- 16 เม.ย. 2563
สถานการณ์การเมืองช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ รัฐบาลต้องต่อสู้กับการแพร่ระบาดไวรัสโควิด กลุ่มการเมืองก็โผล่ถล่มเราไม่ทิ้งกัน เหมือนนัดหมายล่วงหน้า
จากเหตุความวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในกระทรวงการคลัง เมื่อกลุ่มผู้ขับรถแท๊กซี่ และชาวบ้านจำนวนหนึ่ง เดินทางไปขอความชัดเจนเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับขั้นตอนการลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยา ผ่านเว็บไซด์ เราไม่ทิ้งกัน จากผลกระทบการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด -19 แม้ว่าจะมีการประชาสัมพันธ์ก่อนหน้าว่า การอุทธรณ์ต่าง ๆ จะต้องทำผ่านระบบออนไลน์เท่านั้่นก็ตาม ก่อนที่ นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง จะออกมาชี้แจงกรณีปัญหาทั้งหมด โดยเฉพาะการรับฟังปัญหาความเดือดร้อนประชาชน พร้อมเงื่อนไขการขออุทธรณ์การลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยา 5,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน เนื่องจากที่ผ่านมา มีผู้ผ่านเกณฑ์เพียง 1.68 ล้านราย และ กลุ่มไม่ผ่านเกณฑ์ มากถึง 4.78 ล้านราย
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : ชาวบ้านบุกก.คลัง ด่ายับโดนเราไม่ทิ้งกัน ปฏิเสธจ่าย 5 พัน ทั้งๆเข้าเกณฑ์ครบ)
ประเด็นพิจารณาก็คือ กรณีปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากขั้นตอนการกลั่นกรอง ประชาชนผู้ได้รับกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยระบบ AI ( artificial intelligence) หรื อปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ตั้งแต่เริ่มต้นว่าจะเกิดปัญหาได้ในขั้นตอนใด ขั้นตอนหนึ่้ง เนื่องจากมีผู้ลงทะเบียนเป็นจำนวนมากกว่า 20 ล้านราย
ขณะที่ล่าสุด กระทรวงการคลัง แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมว่าผู้ไม่ผ่านการคัดกรอง มาตรการเยียวยา 5,000 บาท จะสามารถทำการทบทวนสิทธิ์อีกครั้ง โดยระบบจะเปิดให้ท่านยื่นขอรับการทบทวนสิทธิ์ ในวันที่ 20 เมษายน 2563 ผ่านทางเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน http://xn--q3c.com/ เท่านั้น !!!!
(คลิกอ่านข้อมูลประกอบ : โฆษกคลังนัด 20 เม.ย.เริ่มอุทธรณ์เราไม่ทิ้งกัน 2 กลุ่มใหญ่ แย้มขยายกรอบทบทวนสิทธิ์ )
อย่างไรก็ตามในโลกโซเชียล มีการตั้งข้อสังเกตุเกี่ยวกับบุคคลบางคน ซึ่งเคยเคลื่อนไหวทางการเมือง ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะแนวร่วมนปช. เข้าไปรวมตัวกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จากมาตรการเยียวยาผลกระทบโรคระบาดอยู่ด้วย พร้อมมีการะบุชื่อว่า เป็นนาย ไพศาล จันปาน ซึ่งเคยมีข้อมูลร่วมกิจกรรมชุมนุม กับ นายสายชล กาแก้ว และ นายสันติ อัตรผดุง อดีตการ์ดเสื้อแดง นปช. ที่บริเวณตลาดกลางคลองหลวง ต.คลองหลวง อ.คลองหลวง ปทุมธานี รวมถึงยังเคยไปร่วมชุมนุมปกป้องพระธัมมชโย ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ การบุกตรวจค้นวัดธรรมกาย
