- 10 ก.ค. 2563
สมคิดเปิดใจเต็มๆอนาคตการเมือง หลัง 4 กุมารแยกทางพลังประชารัฐ
หลังจากมีความเปลี่ยนแปลงในพรรคพลังประชารัฐ โดยการลงคะแนนเสียงเลือกคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ จนถึงการทำให้ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ,นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ,นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม อดีตรองหัวหน้าพรรค และ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกฯ อดีตกรรมการบริหารพรรค แถลงลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ภายหลังไม่มีตำแหน่งใด ๆ ในพรรคพลังประชารัฐ
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : 4 กุมารคอนเฟิร์ม แยกทางพปชร. อนาคตเก้าอี้รมต.มอบนายกฯตู่ชี้ชะตา )
ล่าสุด นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมทีมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ เพื่อหารือแนวทางการช่วยเหลือและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ถึงกรณีกลุ่ม 4 กุมาร ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า ไม่มีอะไร ไม่ได้ปรึกษา เป็นเรื่องในพรรค เป็นเรื่องปกติ ฟังจากคำแถลงถือเป็นการแถลงที่ดี ที่เป็นมิตรต่อกัน เป็นการจากกันด้วยดี ก็แค่นั้น และเรื่องการปรับครม. ก็เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี คิดว่าจะต้องพิจารณาด้วยความเหมาะสม
ส่วนการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยกเลิกการประชุม ครม.เศรษฐกิจ และประชุมทีมที่ปรึกษาแทน นายสมคิด กล่าวว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไรกันอยู่แล้ว เพราะรู้จักกัน และถูกต้องแล้วที่นายกฯควรจะได้ข้อมูลจากภายนอกที่เพียงพอก่อนที่จะพิจารณามาตรการต่างๆ ออกมา ตรงนี้เป็นสิ่งที่ดี และวันนี้มากันครบ ก็ไปนั่งคุยกัน
"ผู้ที่เข้าประชุมวันนี้ทั้งภาคเอกชน ธนาคารแห่งประเทศไทย ข้อมูลเตรียมไว้หมดแล้ว เป็นสิ่งที่ดีที่นายกฯจะได้เห็นภาพรวมทั้งหมด เรื่องที่นายกฯสนใจที่สุดคือ การช่วยเหลือเอสเอ็มอี นายกฯจึงเรียกประชุม ขณะที่มาตรการกระทรวงการคลังก็ได้เตรียมไว้แล้ว พอเข้าใจถ่องแท้ก็สามารถนำเข้าที่ประชุม ครม.ได้ จะได้ช่วยเอสเอ็มอีอย่างทันท่วงที ซึ่งตนจะดูเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลังเป็นหลัก ซึ่งกระทรวงการคลังไม่ได้ทำทุกอย่าง ทุกกระทรวงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจทั้งสิ้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ต้องดูแลภาคการเกษตรและแรงงานด้านการเกษตร กระทรวงแรงงานต้องรองรับการว่างงาน กระทรวงพาณิชย์ดูเรื่องการค้าขาย ทุกกระทรวงเกี่ยวข้องทั้งนั้น ถูกต้องแล้วที่นายกฯบอกว่าเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เพราะในรัฐบาลผสมทุกกระทรวงต้องเดินหน้าไปพร้อมกัน เป็นสิ่งที่ดี"
เมื่อถามว่า นายกฯพูดชัดแล้วว่าจะมีการปรับ ครม.เศรษฐกิจ นายสมคิด กล่าวว่า “แล้วแต่ท่านนายกฯ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย” เมื่อถามว่า เรื่องการเมืองจะส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า การเมืองดี เศรษฐกิจก็จะดี สังคมก็จะดี นี่เป็นเรื่องปกติ ฉะนั้นจะต้องพยายามดูแลการเมืองให้ดี เมื่อถามว่า ตอนนี้คิดว่าการเมืองไหวหรือไม่ นายสมคิด กล่าวปฏิเสธว่า ไม่รู้เหมือนกัน ตนไม่ค่อยถนัดการเมือง
เมื่อถามว่า นายกฯระบุว่านายสมคิดพร้อมรับทุกอย่าง หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า “ผมพร้อมตั้งแต่ปีที่แล้ว” เมื่อถามย้ำว่า พร้อมไปใช่หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า อายุมากแล้ว ต่อข้อถามว่า ที่ระบุว่าอายุมากแล้ว หมายถึงมีคนแทนแล้วใช่หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า อยู่ที่นายกฯ เมื่อถามอีกว่า อายุมากแล้วคือ ถอดใจแล้วใช่หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า “ใจผมถอดมาหลายปีแล้ว"
เมื่อถามว่า หากปรับ ครม.แล้วไม่มีรัฐมนตรีในกลุ่ม 4 กุมารอยู่ ท่านจะยังอยู่ต่อหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า เป็นไรไม่ได้ การที่จะตั้ง ครม. นายกฯต้องดูให้ถ่องแท้ว่าใครจะทำอะไร ต้องเอาบ้านเมืองเป็นหลัก นั่นคือสิ่งสำคัญสุด แต่ใครจะมาจะไปเป็นเรื่องปกติ
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรค พปชร. วันนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง นายสมคิด กล่าวว่า ไม่ เมื่อถามอีกว่า เหมือนเสร็จนาฆ่าโคถึกหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า ไม่หรอก เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ทั้ง 4 คนแถลงชัดเจน พวกเขาร่วมกันก่อตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน วันนี้เรื่องเหล่านั้นได้บรรลุแล้ว เขาก็พร้อมที่จะไปทำหน้าที่อื่น เท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า แล้ว ภารกิจของท่านบรรลุแล้วหรือยัง นายสมคิด ย้อนถามว่า “ภารกิจของผมหรอ ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีในตอนนี้” ทั้งนี้ เมื่อถามว่า ไม่ได้ทำให้เกิดความน้อยใจอะไรใช่หรือไม่ นายสมคิด ไม่ตอบ พร้อมกับเดินขึ้นไปตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อร่วมประชุมคณะปรึกษาฯ
ทั้งนี้การประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านแนวทางการช่วยเหลือและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดโควิด-19 เพื่อพิจารณารายงานสถานการณ์เศรษฐกิจ และกรอบการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2563 รวมถึงการช่วยเหลือและฟื้นฟูวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคส่วนต่างๆเข้าร่วมดังนี้
นายกรัฐมนตรี
ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค)
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ประธานการกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย
ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย
ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย
ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ
ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย
ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย
นายปิติ ตัณฑเกษม
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ
นายสุพัฒนาพงษ์ พันธ์มีเชาว์
เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (เลขานุการ)
นางณัฐฎ์จารี อนันตศิลป์ (ผู้ช่วยเลขานุการ)
ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งในระหว่างประชุม ว่า สำหรับการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากตนเคยพูดไปแล้วจะต้องทำงานแบบ New Normal จึงจำเป็นที่จะต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกๆฝ่าย และทุกภาคส่วน เพื่อนำมาหารือกัน เพราะตนจะทำงานคนเดียวไม่ไหว ตอนนี้ก็ต้องช่วยกันคิด เพื่อนำข้อมูลไปประกอบให้การทำงานปัจจุบันทันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไทยได้รับผลกระทบเกือบทั้งหมด รวมถึงสงครามการค้า ทุกคนต้องช่วยกัน ไปสร้างกลไกมาให้รัฐบาล เป็นการประชุมเพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจ และกรอบการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2563 การช่วยเหลือและฟื้นฟูวิสาหกิจขนา ดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19