- 24 ก.ค. 2563
สืบเนื่องจากการที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดย นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ได้แถลง ผลสอบข้อกล่าวหาบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดงาน Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020 มูลค่า 240 ล้านบาท โดยมิชอบ พร้อมสรุปชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี , นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกรัฐมนตรี
สืบเนื่องจากการที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดย นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ได้แถลง ผลสอบข้อกล่าวหาบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดงาน Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020 มูลค่า 240 ล้านบาท โดยมิชอบ พร้อมสรุปชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี , นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกรัฐมนตรี
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : ปปช.แถลงฟันผิดอาญา ยิ่งลักษณ์ สุรนันทน์ นิวัฒน์ธำรง ร่วม 2 สื่อยักษ์ ฮั้วจัดอีเว้นต์ ใช้งบฯ 240 ล้าน )
ต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ถึงกรณีดังกล่าว ความตอนหนึ่งว่า "ดิฉันได้เห็นข่าวที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดเรื่องดำเนินการจัดนิทรรศการ การสัมมนา และการโฆษณาประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ “โครงการ Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020” วงเงิน 240 ล้านบาท โดยมิชอบนั้น
ทำให้ดิฉันเกิดความสงสัยและขอตั้งข้อสังเกตกับ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า มีความขยันในการเร่งรัดคดีดิฉัน ฝ่ายเดียว เพราะภายในเดือนนี้เดือนเดียว ป.ป.ช. ก็มีการชี้มูลความผิดกับดิฉัน ถึง 2 คดีติด ๆ กัน โดยวันที่ 1 ก.ค. 2563 ชี้มูลเรื่องการใช้อำนาจโอน นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำโดยมิชอบ และเมื่อวานที่ผ่านมาก็ถูกชี้มูลในคดีนี้อีก ซึ่งผิดกับคดีที่ฝ่ายรัฐบาลปัจจุบันถูกร้อง และขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ ดูเหมือน ป.ป.ช. จะให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลปัจจุบันมากเป็นพิเศษในหลายคดี ทั้ง ๆ ที่เป็นคดีที่สังคมเกิดข้อกังขาและตั้งข้อสงสัยมากมายกับการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.และผลการพิจารณาหลายคดี ก็ค้านกับความรู้สึกของประชาชน
วันนี้แทนที่ ป.ป.ช. จะให้ความสำคัญกับการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณและการใช้จ่ายเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนทั้งจากปัญหาทางเศรษฐกิจ ปากท้อง และปัญหาโควิด-19 ที่รอการแก้ไข แต่กลับมาเร่งรัด เร่งรีบ กับคดีของฝ่ายที่เห็นต่างและคิดว่าอยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล
"กรณีการย้ายนายถวิล ดิฉันมิได้เจตนาที่จะกลั่นแกล้งผู้หนึ่งผู้ใด เพราะการที่คณะรัฐมนตรีหรือรัฐบาลหนึ่งรัฐบาลใดใช้อำนาจโยกย้ายข้าราชการโดยเฉพาะผู้ปฏิบัติหน้าที่งานด้านความมั่นคงซึ่งต้องเป็นที่เชื่อถือและไว้วางใจของรัฐบาลทุกรัฐบาลที่ได้กระทำกัน ซึ่งหลังจากที่ดิฉันหมดหน้าที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีการโยกย้ายข้าราชการอย่างมากมายแต่กลับไม่มีความผิดเพราะมีมาตรา 44 คุ้มครอง และคดีนี้มาจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 57 เพื่อให้ดิฉันพ้นจากหน้าที่ความเป็นนายกรัฐมนตรี และวันรุ่งขึ้น 8 พ.ค. 57 ป.ป.ช. ก็ชี้มูลเรื่องคดีจำนำข้าวโดยเร่งรัด ต่อมาเดือนเดียวกัน วันที่ 22 พ.ค. 57 ได้มีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้นจนทำให้เกิดปัญหามาจนถึงทุกวันนี้ ที่ประชาชนต้องเรียกหาความยุติธรรมและประชาธิปไตย ไม่จบสิ้น
ส่วนเรื่องจัดทำโครงการโรดโชว์สร้างอนาคตไทย สืบเนื่องจากรัฐบาลของดิฉันเสนอนโยบายสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง และโครงสร้างพื้นฐานอีกหลายเรื่องโดยการออกร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงการพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ..... หรือที่เรียกว่า ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านเป็นโครงการที่ทำให้เกิดการรับรู้และรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง ไม่มีเรื่องทุจริตประพฤติมิชอบใด ๆ ต่อมารัฐบาลชุดปัจจุบันก็นำโครงการนี้มาดำเนินการต่อ และวันนี้รัฐบาลปัจจุบันก็จำเป็นต้องออกนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน ซึ่งมากกว่ารัฐบาลดิฉันโดยปราศจากการท้วงติงหรือการตรวจสอบจาก ป.ป.ช."