ขณะที่การย้อนค้นประวัติ พบว่าระยะหลัง นายไพศาล ซึ่งมีความนิยมชมชอบ ครอบครัวชินวัตร และ อดีตพรรคอนาคตใหม่ ได้เข้าร่วมเคลื่อนไหวกลุ่มคนอยากเลือกตั้งมาโดยตลอดต่อเนื่อง ทั้งเดินทางไปกับ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว โดยการนั่งรถไฟไปที่อุทยานราชภักดิ์เพื่อทวงถามความโปร่งใสในการก่อสร้างอุทยานฯ ก่อนจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ในความผิดฐาน “ร่วมกันมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใด ๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย”
จนกระทั่งล่าสุดมาปรากฎตัวอีกครั้งที่กระทรวงการคลัง พร้อมการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า ตนเองมีอาชีพรับจ้าง โดยก่อนหน้าเคยขับแท๊กซี่แล้วได้ขายไป เพื่อจะออกรถมารับจ้างทั่วไป และเมื่อรัฐบาลออกมาตรการให้ห้างร้าน เอกชน นิติบุคคลต่าง ๆ หยุดทำกิจกรรรม ก็เลยทำให้การว่าจ้างวิ่งรถได้รับผลกระทบไปด้วย เนื่องจากไม่มีรายได้ สุดท้ายพอมาลงทะเบียนในเว็บเราไม่ทิ้่งกัน ก็กลับโดนตัดสิทธิ์ โดยระบุว่ามีอาชีพเป็นเกษตรกร ทั้ง ๆ ที่ไม่มีไร่นาเลย
และเมื่อตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน้าเพจเฟสบุ๊คนายไพศาล ไม่ได้มีเพียงการโพสต์ข้อความ หรือ ข่าวสาร โจมตีรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ แต่ยังแสดงให้เห็นปฏิสัมพันธ์กับขั้วการเมืองในอดีตตลอดเวลา
และก่อนจะเดินทางไปกระทรวงการคลังก็ขึ้นข้อความว่า "ผมจะไปกระทรวงการคลัง ทวงสิทธิของผมท่านใดโดนตัดสิทธิ ที่เราควรจะได้ เจอกันที่กระทรวงการคลังนะครับ"
จากนั้นก็มีภาพปรากฎ พร้อมข้อความประกอบ ว่า "วันนี้ รับไม่ได้จริงๆกับระบบห่วยๆ คนเดือดร้อนจริงๆมีมากมายหลายล้านคนที่ไม่มีปากไม่มีเสียง เราขอเป็นตัวแทนส่งเสียง ถึงเสียงไม่ดังมากแต่คงมีคนได้ยินไม่มากก็น้อย ..ผมตัวคนเดียวครอบครัวไม่มี พ่อแม่ตายหมดแล้วยังเดือดร้อนเรื่องรายได้ แล้วคนที่มีครอบครัว หาเช้ากินค่ำพวกเขาจะอยู่ยังไง? ..กลุ่มที่ควรได้ก็ไม่ได้เช่นคนขับแท๊กซี่(เยอะมากๆ) พวกเขามีเอกสารที่ทางราชการกำหนดครบทุกอย่าง
แต่ระบบบอกว่าบอกเขาไม่ได้รับสิทธิเยียวยา บางคนดาวน์รถจากอู่มาส่งงวดเพื่อจะได้รถสักคัน ก็ต้องปล่อยให้อู่ยึดคืน ไม่มีเงินเลี้ยงดูครอบครัว บางคนขายเสื้อผ้าตามตลาดนัดแต่ทางตลาดให้หยุดขายมา1เดือนแล้ว ค่าเช่าบ้าน ค่าเงินติดล้อซึ่งพักหนี้ไม่ได้ ซ้ำต้องส่งกลับบ้านให้ลูกที่บ้านนอกที่รอคอยแต่ละเดือน..
