- 16 พ.ค. 2563
ถึงนาทีนี้ดูเหมือนว่าปมทางการเมืองที่คณะก้าวหน้า ริเริ่มไว้ด้วยการส่งทีมงานออกไปป่วนเมือง ด้วยการยิงเลเซอร์ข้อความต่างๆ ตามสถานที่ราชการและสถานที่สาธารณะ เพื่อปลุกกระแสโจมตีรัฐบาลพล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และการเดินหน้ารุกโจมตีทหารอีกครั้ง จะไม่ได้เป็นดังหวังผู้อยู่เบื้องหลังแล้ว
ถึงนาทีนี้ดูเหมือนว่าปมทางการเมืองที่ คณะก้าวหน้า ริเริ่มไว้ด้วยการส่งทีมงานออกไปป่วนเมือง ด้วยการยิงเลเซอร์ข้อความต่างๆ ตามสถานที่ราชการและสถานที่สาธารณะ เพื่อปลุกกระแสโจมตีรัฐบาล พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และการเดินหน้ารุกโจมตีทหารอีกครั้ง ด้วยการเรียกร้องหาความจริงเหตุการณ์ เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 จะไม่ได้เป็นดังหวังผู้อยู่เบื้องหลังแล้ว แม้ว่าเครือข่ายข่าวสารที่สนับสนุน ระบอบทักษิณ หรือกระทั่งพรรคอนาคตใหม่เดิม จะพยายามเต็มที่ในการปลุกระดม แต่ดูเหมือนว่าหลักฐานในโลกความเป็นจริงยิ่งชี้ชัดว่าสถานการณ์ในขณะนั้น ใครกันแน่ที่จะต้องรับผิดชอบ และไอ้โม่งหนีคดีอาญา ที่สั่งการพร้อมจะกลับนำทัพคนเสื้อแดง ต้องกลายเป็นเป้าล่อให้คนไทยลุกฮือถล่มอีกครั้ง ด้วยผลงานของ ทีมคณะก้าวหน้า
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : อดีตเลขาฯสมช.ซัดตรงคณะก้าวหน้า ยิงเลเซอร์ป่วนเมือง ไล่ไปอ่าน 3 ปมสำคัญในรายงานคอป. )
ล่าสุด พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ตามหาความเท็จ จากคณะใหม่ เอาแค่เรื่องในเหตุการณ์เพียงวันเดียวของการประท้วงก่อน เบื่อที่ต้องเขียนแล้วเขียนอีกไม่เขียนก็ไม่ได้ มีคนพยายามเอาเรื่องไม่จริงมาหลอกเด็กอยู่เรื่อยๆ ผมว่ารัฐบาลใจดีเกินไปหรือเปล่า
1️.การก่อเหตุรุนแรงในการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่ม นปช. เมื่อ 10 เม.ย. 53 เริ่มต้นขึ้นด้วยการใช้อาวุธสงครามออกมายิง ฮ. ที่เชิงสพานผ่านฟ้าก่อน ท่ามกลางคนนับร้อย หลังจากนั้นบนสะพานพระปิ่นเกล้าฯ คนอีกกลุ่มก็ขึ้นไปรุมทำร้ายทหาร บนรถบรรทุกทหาร 4 คัน โดยทหารมีปืนพกประจำกาย แต่ไม่ทำร้ายหรือต่อสู้ ด้วยเห็นว่าเป็นประชาชน ที่เป็นคนไทยด้วยกัน กลุ่ม นปช.ยึดอาวุธสงครามไปได้ส่วนหนึ่งปัจจุบันยังตามหาไม่ครบ
2️.ต่อมาที่บางลำภู ช่วงบ่าย การ์ดของกลุ่ม นปช. คนหนึ่งในแถวหน้าที่ผลัดดันกันอยู่กับแถวทหาร การ์ดคนนั้นได้ล้วงปืนพกออกมายิงใส่ทหารที่ผลักดันกันอยู่ซึ่งๆหน้าล้มลง 2 คนกลางวันแสกๆ
