- 13 พ.ค. 2563
สืบเนื่องจากกรณีมีกลุ่มป่วนเมืองยิงเลเซอร์ข้อความต่างๆ ตามสถานที่ราชการและสถานที่สาธารณะ เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ความรุนแรงในช่วงเดือนพฤษภาคม 2553 ที่มีกองกำลังติดอาวุธแฝงตัวในกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาสร้างความรุนแรง เพื่อยกระดับการต่อสู้ของมวลชนในการต้านทานการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ยังไม่ทราบวัตถุประสงค์ว่ากระทำเพื่ออะไร แต่คาดว่ามีการทำเป็นกระบวนการโดยมีการนำไปขยายผลเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย ซึ่งอาจต้องการรำลึกถึงเหตุการณ์ต่างๆในอดีต แต่ไปพาดพิงองค์กรและสถาบันต่างๆทำให้เกิดความเข้าใจผิด
สืบเนื่องจากกรณีมีกลุ่มป่วนเมืองยิงเลเซอร์ข้อความต่างๆ ตามสถานที่ราชการและสถานที่สาธารณะ เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ความรุนแรงในช่วงเดือนพฤษภาคม 2553 ที่มีกองกำลังติดอาวุธแฝงตัวในกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาสร้างความรุนแรง เพื่อยกระดับการต่อสู้ของมวลชนในการต้านทานการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ยังไม่ทราบวัตถุประสงค์ว่ากระทำเพื่ออะไร แต่คาดว่ามีการทำเป็นกระบวนการโดยมีการนำไปขยายผลเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย ซึ่งอาจต้องการรำลึกถึงเหตุการณ์ต่างๆในอดีต แต่ไปพาดพิงองค์กรและสถาบันต่างๆทำให้เกิดความเข้าใจผิด
ด้าน ช่อ พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า และ อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ได้ทวิตข้อความว่า "#ตามหาความจริง กับเรา 12-20 พ.ค. นี้ ทางเพจ #คณะก้าวหน้า ฉายภาพกลางกรุงมันแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น #ความจริงต้องปรากฏ"
อ่านข่าว - ช่อ พรรณิการ์ เปิดตัวทีมก้าวหน้า ท้าชนรัฐบาล กองทัพ ลั่นฉายภาพกลางกรุงมันแค่เริ่มต้น
ล่าสุด พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีคณะก้าวหน้าเผยคลิปวิดีโอและภาพการยิงเลเซอร์ ข้อความ #ตามหาความจริง ว่า ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างสืบทราบตัวบุคคล ที่ก่อเหตุดังกล่าว และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิจารณาว่าการกระทำลักษณะนี้เข้าข่ายความผิดใดหรือไม่ โดยขณะะนี้ยังไม่มีการเรียกบุคคลใดมาสอบปากคำ แม้ น.ส.พรรณิการ์ วาณิช หนึ่งในแกนนำคณะก้าวหน้า จะออกมาอ้างตัวว่าเป็นการจัดกิจกรรมของคณะก้าวหน้า
เบื้องต้นมองว่าเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ แต่ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย โดยในช่วงเดือน พ.ค. มีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลายอย่าง แต่ทุกเหตุการณ์อยู่ในกระบวนการยุติธรรม หากผู้ใดมีข้อสงสัยสามารถสอบถามไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมาอยู่ได้
ขณะที่ พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รอง ผบช.น. เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้ให้ฝ่ายกฎหมายของแต่ละสน. ที่ปรากฎภาพเลเซอร์ไปพิจารณาว่า เข้าข่ายความผิดใด ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ จะมีความชัดเจน
อย่างไรก็ตามขณะนี้ในส่วนของกระทรวงกลาโหม รวมถึงสถานที่ต่าง ๆ ยังไม่มีการส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษ ล่าสุดทางตำรวจเองก็ได้มีการขอความร่วมมือให้คณะก้าวหน้าหยุดการกระทำในลักษณะนี้แล้ว เพราะขณะนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนและไม่ใช่เวลาที่จะมากระทำในลักษณะนี้ ส่วนกรณีที่คณะก้าวหน้าจะจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองทางตำรวจก็จะต้องเข้าไปดูแลความปลอดภัยด้วยเช่นกัน
โดยก่อนหน้านั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง ที่ต้องตรวจสอบและไปพิจารณาว่ามีความผิดอะไรหรือไม่ในการกระทำการเช่นนั้น ในช่วงเวลานี้ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมในการนำหลายๆเรื่องมาพัวพันในวันนี้รวมถึงพัวพันเรื่องการแก้ปัญหาโควิดที่รัฐบาลกำลังแก้อย่างเร่งด่วน เพราะมีประชาชนเดือดร้อน
ขณะเดียวกัน ช่อ พรรณิการ์ ได้ทวิตข้อความล่าสุดว่า "อยากให้ได้ดู The look of silence ค่ะ หนังดีมากๆ เป็นสารคดีเกี่ยวกับการสังหารหมู่คนนับล้านในยุค 1970s หนังเอาครอบครัวของผู้ถูกฆ่าและผู้ฆ่ามาเผชิญหน้าและพูดคุยกัน เป็นบทสนทนาแบบที่เราอยากเห็น แต่ยังไม่เคยเห็นในไทย #ตามหาความจริง หนังจัดฉายฟรี โดย Doc Club 18-20 พ.ค. นี้"
นอกจากนี้ในเพจ คณะก้าวหน้า - Progressive Movement ได้โพสต์ผ่านไทม์ไลน์เฟซบุ๊กว่า "ผ่านมาแล้ว 48 ชั่วโมงแต่ยังไม่รู้ว่าจะเอาผิดกฎหมายข้อไหน"
ทั้งนี้จากการตรวจค้นพบว่า ครั้งหนึ่งนิตยสารสารคดี เคยนำเสนอคอลัมน์วิจารณ์ภาพยนต์ The Look of Silence ว่าเป็นความสำเร็จของการสร้างความเกลียดชังในสังคม
แม้ว่าจะเป็นหนังสารคดียอดเยี่ยมที่กวาดรางวัลมาทั่วโลกกว่า 70 รางวัล และได้เข้าชิงรางวัลออสการ์
โดยเนื้อหาของบทคอลัมน์บางช่วงตอน ระบุว่า " The Look of Silence เป็นสารคดีที่เล่าเรื่องราวการสังหารหมู่ประชาชนอินโดนีเซีย มีผู้เสียชีวิตกว่า 1 ล้านคนในช่วงปี 2508 เมื่อบรรดาผู้นำทหารทำรัฐประหารล้มล้างรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง ด้วยข้ออ้างต้องการปราบปรามคอมมิวนิสต์ในประเทศที่แผ่ขยายสมาชิกมากขึ้น ตามมาด้วยการสังหารโหดประชาชนที่ถูกกล่าวหาเป็นคอมมิวนิสต์ ฆ่ากันตาย นำศพมาทิ้งจนแม่น้ำกลายเป็นสายเลือด...."