- 01 ก.ค. 2562
ในรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณ ได้นำเสนอกันในตอน ทิ้งหรือไม่ทิ้งสามมิตรคืออนาคตของรัฐบาลลุงตู่ เลือกเอา
ในรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณ ได้นำเสนอกันในตอน ทิ้งหรือไม่ทิ้งสามมิตรคืออนาคตของรัฐบาลลุงตู่ เลือกเอา !!! โดยคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ระบุเอาไว้ว่า ขอยินดีต้อนรับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางกลับมาจากญี่ปุ่น จากการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ครับ มาเพื่อพบกับความวุ่นวายในทางการเมือง ไม่ใช่จากไหนล่ะครับ จากพรรคพลังประชารัฐที่เสนอพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีนั่นเอง โดยข้อเท็จจริงแล้วเราจะได้เห็นชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ในเร็ววันนี้นะครับ แต่แน่นอนล่ะครับ
ปัจจัยและเงื่อนไขที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ถือว่ามีความรุนแรงในทางการเมืองที่ต้องจับตากันอย่างใกล้ชิดล่ะครับ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวจากผู้คนในพรรคพลังประชารัฐที่เรียกว่ากลุ่มสามมิตรครับ ที่นำโดยสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจและสมศักดิ์ เทพสุทิน ครับ ตั้งแต่เริ่มต้นนะครับมีการแบ่งโควต้ากับพรรคร่วมรัฐบาลครับ กลุ่มสามมิตรยืนยันโดยสุริยะต้องนั่งคมนาคม สมศักดิ์ต้องนั่งเกษตร เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายในการเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งๆที่รัฐบาลนะครับมีเสียงปริ่มน้ำมาก การให้ความสำคัญกับพรรคร่วมเป็นเรื่องที่ควรกระทำ แต่กลุ่มสามมิตรก็ไม่ยินยอม ออกฤทธิ์ไปเชื่อมโยงกับผู้บริหารพรรคจนเกิดปัญหาไม่ลงตัว
ต่อมาเรื่องราวค่อนข้างจะเงียบลงเมื่อมีข่าวว่าสุริยะจะไปนั่งกระทรวงพลังงาน และสมศักดิ์จะได้นั่งว่าการยุติธรรมครับ แต่ปรากฎว่าไม่จบเมื่อมีโผใหม่ออกมา โผใหม่ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วทำให้เกิดปัญหาอย่างรุนแรงกับกลุ่มสามมิตรก็คือมีข่าวว่าสนธิรักษ์ เลขาธิการพรรคจะไปนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานนะครับ ทันทีที่ข่าวนี้ออกมากลุ่มสามมิตรก็ออกฤทธิ์ออกเดชนะครับ ปล่อยข่าวผ่านเครือข่ายสื่อสารมวลชนของตัวเอง น่าสนใจครับสนธิรักษ์เป็นคนของ ดร.สมคิดนะครับ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มสามมิตรให้เข้ามาในพรรคพลังประชารัฐเอง ย้ายตำแหน่งจากกลุ่มสามมิตรมาให้เลขาพรรคซึ่งมีความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง แล้วก็ทำให้ดร.สมคิดได้ดูงานอย่างใกล้ชิดแต่สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจและกลุ่มสามมิตรก็ออกอาการ ถึงขนาดอนุชา นาคาศัย ออกมาแถลงข่าวแสดงพลังและแสดงอาการไม่พอใจอย่าวยิ่งยวด