ก่อนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะสรุปความว่า "ทุกวันนี้ดิฉันใช้ชีวิตอย่างเงียบ ๆ ในต่างประเทศอย่างปุถุชนคนทั่วไป แต่ยังต้องมาถูกกล่าวหาในทางอาญา 2 เรื่อง ติดต่อกันในเวลาไม่ถึง 1 เดือนอีก เพื่อให้มีการพิจารณาคดีลับหลังดิฉัน ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองในวันนี้ช่างสอดคล้องหรือเหมือนกับความโชคร้ายในชีวิตของดิฉัน ที่โหยหาความยุติธรรมว่าเมื่อไหร่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองอันเป็นที่รักของดิฉันเช่นกันเสียที
ทั้งนี้การโพสต์ประเด็นทางการเมือง ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้สอดรับกับสิ่งที่เจ้าตัวพูดถึง อย่างกรณีเมื่อครั้งถูกยึดทรัพย์จากการกระทำความผิดในโครงการรับจำนำข้าว ก็ออกมากล่าวหาว่าเป็นผลการใช้อำนาจของคสช. ทั้ง ๆ ที่ผลทั้งหมดมาจากคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ประเด็นสำคัญไม่มีการพูดถึง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ และ นายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ ที่ถูกคำพิพากษาจำคุกรวม 48 ปี และ 36 ปีตามลำดับ ทั้ง ๆ ที่บุคคลทั้ง 2 ราย รับผิดชอบดำเนินโครงการรับจำนำข้าว ตามนโยบายที่ได้รับมอบหมาย และแนวคิดต้นเรื่องจาก นายทักษิณ ชินวัตร
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : ปู ยิ่งลักษณ์ โอดครวญหนัก โดนไล่ยึดทรัพย์ ขายทอดตลาด แต่ไม่พูดสักแอะ ถึง บุญทรง-ภูมิ รับกรรม(แทน) ติดคุกรวม 90 ปี )
ขณะที่อีกจุดสำคัญถ้าพิจารณาถึงข้อมูลด้านคดีที่เกี่ยวข้องกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พบว่านอกเหนือจากคดีความผิดที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษาให้จำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเวลา 5 ปี ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งโดยทุจริตเอื้อประโยชน์ให้แก่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ กับพวก แสวงหาผลประโยชน์จากโครงการรับจำนำข้าว และ 2 คำร้องที่ ปปช.ชี้มูลผิด จากการดำเนินโครงการโรดโชว์ สร้างอนาคตไทย Thailand 2020 มูลค่า 240 ล้านบาท โดยมิชอบ และ การชี้มูลผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกับพวก ใช้อำนาจโอน นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำโดยมิชอบ
ในทางตรงข้ามสำนวนคดีในชั้่นการพิจารณาของ ปปช. โดยข้อเท็จจริงก็มีจำนวนไม่น้อยที่มีการยกคำร้อง แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ เลือกไม่นำมาพูดถึงในแง่ของความเป็นธรรมที่ได้รับ อาทิ 1.คำร้องการกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ในการออกหนังสือเดินทางให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมิชอบ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาร่วมกับ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
แต่สุดท้ายคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 157 เฉพาะ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ กรณีออกหนังสือเดินทางให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ๆ เนื่องขัดต่อระเบียบข้อบังคับกระทรวงการต่างประเทศ ว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 ข้อ 21 (2) (3) และ (4) จนในที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายืนให้ลงโทษจำคุกนายสุรพงษ์ 2 ปี ปรับ 1 แสนบาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี เนื่องจากจำเลยป่วย
หรือ 2.การยุติการสอบสวนคำร้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีอนุญาตให้สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) เผยแพร่ภาพและเสียงรายการ “มวยไทยวอริเออร์ส” จัดที่เขตปกครองพิเศษมาเก๊า โดยมีเจตนาเผยแพร่ภาพการกล่าวเปิดงานของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีเนื้อหาบางส่วนมีลักษณะที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
3.การยกคำร้องข้อกล่าวหา การมีคำสั่งให้สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ให้ตัวเองและรัฐมนตรี , 4.การตีตกข้อกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ร่วมกับคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ กับพวก กรณีลงมติเห็นชอบ พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อวางระบบริหารจัดการน้ำวงเงิน 3.5 แสนล้านบาท โดยมิชอบ , 5.การยกคำร้องให้พิจารณาถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ในการกำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดทำข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง ราคากลาง ในระบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ประชาชนเข้าไปตรวจสอบได้
6.การสรุปมติตีตกข้อกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับคณะรัฐมนตรี รวม 12 ราย กรณีออกประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2556 วันที่ 9 ต.ค. 2556 และวันที่ 18 ต.ค. 2556 ตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2553 ที่ควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมช่วงม็อบ กปปส. 7. การตีตกข้อกล่าวหา กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับ คณะรัฐมนตรีรวม 35 คน ร่วมกันมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... (พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท) และเสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 มาตรา 169 และมาตรา 170 เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
8.การยกคำรร้องเรียน กรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีการจ่ายเงินเรื่องการชดเชยให้กับเกษตรกรผู้ทำสวนยางพาราโดยมิชอบ เนื่องจากไม่เข้าเหตุการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 9.การยกคำร้องคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปล่อยเงินกู้ 30 ล้านบาท ให้กับบริษัทของคู่สมรส ด้วยเหตุผลว่าไม่เข้าข่ายการแจ้งทรัพย์สินอันเป็นเท็จ และพบว่ามีหลักฐานการชำระดอกเบี้ยเงินกู้จริง เป็นต้น