- 07 เม.ย. 2563
จากสถานการณ์โรคปอดอักเสบชนิดรุนแรงที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ ไวรัสโควิด -19 ที่ชาวไทยกำลังต่อสู้อย่างสุดกำลัง ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 7 เมษายน 2563 เวลา 08.40 น. เปิดเผยว่า มีผู้ป่วยสะสมทั่วโลกอยู่ที่ 1,346,566 ราย มีผู้เสียชีวิต 74,697 คน ในจำนวนนี้มีผู้รักษาหายแล้ว 278,695 ราย
จากสถานการณ์โรคปอดอักเสบชนิดรุนแรงที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ ไวรัสโควิด -19 ที่ชาวไทยกำลังต่อสู้อย่างสุดกำลัง ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 7 เมษายน 2563 เวลา 08.40 น. เปิดเผยว่า มีผู้ป่วยสะสมทั่วโลกอยู่ที่ 1,346,566 ราย มีผู้เสียชีวิต 74,697 คน ในจำนวนนี้มีผู้รักษาหายแล้ว 278,695 ราย
ด้านศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข และ โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้อัพเดตผู้ป่วยประจำวันที่ 7 เมษายน 2563 เวลา 11.30 น. ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงต่อเนื่องแล้วโดยวันนี้เพิ่มขึ้นเพียง 38 ราย สะสม 2,258 ราย ใน 66 จังหวัด รักษาหายป่วยกลับบ้านเพิ่ม 31 ราย รวมเป็น 824 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมเป็น 27 ราย
กระทั่งคณะรัฐมนตรีรับทราบการปรับการเปิดภาคเรียนที่หนึ่ง ปีการศึกษา 2563 โดยให้สถานศึกษาเลื่อนการเปิดภาคเรียนที่หนึ่ง ปีการศึกษา 2563 จาก 16 พ.ค.63 เป็น 1 ก.ค. 63 ตามที่ ศธ. เสนอ
อ่านข่าว - ครม.ไฟเขียวเลื่อนเปิดเทอม 63 แล้ว เลี่ยงเสี่ยงเชื้อโควิดแพร่ระบาด
ล่าสุด หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ ปลื้ม พิธีกร และผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก M.L. Nattakorn Devakula ระบุว่า " 1,408 รายรักษาตัว ติดเชื้อเพิ่ม 38 เสียชีวิตเพิ่ม 1 เสนอเลื่อนเปิดเทอมไปหาอะไร?! การเรียนสำคัญ คิดหน่อยสิครับ เอะอะก็เลื่อนก็ปิด"
หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ด้วยว่า "ให้เด็กกลับไปเรียน พอกันทีกับการปิดโรงเรียนอย่างไร้เหตุผล รัฐพรากการศึกษาไปจากลูกลูกหลานหลานของเรามานานพอเเล้ว ทั้งมหาวิทยาลัย โรงเรียนกวดวิชาเเละโรงเรียนอินเตอร์ รวมทั้งการเตรียมการเรียนการสอนในโรงเรียนของรัฐเเละเอกชนไทยปกติที่ต้องมีอยู่ในเวลานี้"
"ไม่มีเหตุผลรองรับสำหรับการให้ปิดสถานการศึกษาอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่การระบาดในประเทศไทยนั้นคุมอยู่ได้เเล้ว อัตราการติดเชื้อใหม่เเละเสียชีวิตถือว่าต่ำมาก เเละต่ำกว่าโรคอื่นเยอะหลายโรค รัฐบาลกรุณาถอยบ้าง"
"ไม่ใช่เเค่เศรษฐกิจที่ทำพังลงไปกับมือเเต่การดีเลย์การศึกษาออกไปคนที่ต้องจ่ายคือเด็กเเละเยาวชน รัฐต้องหยุดนโยบายที่มักง่ายเเละสิ้นคิด เอาโรงเรียนของลูกเราคืนมาเเล้วเอาเศรษฐกิจของเรากลับมาอีกด้วย มันคุมไวรัสได้ถึงเเม้ว่าเปิดทุกอย่าง ฝึก Physical Distancing ให้กับทุกคน"
"เด็กไม่ได้เรียนหนังสือเเต่พวกคุณได้มาทำงานเหรอครับ? ขอร้อง..ทุเรศ"
ด้าน นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ได้เห็นข่าวทวีตข้อความดังกล่าว ถึงกับต้องโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุข้อความว่า "รำคาญเหลือเกินแล้ว ก็ตัวเลขมันยังไม่นิ่ง โอกาสที่ตัวเลขจะดีดกลับมาสูงอีกเกิดได้ทุกขณะถ้าเราเผลอ ดูญี่ปุ่นเป็นตัวอย่าง ตอนแรกลดลงนึกว่าคุมได้ ที่ไหนได้ตอนนี้ดีดกลับพุ่งขึ้นมาอีก!"