..สงสารประชาชนและแค้นเคืองมากๆ มึงจะให้ประชาชนรออย่างเดียว รอแบบไม่เห็นอนาคต แล้วพวกมึง ไม่รอรับเงินเดือนสักเดือนครึ่งเดือนบ้างละ แบ่งให้ประชาชนรับบ้างสิจะได้แฟร์ๆ...สู้ๆนะประชาชนทุกๆท่าน ชีวิตรอการเยียวยา
จุดน่าสนใจก็คือมีกลุุ่มคนที่มีทัศนคติทางการเมือง อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ออกมาเคลื่อนไหวในเชิงนัดแนะ ให้ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมด้วยเช่นกัน อย่างเช่นข้อความที่ปรากฎในเฟซบุ๊คของนายไพศาล " ประกาศดังๆ นัดวันเรียกร้องสิทธิ์เยียวยา เลยแระกัน ท่านใดที่ใด้รับผลกระทบจากโควิคเนื่องด้วยรัฐบาลขอความร่วมมือ ไห้หยุดทำมาหาแดกนอนอยุ่แต่บ้าน และไม่ใด้รับเยียวยาจากรัฐ ท่านทำอาชีพอะไร ขนได้ขนไปขนไปหน้าทำเนียบ ไปทวงถามสิทธิ์ว่าเอาระบบอะไรมาตรวจสอบเอาระบบอะไรมาตัดสินว่าเราไม่ใด้รับสิทธิ์เยียวยา ทั้งๆที่เราก็ใด้รับผลกระทบเช่นกันเราไปเพื่อทวงถามไปเพราะความเดือดร้อน เราไปใลฟ์สดบอกลุงตุ่ที่หน้าทำเนียบว่า เราก็ควรใด้รับความเยียวยาจากรัฐเช่นกัน เจอวันที่ 15 ไปพบกันที่หน้าทำเนียบ ในเวลาบ่ายสามโมงเย็น"
ส่วนนายไพศาลเมื่อสิ้นสุดการเคลื่อนไหวที่กระทรวงการคลัง ก็ได้เดินทางกลับไปยังขอนแก่น พร้อมโยังพสต์ตอบบุคคลที่เข้าไปถามไถ่ เรื่องการเข้าภายในกระทรวงการคลัง ว่า จะรวบเรื่องอะไร ...ไปทวงสิทธิ์ พร้อมข้อความเพิ่มเติมว่า "ผมเป็นขี้ข้าแม้ว ขี้ข้าปู แดงไม่จืดจาง แดงเข้ม ก็อยู่แบบจนๆ ไม่คดโกง.."
ต้องย้ำกรณีของนายไพศาล และกลุ่มบุคคลที่มีทัศนคติทางการเมือง ต้องถือว่ามีสิทธิ์ที่จะออกมาเรียกร้อง ให้ได้ความถูกต้องจากมาตรการเยียวยาของภาครัฐ แต่ในแง่มุมหนึ่งก็ปฏิเสธการไม่ให้ผู้คนในสังคม คลางแคลงใจในพฤติการณ์เคลื่อนไหว ภายในกระทรวงการคลังที่ผ่านมาไม่ได้
เนื่องด้วยวิธีการบางช่วงตอนที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ ว่ามีเจตนาให้เกิดความรุนแรง จากการตะโกนด่า และความพยายามบุกรุกขึ้นไปบนอาคารกระทรวงการคลัง ขณะที่ก็มีประชาชนอีกจำนวนไม่น้อย ที่ไปขอทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาของผู้รับผืดชอบอย่างสงบ เพราะมีความเดือดร้อนเรื่องค่าครองชีพอย่างแท้จริง
มากยิ่งไปกว่านั้น เป็นแง่มุมที่ปรากฎอยู่ในเพจเฟซบุ๊ค เสธ. play แสดงความเห็นสืบเนื่องจากการที่พรรคก้าวไกล หรือ พรรคอนาคตใหม่ในอดีต ออกมาเคลื่อนไหวในจังหวะเดียวกับที่มีม็อบไปบุกกระทรวงการคลัง ว่า " เสธ. เห็นพรรคก้าวไกลทำเว็บ "ทำไมไม่ได้5พัน .com" มา แล้วอ้างว่าเอาไว้เพื่อให้ประชาชนมาร้องเรียนเรื่องที่ไม่ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท แล้วจะเอาไปเข้า กมธ. เพื่อเรียกร้องให้ประชาชนต่อไป
