หนุ่มนศ.ราชมงคลฯ อยุธยา โร่ขอโทษโพสต์หมิ่น อ.ชูชาติ แต่คิดหรือจะจบง่าย ๆ

สืบเนื่องจากในระยะที่ผ่านมามีการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง ในลักษณะแฟลชม็อบ   โดยอ้างถึงกระบวนการประชาธิปไตย  แต่โดยพฤติกรรมของผู้แสดงความเห็นจำนวนหนึ่ง กลับสะท้อนให้เห็นว่า รูปแบบของการนำเสนอความคิดไม่ใช่แค่การวิพากษ์ความเห็นในลักษณะปกติ  แต่ค่อนข้างเป็นไปในวิธีการปลุกระดมมวลชน ให้ออกมาขับไล่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา  และการปกป้องพรรคอนาคตใหม่ โดยไม่สนใจหลักความถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรม  

ประการสำคัญมีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย และบางป้ายปลุกระดม เชื่อมโยงกับสถานการณ์การเมืองในอดีต  ที่ทำให้ผู้คนประเทศเกิดความขัดแย้งรุนแรง  กระทั่ง อ.ชูชาติ ศรีแสง   ต้องออกมาแสดงความเห็นเพื่อเตือนสติ   "เห็นป้ายที่นำมาถือในการชุมนุมกันใช้ภาษาที่หยาบคายมากจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการชุมนุมของนักศึกษามหาวิทยาลัย สมัยเรียนชั้นประถมศึกษาเคยอ่านนิทานชาดกเรื่องโคนันทวิศาล ที่เจ้าของไปท้าพนันกับบุคคลอื่นว่าโคนันทวิศาลลากเกวียน 100 เล่มได้....

 

(คลิกอ่านข่าวประกอบ :  อ.ชูชาติ เตือนดีๆแฟลชม็อบ ด่าหยายคายเกินไป นศ.ราชมงคลฯโชว์เก๋าเม้นต์สวนหมิ่นฯ งานนี้บอกเลย ซ่าส์ผิดคน)   

ล่าสุด อ.ชูชาติ  ได้โพสต์เพิ่มเติม จากสิ่งที่กล่าวไว้ก่อนหน้าว่า  " นายรัฐตินพันธ์   คนหลัก   ได้โพสต์ข้อความยอมรับผิด โดยลบโพสต์ที่มีข้อความหมิ่นประมาทผม  และผู้ที่คอมเม้นท์แล้ว ทั้งขอโอกาสมาขอขมาผมด้วยตนเอง

 

..... ในชั้นนี้นายรัฐตินพันธ์ซึ่งอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาไม่ต้องเสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายไปหาผม แต่ขอให้นำดอกไม้ ธูป เทียน ไปกราบไหว้พระพุทธไตรรัตนนายกหรือหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิงวรวิหาร หรือพระมงคลบพิตร องค์หนึ่งองค์ใดก็ได้และกล่าวคำสาบานว่า

 

"ต่อจากนี้ไปจะไม่ด่าว่ากล่าวผู้ที่มีความคิดเห็นต่าง  หรือมีความคิดเห็น  ไม่เหมือนตนเอง   ไม่ว่าเป็นความคิดเห็นทางการเมือง  หรือเรื่องอื่นใดโดยเด็ดขาด  จะมีความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดาและผู้มีพระคุณทุกคน จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิด จะประพฤติตนเป็นพลเมืองดีของสังคม และจะยึดมั่นอยู่ในความเป็นชาติไทย ศาสนา การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตลอดไปจนชั่วชีวิต หากผิดคำสาบานขอให้ประสบอันตรายร้ายแรงภายใน 3  วัน  7 วัน"

ขอให้ไปกราบไหว้และกล่าวคำสาบานภายใน 7  วัน นับแต่วันนี้ เสร็จแล้วให้แจ้งให้ผมทราบพร้อมพยานหลักฐานโดยอัดเป็นคลิปเพื่อจะได้พูดคุยกันอีกครั้ง