แต่น่าแปลกใจครับ การแสดงพลังที่บอกว่ากลุ่มสามมิตรสร้างพรรคมาไม่เคยโวยวายอย่างโน้นอย่างนี้ แทนที่จะพุ่งเป้าไปที่ผู้บริหารพรรคหรือพุ่งเป้าไปที่ ดร.สมคิดที่เอาตำแหน่งโควต้ารัฐมนตรีพลังงานไป กลับเบนเป้ามาที่สองหนุ่ม กปปส.นั่นก็คือณัฐพล ทีปสุวรรณ กับพุฒิพงษ์ ปุณณกัณฑ์ว่าตนเองมีความลับอยู่ อย่าให้ออกมาแฉบ้างนะ อย่าให้ต้องแถลงทุกวัน อาการแบบนี้ต้องเรียกว่าเป็นการแบล็คเมล์ล่ะครับ แต่น่าสนใจว่าทำไมไปแบล็คเมล์อยู่ที่สองคนนั้น ทำไมไม่พุ่งเป้าไปที่ผู้บริหารพรรค ซึ่งมาช่วงชิงโควต้าของตนเองไป
ก็เพราะแน่นอนครับ ชัดเจนว่าในพรรคพลังประชารัฐมีการเกาะกลุ่มกันอยู่หลวมๆระหว่างสามมิตรกับผู้บริหารพรรค และกลุ่มผู้ที่อยู่ภายใต้บารมีของทหาร กับกลุ่มของ กปปส.ที่นายกพลเอกประยุทธ์ดึงมาเข้าพรรคด้วยตัวเอง เป้าโจมตีที่มุ่งตรงไปที่สองหนุ่ม กปปส. ว่าแหม่ มีเสียงอยู่เพียงแค่ 11 เสียงแต่กวาดตำแหน่งรัฐมนตรีไปถึงสองเสียงเชียวเลยหรือ ในขณะที่กลุ่มสามมิตรมี 30 เสียง พูดแบบนี้ก็ไม่ได้ล่ะครับ ถ้าพูดแบบนั้นก็ต้องกลับไปที่ว่าแล้วพลเอกประยุทธ์ล่ะครับเอาโควต้ารัฐมนตรีไปให้คนกลางที่มาในโควต้าของพลเอกประยุทธ์เสียกี่ตำแหน่ง หรือแม้แต่สี่รัฐมนตรีและ ดร.สมคิด ถ้าพูดถึงการวัดฐานเสียงในพรรคแล้วกลุ่มสามมิตรก็รู้ดี ฐานเสียงในพรรคพลังประชารัฐตอนนี้อยู่ที่ใคร ใครเป็นผู้ที่มีบารมีตัวจริง ใครเป็นคนที่ผลักดันให้เกิดการเลือกตั้ง ได้รับชัยชนะ และวันนี้ดูแล สส.อยู่ มีการทำงานอย่างเป็นระบบนะครับ
ดังนั้นนี่นะครับวันนี้ที่ผมบอกรัฐบาลนี้มันจะแตกตั้งแต่ยังไม่ตั้ง ก็เพราะว่ามีแรงข่าวออกมาว่าทันทีที่มีการตั้งรัฐบาลเสร็จและงบประมาณผ่านสภา การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลก็จะออกมาทันทีจากฝ่ายค้าน โดยพุ่งเป้าไปที่ 5 คน ก็คือ ดร.สมคิด และ สี่รัฐมนตรีก็คือ คุณอุตตม ดร.สนธิรักษ์ ดร.สุวิทย์ และก็คุณกอร์ปศักดิ์ ทำไมถึงพุ่งเป้าที่ห้าคนนี้ ก็เพราะฝ่ายค้านรู้ดีว่าห้าคนนี้ไม่มีฐานเสียงในพรรค เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งที่อยู่ในเงื่อนไขของพรรคระหว่างสองสามกลุ่ม ดังนั้นถ้าจะโจมตีให้เข้าเป้านะครับและจะได้แนวร่วมในพรรคเองมาสนับสนุน จะต้องไปที่ห้าท่านดังที่ผมได้กล่าวมาแล้ว
ถามว่าข้อมูลแบบนี้ฝ่ายค้านเอามาจากไหน แน่นอนครับ เอาไปจากคนในพรรคพลังประชารัฐนั่นเอง ดังนั้นนะครับนี่คืออาการของรัฐบาลใหม่ที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของนายกลุงตู่ และจุดอ่อนที่ว่านะครับโดยเฉพาะยิ่งตอนที่มีข่าวว่าคุณสนธิรักษ์มานั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและก่อให้เกิดความไม่พอใจให้กับกลุ่มสามมิตรและสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจเป็นอย่างยิ่งนี่นะครับ ทำให้ฝ่ายค้านหยิบเอาเรื่องนี้ไปวิเคราะห์กัน วันนี้นะครับมีข่าวว่ากลุ่มสามมิตรนัดประชุมกันอีกครั้ง จะนัดมาถ่ายรูป เห็นว่านะครับแหม่มีค่าถ่ายรูปจำนวน อื้อหือ ตัวเลขอย่าพูด แต่มีข่าวสารออกมาแล้วก็ต้องจับตาดูล่ะครับว่าจะมีจังหวะการเคลื่อนไหวอย่างไร