จริงอยู่ครับว่าระบบการลงทะเบียนรับเงินเยียวยามันมีปัญหาอยู่ ทั้งในเรื่องของการเข้าเว็บไซต์ยาก รวมถึงข้อมูลที่ผิดพลาด แต่ระบบของทางการมันก็มีการให้อุทธรณ์ มีการตรวจสอบข้อมูล เพื่อให้แน่ใจว่าเงินเยียวยาจะไปถึง "คนที่มีตัวตนจริงๆ"
แต่เว็บ "ทำไมไม่ได้5พัน .com" นี่นะครับ อยู่ๆก็โผล่ขึ้นมา ใช้ Google Form ไว้รับข้อมูล ซึ่งรูปแบบการทำแบบฟอร์มก็พิกลพิการ มีการถามข้อมูลซ้ำๆ ในแบบฟอร์มที่ทำไว้ หรือ ไอ้ที่แย่หน่อยก็คือการให้กรอกจังหวัดเอง ซึ่งในกลุ่มคนที่พัฒนาเว็บไซต์เขาจะไม่ทำกัน เพราะมันมีโอกาสเกิด user error สูงมาก! เอาง่ายๆ แค่กรุงเทพฯ นี่หลายๆคนก็กรอกไม่เหมือนกันแล้ว มันออกได้ทั้ง กรุงเทพ กรุงเทพฯ กรุงเทพมหานคร กรุงเทพมหานคร แล้วแต่คนจะเจอ เขาจะทำเป็นดรอปดาวน์รายชื่อจังหวัดให้คนเลือกกันครับ
แย่ที่สุดคือเรื่องของการกรอกเลขประจำตัวประชาชน ถ้าใครเลยใช้เว็บไซต์ที่เป็นเว็บไซต์ Official หลายๆเว็บ จะพบว่าในการกรอกเลขประจำตัวประชาชน มันจะมีระบบในการตรวจสอบว่าเลขประจำตัวประชาชนนั้นเป็นของจริงหรือไม่ แต่เว็บ "ทำไมไม่ได้5พัน .com" ไม่มีการเช็คทั้งนั้นว่าเลขประชาชนที่กรอกลงไปนั่นเป็นเลขจริงหรือเปล่า แถมจะกรอกลงไปกี่หลักก็ได้ กรอกข้อมูลที่ไม่ใช่ตัวเลขลงไปก็ยังได้
(ขอแดกดันหน่อยเถอะตรงนี้ เวลาเว็บไซต์ภาครัฐขอข้อมูลเลขประจำตัวประชาชน ซอมบี้ชอบปั่นกระแสว่าภาครัฐหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวไป ทั้งๆที่รัฐมีฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์อยู่ในมือ อยากรู้จริงครับว่าซอมบี้จะว่ายังไงกับกรณีนี้บ้าง) พอจะเห็นอะไรมั้ยครับ ฟอร์มที่มันมาจากแหล่ง Unofficial รูปแบบปุๆปะๆ แต่เล่นบทพระเอกว่าจะเอาข้อมูลไปเรียกร้องความยุติธรรมกับทางภาครัฐนี่ มันไม่น่าเชื่อถือแค่ไหน
ไม่ว่าจะรูปแบบการขอข้อมูลที่แปลกๆ จากเว็บที่ไม่ใช่เว็บทางการ รวมถึงการที่ไม่มีการเช็คข้อมูลที่กรอกอะไรทั้งนั้น กรอกได้ตามใจผู้กรอก ซึ่งตรงนี้มันเอื้อให้เกิดการปั่นข้อมูล สร้างข้อมูลเท็จได้ง่ายมากครับ เราจะรู้ได้ยังไงว่าข้อมูลที่เอามาเรียกร้อง มาเป็นกระแส เป็นข้อมูลจากบุคคลจริงๆ ไม่ใช่ซอมบี้ส้มปั่นข้อมูลสร้างกระแส (แบบที่ทำในทวิตเตอร์)
เพราะแบบฟอร์มมันเช็คอะไรไม่ได้อยู่แล้ว กรอกมั่วๆลงไปก็ไม่มีใครรู้หรอกครับ อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้นะครับ ทำแบบนี้ เหมือนพรรคก้าวไกลเล่นการเมืองบนความเดือดร้อนของประชาชนน่ะครับ ...จริงหรือไม่ลองคิดดู??
