสนธิญาณระบุว่า ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองกันต่อล่ะครับ สถานการณ์การเมืองในขณะนี้ไม่มีเรื่องใดน่าสะอิดสะเอียนเท่ากับกลุ่มสามมิตรและพรรคพลังประชารัฐครับ ถ้าจะมีพรรคการเมืองใดซักพักที่สมควรจะถูกยุบในขณะนี้นะครับเป็นพรรคพลังประชารัฐที่ควรจะยุบทิ้งซะทีนะครับ เพราะจากพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นบุคคลที่เป็นความหวังของบ้านเมืองที่จะมาแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองในยามภาวะวิกฤติ 


แต่ปรากฎว่าบุคลากรจำนวนหนึ่งในพรรคที่ชื่อว่ากลุ่มสามมิตรนะครับที่อาศัยพรรคพลังประชารัฐและชื่อพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีเป็นที่ชุบล้างตัวเองที่เต็มไปด้วยโคลนให้มีสภาพและการยอมรับทางการเมืองขึ้น ไม่ได้ทิ้งนิสัยเดิมนะครับ กลุ่มสามมิตรนี่นำโดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายอนุชา นาคาศัย นะครับ ตั้งแต่ก่อนจะเข้าพรรคย้ำนะครับ ประกาศตั้งกลุ่มสามมิตรขึ้นมา เอากลุ่มสามมิตรมาเข้าพรรค ปากพูดว่าจะมาช่วยพรรค จะสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจถึงขนาดประกาศว่าไม่ต้องการจะรับตำแหน่งใดๆเสียด้วยซ้ำ นั่นคือการเริ่มต้นก่อนที่จะเข้ามาชุบตัวในพรรคพลังประชารัฐ หลังจากนั้นเป็นไงล่ะครับ เข้ามาแสดงบทบาทเคลื่อนไหวเป็นประธานยุทธศาสตร์นะครับโน่นนี่นั่น 


แต่ปรากฎว่าผลการเลือกตั้งนี่นะครับไม่ประสบความสำเร็จตามการคาดคิด เพราะคิดการเมืองแบบเก่า เดินแบบเก่านะครับ นี่ชัดเจน เปรียบเทียบกันได้กับพรรคอนาคตใหม่นะครับ ซึ่งได้รับการตอบสนองจากผู้คน พรรคพลังประชารัฐที่ได้คะแนนความนิยมมาถึง 8 ล้านนะครับไม่ใช่เพราะกลไกของพรรคทำงานหรอกครับ แต่เป็นเพราะความนิยมของประชาชนที่มีต่อพลเอกประยุทธื พวกนี้ไม่รู้สึกตัวครับ เข้ามาก็เคลื่อนไหว เกาะกลุ่ม แตกแยกกันเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย น้ำหนักที่ทำให้เกิดกลุ่มต่างๆขึ้นก็มาจากกลุ่มสามมิตรแหละครับ เข้ามาแสดงอิทธิฤทธิ์หลังประกาศผลเลือกตั้ง ตัวเองไม่ประสบความสำเร็จนะครับ ได้ สส.มาแค่หยิบมือเดียวก็มาตกปลาในบ่อ จะมีการเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา วันที่ 4 ก็ออกมาประชุมชิงตัดหน้า ระดมคนว่านี่ตัวเองมีกลุ่มสามมิตรอยู่ 30 คน จะสนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี 


ทำไมถึงทำอย่างนั้นก็ต้องการแสดงพลังของกลุ่มออกมานะครับ เพื่ออะไร ก็เพื่อคาดหวังว่าจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีตามที่ตัวเองต้องการ เพราะก่อนหน้านั้นมีปัญหาเกิดขึ้นจากการจัดสรรโควต้าตำแหน่งรัฐมนตรีที่กลุ่มสามมิตรต้องการกระทรวงเกษตร ต้องการกระทรวงคมนาคม แล้วก็ป่วนนะครับไปโยงใยกับผู้บริหารพรรคคือคุณอุตตมและคุณสนธิรักษ์ หัวหน้ากับเลขาธิการพรรค ต้องมาเคลื่อนไหวตามกลุ่มสามมิตรไปด้วย ต่อมาก็เหมือนเป็นข่าวล่ะครับ คุณสนธิรักษ์โดนกลุ่มนี้ทิ่มแทงเสียจนเจ็บปวดเสียทีเดียว หลังจากที่ชัดเจนครับว่าการแบ่งปันกระทรวงกับพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้กระทรวงคมนาคม ไม่ได้กระทรวงเกษตรแน่ เมื่อมีข่าวออกมาว่าจะได้กระทรวงพลังงานเป็นของสุริยะ ยุติธรรมเป็นของสมศักดิ์ เทพสุทินก็ดูเงียบเสียงไป 

