เปิดข้อเท็จจริงอีกด้าน ยิ่งลักษณ์โอดโดนปปช.เร่งคดี  แต่ไม่เคยพูดถึง 9 คดีตีตก ยกคำร้อง

สืบเนื่องจากการที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดย นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ได้แถลง ผลสอบข้อกล่าวหาบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดงาน Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020 มูลค่า 240 ล้านบาท โดยมิชอบ พร้อมสรุปชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี , นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกรัฐมนตรี

สืบเนื่องจากการที่  คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  โดย นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.    ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช.  ได้แถลง ผลสอบข้อกล่าวหาบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดงาน  Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020  มูลค่า  240  ล้านบาท  โดยมิชอบ  พร้อมสรุปชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  ,  นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกรัฐมนตรี  

 

เปิดข้อเท็จจริงอีกด้าน ยิ่งลักษณ์โอดโดนปปช.เร่งคดี  แต่ไม่เคยพูดถึง 9 คดีตีตก ยกคำร้อง


(คลิกอ่านข่าวประกอบ :   ปปช.แถลงฟันผิดอาญา ยิ่งลักษณ์ สุรนันทน์ นิวัฒน์ธำรง ร่วม 2 สื่อยักษ์ ฮั้วจัดอีเว้นต์ ใช้งบฯ 240 ล้าน )  

ต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี   ได้โพสต์ถึงกรณีดังกล่าว  ความตอนหนึ่งว่า  "ดิฉันได้เห็นข่าวที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดเรื่องดำเนินการจัดนิทรรศการ การสัมมนา และการโฆษณาประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ “โครงการ Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020” วงเงิน 240 ล้านบาท โดยมิชอบนั้น 

 

เปิดข้อเท็จจริงอีกด้าน ยิ่งลักษณ์โอดโดนปปช.เร่งคดี  แต่ไม่เคยพูดถึง 9 คดีตีตก ยกคำร้อง

 

ทำให้ดิฉันเกิดความสงสัยและขอตั้งข้อสังเกตกับ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า มีความขยันในการเร่งรัดคดีดิฉัน ฝ่ายเดียว เพราะภายในเดือนนี้เดือนเดียว ป.ป.ช. ก็มีการชี้มูลความผิดกับดิฉัน ถึง 2 คดีติด ๆ กัน โดยวันที่ 1 ก.ค. 2563 ชี้มูลเรื่องการใช้อำนาจโอน นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำโดยมิชอบ และเมื่อวานที่ผ่านมาก็ถูกชี้มูลในคดีนี้อีก ซึ่งผิดกับคดีที่ฝ่ายรัฐบาลปัจจุบันถูกร้อง และขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ ดูเหมือน ป.ป.ช. จะให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลปัจจุบันมากเป็นพิเศษในหลายคดี ทั้ง ๆ ที่เป็นคดีที่สังคมเกิดข้อกังขาและตั้งข้อสงสัยมากมายกับการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.และผลการพิจารณาหลายคดี ก็ค้านกับความรู้สึกของประชาชน

 

 

วันนี้แทนที่ ป.ป.ช. จะให้ความสำคัญกับการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณและการใช้จ่ายเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนทั้งจากปัญหาทางเศรษฐกิจ ปากท้อง และปัญหาโควิด-19 ที่รอการแก้ไข แต่กลับมาเร่งรัด เร่งรีบ กับคดีของฝ่ายที่เห็นต่างและคิดว่าอยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล

 


"กรณีการย้ายนายถวิล ดิฉันมิได้เจตนาที่จะกลั่นแกล้งผู้หนึ่งผู้ใด เพราะการที่คณะรัฐมนตรีหรือรัฐบาลหนึ่งรัฐบาลใดใช้อำนาจโยกย้ายข้าราชการโดยเฉพาะผู้ปฏิบัติหน้าที่งานด้านความมั่นคงซึ่งต้องเป็นที่เชื่อถือและไว้วางใจของรัฐบาลทุกรัฐบาลที่ได้กระทำกัน ซึ่งหลังจากที่ดิฉันหมดหน้าที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีการโยกย้ายข้าราชการอย่างมากมายแต่กลับไม่มีความผิดเพราะมีมาตรา 44 คุ้มครอง และคดีนี้มาจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 57 เพื่อให้ดิฉันพ้นจากหน้าที่ความเป็นนายกรัฐมนตรี และวันรุ่งขึ้น 8 พ.ค. 57 ป.ป.ช. ก็ชี้มูลเรื่องคดีจำนำข้าวโดยเร่งรัด ต่อมาเดือนเดียวกัน วันที่ 22 พ.ค. 57 ได้มีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้นจนทำให้เกิดปัญหามาจนถึงทุกวันนี้ ที่ประชาชนต้องเรียกหาความยุติธรรมและประชาธิปไตย ไม่จบสิ้น