พอตกค่ำก็มีชายชุดดำเริ่มต้นใช้อาวุธสงครามหลากหลายชนิด ระดมยิงเข้าไปที่กลุ่มทหาร และประชาชนอย่างต่อเนื่อง ตลอดถนนบางลำภู จนประชาชนย่านนั้นต้องนำทหารที่บาดเจ็บไปซ่อนไว้ในบ้านเพราะไม่งั้นจะมีกลุ่มคนที่คอยดักทำร้ายทหารที่ถูกยิงบาดเจ็บแล้วซ้ำเข้าไปอีกขณะกำลังนำทหารส่งโรงพยาบาล
3️.แค่นั้นไม่พอ เมื่อทหารไม่กล้ายิงประชาชนที่อยู่หน้าแถวกลุ่มชายชุดดำอีกชุดหนึ่ง ล้อมทหารไว้หน้า ร.ร.สตรีวิทย์ เอาประชาชนบังหน้า ฮึกเหิมถึงขั้นใช้อาวุธสงครามนาๆชนิด รวมทั้งระเบิดสังหาร ลอบสังหารนายทหารระดับผู้การกรมจนเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสไปถึง 4 คนรวมถึงการฆ่าประชาชนอีกจำนวนหนึ่ง อย่างหนัาตัวเมียมีทหารบาดเจ็บมากมาย กล่าวกันว่า ทหารที่ตายและบาดเจ็บ มีจำนวนพอๆกับทหารไทยที่ไปรบในสงครามเวียดนามเลยทีเดียว (แตกต่างกันตรงที่ ที่ราชดำเนินทหารไม่สามารถใช้อาวุธโต้ตอบฝ่ายตรงข้ามซึ่งรวมอยู่ในกลุ่มประชาชนโดยใช้ประชาชนบังหน้าได้จึงถูกไล่กระทำเพียงฝ่ายเดียว)
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : ศาลอุทธรณ์ยืนโทษ จำคุก 2 ชายชุดดำ ระดมอาวุธสงคราม ร่วมแดงนปช.ชุมนุมแยกคอกวัว ปี 53 )
4️. ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ คดีแรกๆที่จะฟ้องทหาร เรื่องพลเรือนที่ถูกกระสุนปืนความเร็วสูงตายหน้า ร.ร.สตรีวิทย์ 2 คนและนักข่าวญี่ปุ่นอีกคนหนึ่ง ฝ่ายที่จะเอาผิดทหารพยายามเชื่อมโยงว่ากระสุนมาจากฝั่งทหาร แต่ก็ไม่ได้ผล
เพราะผลการพิสูจน์ทั้งทางการแพทย์ (นิติเวช)และรูปภาพในคลิปวิดิโอ กลับยืนยันได้ว่า กระสุนที่ยิงใส่พลเรือน 2 คนจนเสียชีวิตนั้น ไม่ได้มาจากฝั่งทหาร นอกจากนั้น ประชาชนอีกคนที่ตายจาก "กระสุน" ก็เป็นกระสุนที่ทางทหารไม่มีใช้ เรื่องการตายของพลเรือนที่หน้าร.ร.สตรีวิทยา จึงยุติลงไป แต่ไปจับเอาเรื่องของพลเรือนที่ตาย ย่านราชประสงค์มาเล่นงานทหารแทน ตอนนี้ก็ยุติไปอีก เพราะความจริงพิสูจน์ได้
อย่าไปตามหาความจริงเลย แต่ถ้าอยากรื้อฟื้นคดี ตามที่กลุ่มฉายแสงเลเซอร์เรียกร้องมาก็ดีเหมือนกัน หลักฐานหลังจากการสลายตัวของกลุ่ม นปช.ยังมีอีกเพียบเลย ตั้งแต่อาวุธสงครามทั้งหลายรวมถึงระเบิด C-4 เอาเลยครับ เอากันจริงๆสักที ไม่งั้นพูดกันไม่รู้จักจบ
ในแทบทุกศาสนา ศีลข้อแรกคือการยกเว้นการฆ่า โดยเฉพาะการฆ่าผู้บริสุทธิ์ เคยมีพระเกจิท่านหนึ่งได้บอกผมว่า คนที่เอาชีวิต (ฆ่า)คนอื่น รวมทั้งคนที่สั่งการ วิญญาณของผู้ตายจะมาเกาะอยู่ข้างหลัง เป็นกรรมติดตัวไปตลอด ยิ่งกรรมเกาะหลังเยอะ ยิ่ง "หนักกรรม" ครับ