ขณะเดียวกัน นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า และ อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ก็โพสต์ข้อความในประเด็นดังกล่าวยังมีนัยสำคัญว่า #ประเทศไทยเราจะอยู่กันแบบนี้จริงๆ หรือ?
"เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ที่กระทรวงการคลังมีประชาชนจำนวนมากไปเรียกร้อง กราบกรานและทักท้วงว่ามาตรการเยียวยาคนละ 5 พันบาท มีการชี้ข้อบกพร่องที่ทำให้ประชาชนถูกตัดสิทธิ์ออกไป กลายเป็นที่สนใจของสังคมขึ้นมา หลายคนดูแล้วน้ำตาไหลเพราะสงสารประชาชนที่ถูกตัดสิทธิ์อย่างไม่เป็นธรรม
แต่ผมอยากชวนให้คิดไปไกลกว่านั้น...มาตรการเยียวยาครั้งนี้ของรัฐบาล แจกประชาชนคนละ 5 พันบาท เป็นเวลา 3 เดือน จำนวน 3 ล้านคน เท่ากับใช้งบประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท ดูเหมือนใช้งบประมาณเยอะใช่หรือไม่?
แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลรัฐประหารและรัฐบาลสืบทอดอำนาจ ทำอะไรให้กลุ่มทุนใหญ่ เจ้าสัว และคนที่อยู่บนสุด 1% ในสังคมไปแล้วบ้าง? ไม่นับว่าไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อีกเท่าไหร่? ที่ถูกกล่าวหาเรื่องทุจริตคอรัปชันอีกเท่าไหร่?
ทั้งหมดนี้ ในขั้นตอนการตัดสินใจ การประชุมเพื่อเคาะออกมาเป็นมาตรการต่างๆ ใช้เวลาไม่นาน และบังคับใช้ได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีอุปสรรคใดๆ มาขัดขวาง บางอันใช้ ม.44 เซ็นครั้งเดียวก็จบ
ส่วนมาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชน 5 พันบาท ข้างต้นที่ผมกล่าวมานั้น รัฐบาลคิดแล้วคิดอีก ชักเข้าชักออก เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จำกัดจำเขี่ยในการใช้งบประมาณ มีข้ออ้างสารพัด เงินไม่พอบ้าง ต้องคัดเลือกคนที่ได้รับผลดระทบจริงๆบ้าง ทิ้งระยะเวลามาเป็นสัปดาห์ ทั้งที่มีประชาชน กินไม่อิ่มนอนไม่หลับอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง
ทั้งหมดนี้ สะท้อนวิธีคิดของรัฐบาลตลอดหลายปีที่ผ่านมาที่เอื้อนายทุน เอื้อคนรวย เอื้อคนส่วนน้อยไปเป็นล้านล้านบาทแต่ไม่สนใจประชาชนคนเล็กคนน้อย ที่ยังไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้จะมีอะไรกินหรือไม่ “ประชาธิปไตย” คือ “For the many, not the few”
นี่หรือคือรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย??? นี่หรือรัฐบาลในระบอบที่ประชาชนเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุด??? หรือแท้จริงแล้วอำนาจสูงสุดของประเทศนั้นตกเป็นของคนเพียงไม่กี่คน??? และถ้าหากรัฐบาลไม่ได้ทำเพื่อประชาชน ไม่ได้ทำเพื่อคนส่วนใหญ่ เราจะมีรัฐบาลไปทำไม?
ถึงเวลากลับมาตั้งคำถามดังๆ ว่า “ประเทศไทยเราจะอยู่กันแบบนี้จริงๆ หรือ?” ได้เวลา ทวงคืนอำนาจสูงสุด ให้กลับมาเป็นของประชาชน