- 18 เม.ย. 2563
กองทัพเรือ ประกาศหนุนนโยบายรัฐ เสนอขอปรับลดงบประมาณปี 63 กว่า 4 พันล้าน ชะลอแผนจัดซื้อเรือดำน้ำ นำเติมงบกลางประทศใช้ช่วยเหลือประชาชน เผชิญผลกระทบภัยไวรัสโควิดแพร่ระบาด
กองทัพเรือ ประกาศหนุนนโยบายรัฐ เสนอขอปรับลดงบประมาณปี 63 กว่า 4 พันล้าน ชะลอแผนจัดซื้อเรือดำน้ำ นำเติมงบกลางประทศใช้ช่วยเหลือประชาชน เผชิญผลกระทบภัยไวรัสโควิดแพร่ระบาด
ภายหลังจากเกิดประเด็นการนำเสนอข้อมูล เรื่องการขออนุมัติให้กองทัพเรือดำเนินการ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโครงการจัดหาเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่สนับสนุนการปฏิบัติการเรือดำน้ำระยะที่ 1 จำนวน 1 ลำ ในการประชุมครม.เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2563 และสื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง นำไปเผยแพร่ให้เกิดความเข้าใจผิด ว่า กองทัพเรือทำเรื่องขออนุมัติใช้งบประมาณ 6.1พันล้าน ในช่วงที่ประเทศกำลังเผชิญวิกฤตการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด -19 จนโฆษกกองทัพเรือ และผู้เกี่ยวข้องต้องออกมาชี้แจง ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : โฆษก ทร.แจงประเด็นร้อน สื่อประโคมข่าว กลาโหมชงครม.ของบฯกว่า 6 พันล้าน ซื้อเรือยกพลขึ้นบก )
ล่าสุด พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือและโฆษกกองทัพเรือ ได้ชี้แจงกรณีรัฐบาลให้ส่วนราชการปรับลดงบประมาณ เพื่อนำไปจัดทำร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ...ไปเป็นงบกลางเพื่อช่วยเหลือ สนับสนุนในการแก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด – 19 รวมทั้ง กรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือจําเป็นอื่นของรัฐบาลว่า ความพยายามในการบริหารจัดการงบประมาณของกองทัพเรือตามที่รัฐบาลสั่งการ
โดยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ร.อ. ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้หน่วยขึ้นตรง ทร.และคณะทำงานทุกฝ่ายในกองทัพเรือเร่งหาข้อยุติในการร่วมสนับสนุน นโยบายของทางรัฐบาล โดยยึดหลักการตามความจำเป็นของประเทศชาติ ต่อการแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด -19 เป็นประการแรก
ภายหลังการหารือร่วมของทุกฝ่ายโดยมี พล.ร.อ. สิทธิพร มาศเกษม เสนาธิการทหารเรือ เป็นประธาน จึงได้ข้อสรุปที่นำเรียนขอความเห็นชอบจากผู้บัญชาการทหารเรือแล้ว ตกลงใจว่ากองทัพเรือจะขอเสนอปรับลดงบประมาณลงกว่า 33% คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 4,100 กว่า ล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินที่มากกว่าที่รัฐบาลตั้งไว้
โดยจะชะลอการดำเนินการโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และ 3 ที่แม้จะเป็นการใช้งบประมาณในส่วนของกองทัพเรือเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงบของกระทรวง ทบวงกรมอื่นแต่ประการใด แต่ก็มักจะตกเป็นเหยื่อ หรือเป็นเป้าต่อการปลุกกระแสต่อต้านไปทุกครั้งจากความพยายามในอดีตในเชิงจิตวิทยาที่ได้ผล เพื่ออาจเป็นการไม่ต้องการให้ประเทศไทยมีกำลังทางเรือที่เท่าเทียม หรือทันยุคสมัย พอที่จะแสดงกำลังในเขตแดนทางทะเลที่ทับซ้อนกับประเทศอื่น
ในการนี้จึงส่งผลให้โครงการดังกล่าว จำเป็นต้องชะลอออกไปในปีงบประมาณ 64 รวมถึงการชะลอโครงการก่อสร้างท่าจอดเรือดำน้ำฯ และ โครงการซ่อมบำรุงเรือดำน้ำฯ ที่ต้องปรับลดวงเงินปีแรกลง ทำให้การเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับเรือดำน้ำลำแรกต้องล่าช้าออกไปด้วย
นอกจากนี้ ยังรวมยังไปถึงการชะลอโครงการจัดหายุทโธปกรณ์ที่สำคัญ อาทิ โครงการซ่อมปรับปรุง เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ , โครงการพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูล Network Centric , โครงการจัดหาเครื่องฝึกจำลองยุทธ์,โครงการจัดหาระบบอาวุธปืนรองฯ ตลอดจนโครงการก่อสร้างอาคารพัก 64 ครอบครัวฯ ซึ่งแม้จะมีความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกำลังพล แต่โดยทุกโครงการก็จะต้องชะลอการดำเนินการไปตามความจำเป็น หรือจะต้องปรับลดวงเงินปีแรกลงไปก่อน
สำหรับการที่กองทัพเรือได้เสนอขอปรับลดงบฯลงกว่า 33 % ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงินกว่า 4,100 ล้านบาทเพื่อสนับสนุนนโยบายของทางรัฐบาล ในการนำเงินไปช่วยเหลือประชาชนในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของ ไวรัส โควิด -19 ในครั้งนี้ เป็นไปโดยความมุ่งมั่นของ พล.ร.อ. ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ต้องการแสดงออกถึงความตั้งใจจริงที่จะนำพากองทัพเรือไปสู่ความเป็นหน่วยงานที่ประชาชนเชื่อมั่น เป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการคิด และทำให้ประสบความสำเร็จในงานตามภารกิจ และที่สั่งการในทุกเรื่องอย่างแท้จริง