- 10 ก.ค. 2562
ในรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณ ได้นำเสนอในตอน กี่ครั้งแล้วที่ "ทักษิณ" ประกาศเลิกแต่ไม่ครั้งนี้น่าไปแน่ เพราะกลัว????
ในรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณ ได้นำเสนอในตอน กี่ครั้งแล้วที่ "ทักษิณ" ประกาศเลิกแต่ไม่ครั้งนี้น่าไปแน่ เพราะกลัว???? ซึ่งคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ได้ระบุเอาไว้ว่า สถานการณ์ทางการเมือง ถามมากันมากว่าทักษิณ ชินวัตรจะเลิกเล่นการเมืองจริงๆหรือ ยังไม่มีข่าวสารที่ออกมาจากปากของทักษิณครับ อย่าลืมว่าทักษิณอยู่กับการเมืองไทยมา 25 ปี ทำให้ประเทศไทยเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลงไปทั้งทางบวกและทางลบ แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้นะครับทักษิณเป็นกลไกลอันสำคัญกลไกหนึ่งที่ทำให้สังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปในรอบ 25 ปีที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นก้าวล่วงไม่ได้หรอกครับกับความเป็นทักษิณ ชินวัตร นะครับ
ข่าวสารที่ออกมาจากทักษิณ ชินวัตรนะครับก็มีแต่เพียงข่าวเดียวเท่านั้นที่ทวิตเตอร์ออกมาไม่ชัดเจนว่าจะเลิกหรือไม่เลิกเล่นการเมืองตามข่าวลือ แต่จากเนื้อหาก็ดูว่ามีแนวโน้มครับ เนื้่อหาก็คือจากที่มีข่าวลือว่าทักษิณจะเลิกเล่นการเมือง ทักษิณก็โพสทวิตเตอร์ทันทีว่าวันเกิดครบรอบ 70 ปีของผม หลายท่านแจ้งว่าอยากจะเข้ามาร่วมงาน ผมต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้จัดงานในปีนี้ ผมคงทานข้าวกับลูกหลานในบ้าน ซึ่งสถานที่จำกัด และอากาศที่ดูไบร้อนเกือบ 50 องศา ไม่สามารถจัดนอกอาคารได้ ขอบคุณทุกท่านสำหรับความปรารถนาดีและยังนึกถึงกันเสมอครับ ทวิตเตอร์สั้นๆเท่านี้หลังจากที่ไม่ได้โพสมานาน
ทำไมถึงได้มีการพูดกันว่าทวิตเตอร์ดังกล่าวไปสอดคล้องกับข่าวลือที่ทักษิณจะวางมือ แน่นอนครับ เวลาทักษิณต้องการแสดงศักยภาพนะครับเชื่อมโยงก็จะเอากิจกรรมอย่างหนึ่งอย่างใดมาทำให้เกิดการแสดงออกถึงการมีพลัง นั่นก็คือคนจากเมืองไทยจะแห่แหนไปร่วมงานซึ่ง ณ ห้วงเวลานั้นทักษิณก็จะจัดงานที่ประเทศสิงค์โปรหรือฮ่องกงนะครับ ดังเป็นที่รู้กัน แต่การที่บอกปีนี้ที่ดูไบ ที่บ้านพักนั่นก็เป็นการปฏิเสธ ถ้าทักษิณจะหยุดการเมืองจริงๆ ผมยืนยันว่านี่คือบุญของทักษิณนะครับ เวลาแห่งวิบากกรรมที่บีบคั้น บีบบังคับจิตใจให้ทักษิณทุกข์ทรมานอยู่ ถึงเวลาที่จะผ่อนคลาย ไม่ใช่บุญของประเทศครับ ประเทศเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมากนะครับ ได้รับผลกระทบจากทักษิณ
สิ่งที่เกิดขึ้นกับทักษิณเองก็คือกรรมที่จะก่อขึ้นและผูกยึดโยงกับชีวิตของตัวเองนะครับ รวมทั้งกระแสนี้จะผูกไปถึงคนใกล้ชิดคือครอบครัวด้วยที่ทำให้เกิดความทุกข์ขึ้น ทักษิณจะหยุดจริงไม่จริงมันก็มีข้อมูลเก่าๆที่เราควรจะต้องมาพิจารณาดูครับท่านผู้ชมครับ หลายครั้งหลายหนนะครับที่ทักษิณพูดหรือแสดงนัยยะบางประการว่าจะวางมือจากการเมือง ซึ่งทุกครั้งที่ผ่านมานี่นะครับไม่เคยได้วางมือจริงนะครับ ทักษิณจะมีเหตุผลบางประการนะครับในการประกาศจะวางมือการเมือง เหตุผลบางประการนั้นก็คือเหตุผลที่จะเกิดประโยชน์กับตัวเองในการที่จะได้กลับมายังประเทศไทยนะครับ
หลังจากมีการรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549 หลังจากที่ทักษิณรู้ว่าไม่สามารถที่จะรื้อฟื้นอำนาจของตัวเองออกมาได้แล้ว พ่ายแพ้ต่อกองทัพที่เข้ารัฐประหารในครั้งนั้นในวันที่ 23 ตุลาคม 2549 นะครับ ทักษิณก็ลาออกจากหัวหน้าพรรคไทยรักไทยนะครับ นพดล ปัทมะ คนสนิทบอกว่าทักษิณอยากจะวางมือทางการเมือง นั่นเป็นครั้งแรกนะครับหลังจากที่ทักษิณครองอำนาจมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 ถึง 2549 และรู้ว่าตัวเองไม่มีหนทางอื่นใดแล้ว
แต่เมื่อถึงวันที่ 1 มกราคม 2551 นะครับ ครั้งนี้ทักษิณบอกว่าจะวางมือทางการเมือง 100% จะคอยให้คำปรึกษาในฐานะผู้ที่มีประสบการณ์เท่านั้น ทิศทางของประเทศที่ทักษิณออกมาพูดอย่างนี้ในตอนนั้นก็เพราะบรรยากาศของประชาธิปไตยนำพาไปในทางที่เป็นบวกกับทักษิณ และหลังจากการเลือกตั้งนะครับ สมัคร สุนทรเวชขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคพลังประชาชนของทักษิณได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นนะครับ
28 กุมภาพันธ์ 2551 ทักษิณก็เดินทางกลับมายังประเทศไทย ที่บอกจะวางมือทางการเมืองในวันที่ 1 มกราคม 2551 ซึ่งเป็นวันปีใหม่ แท้จริงก็คือการกรุยทางเพื่อที่จะกลับมาเมืองไทยท้ายที่สุดนะครับทักษิณก็ได้กลับมาประเทศไทยจริงๆ ภาพที่ปรากฎก้มกราบแผ่นดินนะครับ พร้อมทั้งคำประกาศว่าการกลับมาวันนี้ผมไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ผมขอเป็นประชาชนคนไทย ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย ผมไปมาแล้วทั่วโลก ไม่มีแผ่นดินไหนอบอุ่นเท่ากับเมืองไทย หลังจากทักษิณเข้ามาในเมืองไทยแล้วก็พยายามที่จะล็อบบี้ คลี่คลาย พูดคุยกับผู้มีอำนาจนะครับที่จะทำให้ทักษิณมีความผิดทางกฎหมาย แต่ท้ายที่สุดนะครับศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองก็ยังตัดสินคดีของทักษิณ ทำให้ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ทักษิณก็หนีออกนอกประเทศอีกครั้งหนึ่ง ภายใต้ข้ออ้างที่บอกว่าจะไปดูโอลิมปิกที่ประเทศจีนครับ การหนีในครั้งนั้นทักษิณรู้แล้วว่าครั้งนี้จะต้องหนียาวแล้ว เพราะตนเองมีคดีเป็นชนักติดหลังนะครับ การจะได้กลับมาเมืองไทยอีกครั้งก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขนานใหญ่ และสามารถทำให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับตัวเองได้เท่านั้นนะครับ
ปรากฎว่านะครับในวันที่ 22 กันยายน พ.ศ.2552 นี่นะครับ ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุคนเสื้อแดงชุมนุมแล้วในเดือนเมษายนและไม่มีคนตาย การชุมนุมของคนเสื้อแดงสลายกลับบ้านไปได้โดยปกติ วันนั้นทักษิณก็บอกว่าหากผมไม่ถูกปฏิวัติและหากอยู่จนครบเทอม ปลายปี 52 นี่ ซึ่งผมก็ตั้งใจจะวางมือทางการเมืองอยู่แล้ว นั่นก็เป็นการเปิดเผยท่าทีออกมาอีกครั้งหนึ่ง
จนกระทั่งในวันที่ 12 พ.ย. 2552 นะครับ เกิดการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งมีมาอย่างต่อเนื่อง ถูกจุดพลุขึ้นอีกครั้งนึง ในวันนั้นนะครับวันที่ 12 พ.ย. 2552 ทักษิณบอกว่าผมต้องการความยุติธรรม ผมไม่สนว่าจะต้องกลับไปสู่การเมืองหรือไม่ แต่หากคนส่วนใหญ่ต้องการให้ผมกลับไป อย่างนั้นผมก็ต้องกลับครับ ปรากฎว่าต้นปี 53 การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงก็เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง สอดรับกับคำพูดทักษิณกึ่งขู่ ในครั้งนั้นนะครับกลุ่มคนเสื้อแดงประกาศชัดเจนว่าจะมีกองกำลังติดอาวุธ เป็นกองกำลังไม่ทราบฝ่ายจะมาช่วยฝ่ายประชาชนหากทหารล้อมปราบ มันไม่ใช่คำพูดลอยๆ มันต้องมีกลุ่มกองกำลังที่มีการฝึกฝนอยู่จริงจัง ถ้าไม่อย่างนั้นมาพูดไม่ได้ และหลังจากมีการชุมนุมในปี 53 กองกำลังชายชุดดำก็ปรากฎขึ้นแล้วก็ยิงใส่ทหาร ทำให้สถานการณ์บ้านเมืองเป็นไปด้วยความเลวร้ายนะครับ ทักษิณแสดงออกอย่างแข็งกร้าวมาโดยตลอดในช่วงสถานการณ์นั้นไม่มีทีท่าว่าจะประกาศวางมือ เพราะคิดว่าตัวเองจะได้ชัยชนะ ยิ่งรัฐบาลอภิสิทธิ์เปิดการเจรจาถ่ายทอดสดนะครับ แรงกดดันก็ยิ่งมากขึ้น