แต่ปรากฎโผล่าสุดเมื่อมีการเปลี่ยนว่าสุริยะจะมานั่งที่อุตสาหกรรม เท่านั้นแหละครับกลายเป็นไฟร้อนขึ้นมาทันที อนุชา นาคาศัย หนึ่งในแกนนำกลุ่มสามมิตร ซึ่งมีโควต้าจะเป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลัง ก็มีชื่อว่าหลุดออกจากโผ ออกมาแถลง และเมื่อวาน รุนแรงนะครับ ประกาศเงื่อนไข 5 ข้อ เรียก สส. กลุ่มสามมิตรนะครับ ซึ่งจะมีมาจากไหน เดี๋ยวจะแจกแจงให้ดู มาร่วมประชุมกันนะครับ 5 ข้อนี้บอกว่า สุริยะ นี่แหละคือคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะนั่งบริหารกระทรวงพลังงาน ถ้าไม่ได้นี่นะครับก็จะทำให้เกิดปัญหาขึ้น แต่หากได้ตามข้อ 1 นะครับ สุริยะ สมศักดิ์ อนุชา ก็จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างดีทีเดียว เป็นทีม นั่นข้อ 2 ข้อ 3 นี่นะครับ

จะช่วยขับเคลื่อนงานในสภาให้มีประสิทธิภาพนะครับถ้ากลุ่มสามมิตรได้ดังใจ ข้อ 4 แต่หากไม่ได้ก็จะทำให้รัฐบาลไม่มีประสิทธิภาพ และข้อ 5 หากประกาศชื่อแล้วไม่มีชื่อรัฐมนตรีตามที่กลุ่มสามมิตรเรียกร้องก็จะประกาศจุดยืนอีกครั้งหนึ่งนะครับ ลุกเป็นไฟทันทีเมื่อประกาศเงื่อนไขอันนี้มา ผู้ที่มาเข้าร่วมประชุมร่วมชื่อนี่นะครับ มีทั้งสิ้น 31 คน น่าสนใจครับว่า 31 คนนี้ไม่ตรงกับ 30 ครั้งแรกในวันที่ 4 มิถุนายน มีเข้าๆออกๆ และน่าสนใจที่สุดนะครับ ฐานะที่ติดตามข่าวสารอยู่นี่ครับ แบบ 3 สส. สงขลา วันชัย ปริญญาศิริ ศาสตรา ศรีปาน พยม พรหมเพชร นะครับ มันไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มสามมิตรตอนไหน ก็ที่ทำงานนี่นะครับก็ยื่นรายชื่อวันก่อนก็ 13 รายชื่อ ก็สนับสนุน พ.อ.สุชาติ เพื่อนพลเอกประยุทธ์ เป็นรัฐมนตรีเสียด้วยซ้ำ


 วันนี้จู่ๆมาปรากฎชื่อในกลุ่มสามมิตร ทำไมถึงมีชื่อบุคคลเหล่านี้ครับ นี่ไม่นับกลุ่มกำแพงเพชร กลุ่มนครสวรรค์ที่มาปรากฎชื่อ ทำไม ก็มีคำร่ำลือกันว่า มีค่ารถค่าเดินทางจัดการประชุมในครั้งนี้ จำนวนเท่าไหร่ มีจริงหรือไม่ก็ต้องไปติดตามหากัน น่าสนใจล่ะครับหลังจากที่แถลงเสร็จ ปรากฎว่านายกรัฐมนตรีได้มีสารออกมาว่าไม่สบายใจ และขอโทษพี่น้องประชาชนแทนพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะที่เป็นบุคคลที่พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี พูดไปชัดเจนนะครับท่าทีไม่แคร์ เอาประชาชนเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กนะครับ ชัดเจน ผมจะย้ำบางช่วงบางตอนในศาลให้ฟัง ในฐานะรัฐบาลของคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งจะถือเป็นการเริ่มต้นปฏิรูปทางการเมืองของรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล 