แต่ที่น่าสนใจกว่านะครับปรากฎว่าเกิดการเคลื่อนไหวของสุชาติ ชมกลิ่น ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ไม่ได้ออกมาทวงตำแหน่ง แปลกครับ ออกมาทิ่มแทงผู้บริหารพรรคและกลุ่มสามมิตรพร้อมยืนยันในการที่จะสนับสนุนนายกลุงตู่ เป็นนายกให้ทำงานให้บรรลุภารกิจโดยไม่สนใจว่าจะได้ตำแหน่งหรือไม่ แม้จะมีชื่อหลุดโผ รู้กันดีครับว่าสุชาติ ชมกลิ่นจากพรรคพลังชนที่กวาดที่นั่งในชลบุรีมาถึงสี่ตำแหน่งในขณะที่พี่น้องบ้านใหญ่ลูกชายกำนันเป๊าะไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง และยังแผ่ขยายนะครับมือของสุชาติไปยัง สส.ภาคกลางอีกทั้งบารมีที่เคยมี เพื่อนพ้องน้องพี่อยู่ในพรรคเพื่อไทย นี่น่าสนใจครับ การออกมาเคลื่อนไหวของสุชาติ ยืนคนละข้างกับกลุ่มสามมิตรและผู้บริหาร
ดังนั้นนะครับก็ต้องดูต่อไปว่าท้ายที่สุดมันจะเกิดการปะทะกันหรือไม่ มันถึงเวลาแล้วครับนาทีนี้ที่นายกลุงตู่ต้องตัดสินใจว่าจะเลือกเอาแบบไหน เอาไม่เอาสามมิตร จะดูแลกลุ่มภาคกลางไหม ภาคใต้จบไปแล้ว กลุ่ม กปปส.จะเป็นอะไร แต่ผมเรียนท่านนายกแบบนี้ ดูผลโพลของประชาชน ต้องคิดถึงความรู้สึกของประชาชนครับนายกลุงตู่ ผลโพล ประชาชนเบื่อหน่ายเต็มทีกับสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ ความเบื่อหน่ายนี้นะครับถ้าท่านนายกยังเดินหน้าเป็นนายกต่อไปซึ่งก็ต้องเป็นเพราะมีพระบรมราชโองการอยู่แล้วนะครับ นายกลุงตู่ต้องเลือกว่าจะยืนอยู่ข้างประชาชนซึ่งท่านรับรู้ได้นะครับในความชาญฉลาดทางการเมืองที่ท่านมีมาโดยตลอดว่าจะเลือกประชาชนหรือจะเลือกกลุ่มสามมิตร
แน่นอนครับเลือกกลุ่มสามมิตรอาจจะมีความเข้มแข็งในสภา แต่ถ้าเลือกประชาชนคือไม่เอากลุ่มสามมิตรนะครับ ก็จะทำให้เสียงในสภามีปัญหาได้นะครับ ถ้าท่านนายกเดินหน้าคิดยุบสภาก็ไม่มีปัญหา หรือหลายเสียงในพลังประชารัฐบอกว่าแก้ปัญหาเรื่องนี้จบรออยู่แล้ว มีคนจำนวนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นงูเห่าหรือบางพรรคที่พร้อมจะย้ายมาสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ให้อยู่ในตำแหน่งอย่างเข้มแข็งก็ต้องดูล่ะครับว่าท้ายที่สุดแล้วก็คงต้องกลับไปทบทวนนะครับ เมื่อมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่คนนึงโทรไปหาสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจที่สภาเพื่อขอความร่วมมือบางประการ สุริยะประกาศอย่างชัดเจนว่าผมไม่ใช่ทหาร จะมาสั่งไม่ได้ นี่ก็คงจะเป็นเงื่อนไขอันสำคัญที่ให้ลุงตู่ นายกลุงตู่ตัดสินใจได้
แถมท้ายอีกนิดครับก่อนหน้านี้สุริยะบอกว่าจะมาทำเพื่อชาติ ไม่รับตำแหน่ง ต่อมาบอกว่าขอถอนคำพูดขอรับตำแหน่ง และตำแหน่งที่รับนะครับจากคมนาคมมาถึงพลังงานที่ไม่พอใจ ทั้งๆที่จะได้อุตสาหกรรม มันมาจากความเชี่ยวชาญหรือจากอะไร หรือเพราะอยากได้กระทรวงใหญ่ หรือเพราะคิดอะไรอยู่ ท่านนายกคิดได้ครับ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