- 09 พ.ค. 2563
ต้องถือว่าเป็นนักวิชาการด้านกฎหมายที่เปลี่ยนสภาพตัวเองมาเป็นนักการเมือง แต่แนวคิดเดิม ๆ ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในเชิงลึก ๆ ยังไม่เคยเปลี่ยนแปลง มิหนำซ้ำถูกมองว่าเป็นตัวเชื่อมความคิด ระหว่างรุ่นสู่รุ่นให้มีมุมมองต่อระบอบการปกครองไทย ที่ยึดโยงต่อพระราชอำนาจสถาบันเบื้องสูงให้มีความต่างไปจากอดีต จนหลายคนเริ่มรู้สึกว่านี่คือความธรรมดาที่ไม่ธรรมดา จากความคิดของคนที่ชื่อ ปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า และ อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่
ต้องถือว่าเป็นนักวิชาการด้านกฎหมายที่เปลี่ยนสภาพตัวเองมาเป็นนักการเมือง แต่แนวคิดเดิม ๆ ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในเชิงลึก ๆ ยังไม่เคยเปลี่ยนแปลง มิหนำซ้ำถูกมองว่าเป็นตัวเชื่อมความคิด ระหว่างรุ่นสู่รุ่นให้มีมุมมองต่อระบอบการปกครองไทย ที่ยึดโยงต่อพระราชอำนาจสถาบันเบื้องสูงให้มีความต่างไปจากอดีต จนหลายคนเริ่มรู้สึกว่านี่คือความธรรมดาที่ไม่ธรรมดา จากความคิดของคนที่ชื่อ ปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า และ อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : อดีตส.ส.เพื่อไทยจัดหนักปิยบุตร เจตนาชัดก้าวล่วง วิจารณ์องคมนตรีใหม่ได้รับโปรดเกล้าฯ )
กระทั่งมาล่าสุด ( 8 พ.ค.63) นายปิยบุตร แสงกนกกุล โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก พร้อมคลิป รายการ Interregnum เรื่อง “ชาติตกอยู่ในอันตราย!” ระงับตำแหน่งกษัตริย์ฝรั่งเศสชั่วคราวในปี 1792 | INTERREGNUM EP.7 มีเนื้อหาดังนี้ สื่อสารในเรื่อง สภาวะยกเว้น: “ชาติตกอยู่ในอันตราย!” ระงับตำแหน่งกษัตริย์ฝรั่งเศสชั่วคราว ในปี 1792 พร้อมใจความบางส่วนของเนื้อหาว่า
"ภายหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 1791 แล้ว การเมืองฝรั่งเศสเกิดการต่อสู้กันระหว่างสภาแห่งชาติกับสถาบันกษัตริย์ แม้พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงลงพระปรมาภิไธยในคำประกาศสิทธิมนุษยชนและพลเมืองในรัฐธรรมนูญ 1791 ยอมเป็นกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ แต่พระองค์ไม่ทรงเต็มใจเลย หลายกรณีเกิดจากแรงกดดันทางการเมือง เกิดจากการถอยเพื่อรอเวลา
มีพฤติกรรมของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 หลายกรณีที่เร่งสถานการณ์ให้สุกงอม เช่น การยับยั้งกฎหมายสำคัญหลายฉบับที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาแห่งชาติ การปราบประชาชน และการหลบหนีออกนอกประเทศแต่ถูกจับกุมได้ที่เมือง Varenne ทั้งหมดนี้ นำพามาสู่สถานการณ์ที่ประชาชนไม่พอใจกษัตริย์มากขึ้น และกดดันให้สภาแห่งชาติต้องพิจารณาเรื่องสถาบันกษัตริย์อีกครั้ง
แม้รัฐธรรมนูญ 1791 จะไม่ได้กำหนดไว้ แต่สภาแห่งชาติก็ได้ประกาศให้ “ชาติตกอยู่ในอันตราย” เพื่อดึงอำนาจเข้าสู่สภาแห่งชาติ เพื่อยกเว้นรัฐธรรมนูญ และเพื่อระงับตำแหน่งกษัตริย์ไว้เป็นการชั่วคราว
ตามรัฐธรรมนูญ 1791 หมวด 3 บทที่ 2 ส่วนที่ 1 มาตรา 7 กำหนดไว้ว่า ในกรณีที่กษัตริย์ออกนอกดินแดน และสภาแห่งชาติมีมติเรียกให้กลับ และไม่ยอมกลับตามเวลาที่กำหนดหรือภายใน 2 เดือน ให้กษัตริย์พ้นจากตำแหน่งกลายเป็นพลเมือง ซึ่งข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ยังไม่ได้ออกจากประเทศ ไม่เข้าเหตุตามมาตรา 7 นี้ แต่สภาแห่งชาติก็ยังคงยืนยันระงับตำแหน่งกษัตริย์เป็นการชั่วคราว
ในท้ายที่สุด ฝรั่งเศสก็ยกเลิกสถาบันกษัตริย์ ประกาศเป็นสาธารณรัฐ และดำเนินคดีกับนายหลุยส์ คาเปต์ ในข้อหาทรยศชาติ"
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ที่เรียกร้องให้นายปิยบุตรกล้าแสดงเจตนาที่แท้จริง ในทุกความพยายามสื่อสารเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ วิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แสดงเนื้อหาดังนี้ "ทั้งมาร์กซิสต์และลิเบอรัล ล้วนหลงว่าตัวเองเป็นพวก “ก้าวหน้า” แต่น่าอัศจรรย์ที่พวกเขายังติดอยู่ใน “คอกแห่งกาลเวลา” ในปี คศ. 1789 อยู่เลย!
