พรรคก้าวไกล เสียหลักอย่างแรง  โดนถล่มหนัก  วิพากษ์เหน็บพ.ร.ก.ฉุกเฉินหยุดโควิด  อ.ชูชาติ  หยอกเจ็บพวกรักเสรีภาพ

พรรคก้าวไกล อาการหนัก โดนโซเชียลถล่ม วิพากษ์เหน็บการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เอาการเมืองนำหน้า

สืบเนื่องจากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม  กล่างถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี  และนำมาซึ่งมติในการประกาศใช้  พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548   เพื่อยกระดับมาตรการเพิ่มเติม   สำหรับการรับมือไวรัสโควิด-19  บังคับใช้ทั่วราชอาณาจักร   โดยมีตนเองทำหน้าทีประธานศูนย์อำนวยการฯ ในการออกข้อบังคับ และการกำหนดกรอบอำนาจการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้เป็นไปอย่างทันสถานการณ์มากขึ้น

 

พรรคก้าวไกล เสียหลักอย่างแรง  โดนถล่มหนัก  วิพากษ์เหน็บพ.ร.ก.ฉุกเฉินหยุดโควิด  อ.ชูชาติ  หยอกเจ็บพวกรักเสรีภาพ

 

(คลิกอ่านข่าวประกอบ : รองวิษณุฯ แถลงประกาศ 16 ข้อกำหนด ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน สั่งปิดทุกช่องทางเข้าไทย บังคับทุกจว.ปิดทุกพื้นที่เสี่ยงโควิด

 

 

ต่อมาทางพรรคก้าวไกล นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้ออกแถลงการณ์ มีเนื้่อหาบางส่วนในชิงเหน็บแนม การตัดสินใจประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ระบุ  พรรคก้าวไกลมีความเห็นว่า   การใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ เป็นเครื่องมือหนึ่งของรัฐบาล  เพื่อรักษาความปลอดภัยของประชาชน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19    เแต่วิกฤตที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะว่าก่อนหน้านี้กฎหมายปกติอ่อนแอ หรือคณะรัฐมนตรีมีอำนาจน้อยเกินไป แต่หัวใจของปัญหาที่นำมาสู่วิกฤตเกิดจากการที่รัฐบาลขาดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ การวางแผนอย่างไม่รอบคอบ 

 

พรรคก้าวไกล เสียหลักอย่างแรง  โดนถล่มหนัก  วิพากษ์เหน็บพ.ร.ก.ฉุกเฉินหยุดโควิด  อ.ชูชาติ  หยอกเจ็บพวกรักเสรีภาพ

 


พร้อมย้ำด้วยว่ารัฐบาลต้องไม่ใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ เพื่อลิดรอนเสรีภาพของสื่อมวลชน เสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน และละเมิดสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน   รวมถึงการที่รัฐบาลและพนักงานเจ้าหน้าที่   ยังมีอำนาจไปถึงการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างกว้างขวาง   เช่น   อำนาจจับกุม   ควบคุมตัว    ตรวจค้น     ตรวจสอบการสื่อสาร    และกำหนดโทษร้ายแรง    โดยข้อกำหนด   ประกาศ   คำสั่ง   หรือ  การกระทำตาม พ.ร.ก. นี้ไม่สามารถตรวจสอบได้โดยศาลปกครอง และพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.ก. นี้ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางวินัย   

 


ดังนั้น รัฐบาลต้องไม่ฉวยโอกาสใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ตามอำเภอใจ  แต่ต้องใช้อำนาจอย่างได้สัดส่วนต่อการแก้ปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 เท่านั้น  และต้องให้อำนาจแก่พนักงานเจ้าหน้าที่เฉพาะเท่าที่จำเป็น เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจโดยสุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ และสมควรแก่เหตุหรือไม่

ล่าสุด   อ.ชูชาติ   ศรีแสง   อดีตหัวหน้าคณะผู้พิพากษาศาลฎีกา    ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กระบุว่า   "พรรคก้าวไกลออกแถลงการณ์คัดค้านการที่รัฐบาล   ประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548  มาใช้บังคับเพื่อแก้ไขการแพร่ระบาดของโควิด -19


ขอชื่นชมพรรคก้าวไกลที่เห็นว่าเสรีภาพในการแพร่เชื้อของโควิด  -19  มีความสำคัญยิ่งกว่าการที่คนไทยจะต้องเจ็บป่วยหรืออาจถึงแก่ความตายเพราะโควิด -19   การประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548  มาใช้บังคับเพื่อแก้ไขการแพร่ระบาดของโควิด -19 เพื่อจำกัดเสรีภาพของโควิด 19 ของรัฐบาลจึงไม่อาจกระทำได้  คนไทยก็ควรส่งเสริมเสรีภาพของโควิด 19 ด้วยการไม่ใช้หน้ากากอนามัยเหมือน ส.ส.พรรคก้าวไกลเพื่อให้โควิด 19 แพร่เชื้อได้อย่างเสรีดังเช่นการแพร่เชื้อในบางประเทศในทวีปยุโรป


ทั้งนี้ช่วงท้ายของโพสต์ดังกล่าว  ระบุว่า   พรรคก้าวไกลควรต้องออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วย  กับการประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินของประเทศต่างๆ นับสิบประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกาที่ประกาศใช้ก่อนประเทศไทยด้วย

 

ขณะเดียวกันเมื่อตรวจสอบกับเพจเฟสบุ๊คพรรคก้าวไกล  พบว่ายังคงมีผู้เข้าไปแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์  การทำหน้าที่ของพรรคก้าวไกลในเชิงลบอย่างรุนแรง    โดยเฉพาะการตำหนิวิธีคิดแบบนักการเมือง ที่ไม่รู้กาลเทศะ และมองทุกอย่างในรูปของการเอาชนะทางการเมืองเท่านั้น

 

พรรคก้าวไกล เสียหลักอย่างแรง  โดนถล่มหนัก  วิพากษ์เหน็บพ.ร.ก.ฉุกเฉินหยุดโควิด  อ.ชูชาติ  หยอกเจ็บพวกรักเสรีภาพ

 

 

พรรคก้าวไกล เสียหลักอย่างแรง  โดนถล่มหนัก  วิพากษ์เหน็บพ.ร.ก.ฉุกเฉินหยุดโควิด  อ.ชูชาติ  หยอกเจ็บพวกรักเสรีภาพ