แต่ท้ายที่สุดนะครับการชุมนุมก็ยุติต้องสลายลงในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 หายเงียบไปในการที่จะพูดถึงการวางมือทางการเมือง จนยิ่งลักษณ์ ชินวัตรขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ท่าทีของยิ่งลักษณ์นะครับในการโอนอ่อนเข้าหาท่านพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีในขณะนั้น ซึ่งได้มีการเชิญมาร่วมงานจากฝ่ายรัฐบาลและพลเอกเปรมให้การตอบรับอย่างดี ในเดือนเมษายน วันที่ 15 เมษา 2555 ทักษิณก็พูดอีกครั้งว่าไม่คิดเข้าสู่การเมือง น้องผมเป็นนายกแล้ว มันหมดเจเนอเรชั่นผมแล้ว นั่นเป็นการประกาศ แต่จริงๆก็ไม่ได้จบลงตามที่ทักษิณพูด เพราะหลังจากนั้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ถูกชุมนุมประท้วงโดย กปปส.และเกิดการรัฐประหาร ยึดอำนาจโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วงที่ กปปส.ชุมนุม ผู้คนออกมาเป็นล้านๆ กดดันรัฐบาลยิ่งลักษณ์มากขึ้นทุกขณะ กองทัพก็พยายามที่จะเป็นคนกลางในการดำเนินการเจรจา
วันที่ 20 เมษายน 2557 นะครับ หลังจากที่การชุมนุมได้เดินมาถึงจุดที่เรียกว่าถึงที่สุดแล้วนี่นะครับ ทักษิณก็ออกมาพูดว่าถ้าทุกฝ่ายคืนความยุติธรรมให้ประเทศแล้ว ขอให้จบ จะให้คนในตระกูลชินวัตรเลิกเล่นการเมืองก็พร้อม เพราะถ้าปล่อยไปอย่างนี้เรื่อยๆก็จะเกิดความรุนแรง แต่ท้ายที่สุดนะครับ พลเอกประยุทธ์ก็นำกองทัพเข้ายึดอำนาจ หลังจากนั้นทักษิณก็ยังเดินหน้าสู้ต่อ ซึ่งล่าสุดนะครับก็คือการประกาศสู้ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา หลังจากที่พรรคไทยรักษาชาติเสนอชื่อของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัลยา เป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคนะครับ
และมีพระราชโองการจนนำไปสู่การยุบพรรคไทยรักษาชาตินะครับ แต่หลังจากนั้นทักษิณก็เงียบมาตลอด จนออกมาโพสล่าสุดที่ไม่รับจัดงานวันเกิด ต้องจับตาดูล่ะครับว่าเที่ยวนี้ทักษิณจะเลิกจริงหรือไม่ ผมค่อนข้างจะเชื่อว่าจะเลิกนะครับ ความเชื่อที่ผมเรียนมันทำให้คนในพรรคไทยรักไทยอกสั่นขวัญแขวน แน่นอนล่ะครับ แม้ตอนนี้จะมีความพยายามปรับตัวอย่างหนึ่งอย่างใดก็ตามแต่ ผมคิดว่าทักษิณเลิกนี่นะครับ วิบากในจิตใจหมดลง และก็สำนึกคิดได้ว่าแก่แล้วจริง อายุ 70 แล้ว ควรจะวางมือ หรือเกิดความกลัวขึ้นในจิตใจอย่างหนึ่งอย่างใดนะครับ จะกลัวบาปนะครับหรือกลัวอะไรก็ตามแต่ แต่แนวโน้มมันนำพาไปสู่จุดนั้น
และดังที่ได้เรียนสรุปไว้นะครับ ถ้าเลิกแล้วเป็นบุญกับตัวทักษิณเองที่ไม่ก่อเวรก่อกรรมให้กับประเทศ ไม่ใช่เป็นบุญของประเทศ และเราจะได้เห็นประเทศไทยนะครับเคลื่อนไปอีกรูปแบบหนึ่ง ยังมีคนมาแทนทักษิณแล้ววันนี้นะครับ และนี่จะเป็นเหตุผลอีกเหตุผลหนึ่งหรือไม่ที่ทักษิณคิดว่ามีตัวแทนที่จะมาก่อกวนประเทศไทยแล้ว จึงวางมือไม่จำเป็นจะต้องเหนื่อยต่อ ก็แล้วแต่จะคิดและพิจารณากันไป แต่พรรคเพื่อไทยหนาวแน่