ซ้ำยังเกิดภาพหลอน..เห็นว่ากษัตริย์ไทยเป็นอย่างพระเจ้าหลุยส์ที่ 16...ทั้งที่กษัตริย์ไทยแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยเป็นอย่างอย่างนั้น กษัตริย์ไทยนั้นแตกต่างจากกษัตริย์ประเทศอื่น นั่นคือโดนกำกับด้วยจารีตประเพณี ทั้งในส่วนที่เป็นพิธีกรรมและอุดมคติ
จารีตประเพณีในส่วน “พิธีกรรม” นั้น เป็นเสมือนเสื้อผ้าอาภรณ์หรือเครื่องแบบอย่างหนึ่ง เพียงเพื่อให้รู้ว่าเป็นประมุขของประเทศไทย ไม่ใช่ของประเทศใดๆที่จะต้องเอาอย่าง จารีตประเพณีในส่วน “อุดมคติ” ก็คือ “ทศพิธราชธรรม 10” และ “จักรวรรดิวัตร 12” ใครก็ตามเมื่อเป็นกษัตริย์ต้องปฏิบัติตามอุดมคตินี้
ในขณะที่พวกก้าวหน้าประกาศอุดมการณ์ว่า "จะรับใช้มวลชนผู้ยากไร้...จะสร้างความเป็นธรรมให้สังคม" และเอาแต่ประดิดประดอยสำนวนเท่ๆอวดภูมิ พร้อมกับปลุกเร้าคนให้เข้าร่วมเป็นสมุนบริวาร เพื่อสานต่อภารกิจอย่างในปี คศ. 1789 นั้น กษัตริย์กลับบุกป่าฝ่าดงทำงานหนัก เป็นผู้ “รับใช้มวลชน” ตัวจริงมาทั้งชีวิต!
ทุกวันนี้กษัตริย์และราชวงศ์ทำงานหนักไม่แตกต่างจากสามัญชน หรือพูดให้ตรงก็คือ “เป็นสามัญชนที่ทำหน้าที่ประมุขของประเทศ” ใครที่มองไม่เห็นความจริงตรงหน้าว่ากษัตริย์ไทยเป็นอย่างไร ทำอะไร ก็เพราะไม่มีหัวคิดจะริเริ่ม "ระบบเศรษฐกิจการเมือง" ที่ทันโลก คิดเป็นแต่ "ก๊อปปี้" การปฏิวัติฝรั่งเศสเท่านั้น แล้วจะเป็นพวกก้าวหน้าได้อย่างไร?
กษัตริย์ไทยต่างหากที่ก้าวหน้า..ปรับตัวทันสภาพการณ์ของโลกเสมอมา ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ตัดขาดจาก “รากเหง้าของบรรพชน” จึงสามารถนำพาประเทศชาติเป็นอิสระมาจนถึงวันนี้
คนที่ติดอยู่ในคอกแห่งกาลเวลาจะรู้ได้อย่างไรว่า “โลกไปถึงไหนแล้ว” (คำเหยียดหยามผู้อื่นของพวกเขา) และจะดูแลประเทศนี้ได้อย่างไรในเมื่อคิดได้แค่ “ล้มล้างกษัตริย์” เรื่องอื่นมืดบอดหมด
ขณะที่ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ "ดร.นิว" นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา แสดงความเห็นต่อพฤติกรรมของ นายปิยบุตร ผ่านเฟซบุ๊ก ว่า "#หัวเลี้ยวหัวต่อของประเทศไทยต่อจากนี้... แรงจูงใจของนายปิยบุตรค่อนข้างชัดเจนว่าเขาต้องการที่จะหลอกใช้คนที่รู้ไม่เท่าทันด้วยข้อมูลบิดเบือนและความเชื่อตามลัทธิซ้ายตกขอบของเขา ให้มาลงถนนเพื่อก่อความรุนแรงนำไปสู่สงครามกลางเมือง และเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐอย่างโง่ๆโดยปราศจากความรู้ความเข้าใจในเนื้อแท้และหลักการที่สำคัญของวิถีแห่งประชาธิปไตยที่แท้จริง
ดังนั้นคนอย่างปิยบุตรที่เอาแต่หมกมุ่นกับลัทธิซ้ายตกขอบ คลั่งความรุนแรงที่กล้าฉวยโอกาสปลุกระดมในท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดและปัญหาเศรษฐกิจเพื่อหวังเลียนแบบการปฏิวัติฝรั่งเศสที่ป่าเถือนและรุนแรง จึงไม่ต่างอะไรจากขยะสังคมที่คอยถ่วงความเจริญของประเทศชาติและเป็นภัยต่อชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก
เพราะแนวทางประชาธิปไตยจอมปลอมของลัทธิซ้ายตกขอบของเขานั้นไม่ใช่วิถีทางที่ถูกต้องในการสร้างประธิปไตยหรือทำอำนาจอธิปไตยให้เป็นของประชาชนโดยสมบูรณ์เลย หากแต่เป็นการแย่งชิงอำนาจแบบเดิมๆด้วยวิธีการของโลกสมัยใหม่ที่ยังคงมุ่งหวังต่อความรุนแรงอันนำไปสู่สงครามกลางเมือง และความเสียหายอันใหญ่หลวงแก่ประเทศชาติรวมถึงชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์
นี่คือเหตุผลทั้งหมดที่ผมทนไม่ได้ และออกมาต่อสู้กับคนพวกนี้ในเรื่องปัญหาของหลักการ, หลักวิชา และความเป็นจริง โดยปราศจากการเมืองใดๆ ตั้งแต่เริ่มต้นมาถึงวันนี้ ผมก็ยังเป็นประชาชนคนธรรมดาที่ประกาศตัวเป็นพันธมิตรกับทุกคนทุกฝ่ายให้มากที่สุด เพราะผมเชื่อในการสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงอย่างสันติ และความร่วมมือจากทุกองคาพยพของสังคมไทย
เว้นแต่พวกลัทธิซ้ายตกขอบไม่กี่คนที่เล่นการเมืองแบบสกปรกที่เอา แต่คอยบิดเบือนปลุกระดมสร้างกระแสในโลกโซเชียลหลอกใช้ประชาชน เป็นเครื่องมือทางการเมืองก่อความรุนแรงเท่านั้นที่ผมมีปัญหาด้วยมาตลอด
จุดยืนของผมชัดเจน คือ สร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงในท้ายที่สุดด้วยวิธีการที่สันติ สอดคล้องกับความถูกต้องของหลักการและหลักวิชา
ที่ผ่านๆมามีหลายคนเชียร์ให้ผมเข้าสู่สนามการเมือง ซึ่งผมขอใช้โอกาสนี้ตอบท่านทั้งหลายว่า...ถ้าผมจะเป็นนักการเมือง ผมมีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะเป็นนักการเมืองในระบอบการเมืองใหม่ที่ผมมีส่วนช่วยผลักดันให้เกิดขึ้นมาในอนาคต
เพราะโดยส่วนตัวผมไม่ได้มีความเห็นดีเห็นงามใดๆกับสภาพการเมืองในปัจจุบันที่เป็นเผด็จการมาช้านานด้วยน้ำมือของคณะโจรคณาธิปไตยตัวจริง2475อย่างคณะราษฎร ที่ปล้นพระราชอำนาจของในหลวง ร.7 มาสร้างระบอบเผด็จการอันเป็นต้นเหตุทั้งหมดของความล้าหลัง และความแตกแยกช่วงชิงอำนาจทางการเมืองไปมาอย่างไม่จบไม่สิ้นมาจนถึงทุกวันนี้
ดังนั้นสิ่งที่ผมทำมาตลอดจนถึงบัดนี้คือ การต่อสู้กับผู้นำประชาธิปไตยจอมปลอม ที่หวังหลอกลวงมวลชนไปสร้างประชาธิปไตยที่ผิดๆ แต่จริงๆแล้วก็ยังคงเป็นแค่การหลอกใช้เป็นเครื่องมือแย่งชิงอำนาจด้วยความรุนแรง แล้วท้ายที่สุดก็จะจบลงด้วยระบอบเผด็จการรูปแบบใหม่กว่าเดิมที่ลูบหน้าปะจมูกว่าเป็นประชาธิปไตยได้แนบเนียนยิ่งขึ้น
เมื่อใดก็ตามที่เราสามารถสกัดขบวนการลัทธิซ้ายตกขอบนี้ไม่ให้พวกเขานำพาพี่น้องประชาชนไปสร้างประชาธิปไตยจอมปลอมที่ผิด และสามารถปิดฉากประชาธิปไตยจอมปลอมของพวกเขาให้จบสิ้นลงได้ เราจะมีพื้นที่มากพอที่ประชาชนคนธรรมดาอย่างผมและทุกๆคนที่จะสามารถช่วยกันสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงให้เกิดขึ้นได้อย่างสันติร่วมกัน
รุ่งอรุณแห่งประชาธิปไตยที่แท้จริง และอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนที่ตามหากันมานานก็จะเกิดขึ้นได้ในที่สุดอย่างสันติและด้วยมันสมอง...หาใช่ความรุนแรงและความเชื่อในลัทธิซ้ายตกขอบที่โง่เง่าไม่
( ใครหว่าศาสดาคนโง่ผู้อยู่เบื้องหลังความวิบัติแห่งพรรคอนาคตใหม่ - https://bit.ly/2YQwTW9 )