เพื่อมิให้การดำเนินการทางการเมืองกลับไปเป็นปัญหาเช่นเดิม  จนต้องเกิดการแก้ไขปัญหาแบบเดิมๆ ที่ทุกคนไม่ต้องการขึ้น แหม่ ตรงนี้ล่ะครับ ไม่ต้องการแก้ไขปัญหาแบบเดิมๆที่ทุกคนต้องการขึ้นมา ตีความกันหูดับตับไหม้นะครับเมื่อวาน แปลว่าอะไร ยึดอำนาจอีกเหรอ ปฏิวัติอีกเหรอ หรือเอ๊ะ มีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า แต่ถ้าแบบเดิมๆ ทุกครั้งเวลาการเมืองมันวุ่นวายมันคือการรัฐประหาร มันคือการยึดอำนาจ ใช่หรือไม่ใช่ไม่รู้ล่ะครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย นายกรัฐมนตรีอาจจะเพียงแต่บอกให้รู้ว่าหยุดวุ่นวายกันเสียทีได้ไหมนะครับ และปรากฎว่าวันนี้นะครับ อุตตม ก็นำสามมิตรออกแถลงอีกครั้งหนึ่งว่าเรื่องต่างๆยุติ

 แต่ก่อนที่เราจะพูดถึงเรื่องกลุ่มสามมิตรออกมาแถลงว่ายุติแล้วนี่นะครับ อย่าลืมว่าเมื่อวานนี่นะครับได้มีเงื่อนไขหนึ่งของกลุ่มสามมิตรนั่นก็คือวันนี้มีการประชุมพรรคในตอนบ่ายนี่นะครับ ก็จะดำเนินการขับคุณสนธิรักษ์ออกจากเลขาธิการพรรค ข้อหาที่บริหารจัดการพรรคไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว แต่จะเป็นข้อหานั้นจริงหรือเป็นข้อหาที่คุณสนธิรักษ์มีโผมีรายชื่อว่าจะไปแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจากคุณสุริยะหรือเปล่าก็ไม่รู้ วันนี้บอกว่าทุกอย่างจบสิ้นไม่มีเงื่อนไขนะครับ แล้วแต่นายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจ จะเดินหน้าอย่างไรก็เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องของพลเอกประยุทธ์ เป็นเรื่องของลุงตู่ แต่อย่าลืมนะครับ กลุ่มสามมิตรยังแถลงและประกาศในนามกลุ่ม พรรคการเมืองไหนก็ตามแต่นะครับ ยังมีกลุ่มก้อนอยู่ในพรรค และกลุ่มก้อนนั้นได้แสดงท่าทีที่เป็นปัญหา และปัญหาที่ว่าไม่ใช่เป็นปัญหา เป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชน เป็นปัญหาที่คิดแต่เรื่องผลประโยชน์นะครับ 

พรรคการเมืองนั้นไปไม่รอดล่ะครับ ผมก็เรียนนะครับข่าวก่อนหน้านี้ที่พลเอกประยุทธ์มีข่าวว่าจะมานั่งเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐนะครับ วันนี้จะถึงเวลาแล้วหรือไม่ก็ตามแต่นะครับ แต่สิ่งที่ต้องทำนะครับสำนวนคนโบราณผมเอามากล่าว รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ นะครับ ใครคนไหนเป็นหอกข้างแคร่ต้องรู้ เก็บไว้ก็เหมือนกับหนองที่จะบ่มเจ็บปวดอยู่นั่นแหละครับ เหมือนหนามที่ตำเท้านะครับ เป็นเสี้ยนที่แทงใจอยู่ ผ่าตัด ผ่าหนอง ตัดสินใจ หากจำเป็นต้องยุบสภาต้องทำให้ประชาชนยอมรับ หรือไม่งั้นก็ปฏิวัติพรรคนะครับ ผมเชื่อว่าถ้ามีคนกลุ่มนี้เดินออกจากพลังประชารัฐนะครับก็จะมีคนเข้ามาเติม