 


ส่วนเรื่องจัดทำโครงการโรดโชว์สร้างอนาคตไทย สืบเนื่องจากรัฐบาลของดิฉันเสนอนโยบายสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง และโครงสร้างพื้นฐานอีกหลายเรื่องโดยการออกร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงการพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ..... หรือที่เรียกว่า ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านเป็นโครงการที่ทำให้เกิดการรับรู้และรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง ไม่มีเรื่องทุจริตประพฤติมิชอบใด ๆ ต่อมารัฐบาลชุดปัจจุบันก็นำโครงการนี้มาดำเนินการต่อ และวันนี้รัฐบาลปัจจุบันก็จำเป็นต้องออกนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน ซึ่งมากกว่ารัฐบาลดิฉันโดยปราศจากการท้วงติงหรือการตรวจสอบจาก ป.ป.ช."

 

เปิดข้อเท็จจริงอีกด้าน ยิ่งลักษณ์โอดโดนปปช.เร่งคดี  แต่ไม่เคยพูดถึง 9 คดีตีตก ยกคำร้อง

ก่อนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์  จะสรุปความว่า  "ทุกวันนี้ดิฉันใช้ชีวิตอย่างเงียบ ๆ ในต่างประเทศอย่างปุถุชนคนทั่วไป แต่ยังต้องมาถูกกล่าวหาในทางอาญา 2 เรื่อง ติดต่อกันในเวลาไม่ถึง 1 เดือนอีก เพื่อให้มีการพิจารณาคดีลับหลังดิฉัน  ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองในวันนี้ช่างสอดคล้องหรือเหมือนกับความโชคร้ายในชีวิตของดิฉัน ที่โหยหาความยุติธรรมว่าเมื่อไหร่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองอันเป็นที่รักของดิฉันเช่นกันเสียที

 

เปิดข้อเท็จจริงอีกด้าน ยิ่งลักษณ์โอดโดนปปช.เร่งคดี  แต่ไม่เคยพูดถึง 9 คดีตีตก ยกคำร้อง

 


ทั้งนี้การโพสต์ประเด็นทางการเมือง ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์   ไม่ได้สอดรับกับสิ่งที่เจ้าตัวพูดถึง  อย่างกรณีเมื่อครั้งถูกยึดทรัพย์จากการกระทำความผิดในโครงการรับจำนำข้าว  ก็ออกมากล่าวหาว่าเป็นผลการใช้อำนาจของคสช.  ทั้ง ๆ ที่ผลทั้งหมดมาจากคำพิพากษาศาลฎีกาฯ   ประเด็นสำคัญไม่มีการพูดถึง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์   อดีตรมว.พาณิชย์  และ นายภูมิ สาระผล  รมช.พาณิชย์   ที่ถูกคำพิพากษาจำคุกรวม  48  ปี และ  36  ปีตามลำดับ  ทั้ง ๆ ที่บุคคลทั้ง 2 ราย รับผิดชอบดำเนินโครงการรับจำนำข้าว ตามนโยบายที่ได้รับมอบหมาย และแนวคิดต้นเรื่องจาก นายทักษิณ ชินวัตร  

 

เปิดข้อเท็จจริงอีกด้าน ยิ่งลักษณ์โอดโดนปปช.เร่งคดี  แต่ไม่เคยพูดถึง 9 คดีตีตก ยกคำร้อง


(คลิกอ่านข่าวประกอบ :  ปู ยิ่งลักษณ์ โอดครวญหนัก โดนไล่ยึดทรัพย์ ขายทอดตลาด แต่ไม่พูดสักแอะ ถึง บุญทรง-ภูมิ รับกรรม(แทน) ติดคุกรวม 90 ปี )


ขณะที่อีกจุดสำคัญถ้าพิจารณาถึงข้อมูลด้านคดีที่เกี่ยวข้องกับ  น.ส.ยิ่งลักษณ์  พบว่านอกเหนือจากคดีความผิดที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง   ได้พิพากษาให้จำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเวลา 5 ปี ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งโดยทุจริตเอื้อประโยชน์ให้แก่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ กับพวก แสวงหาผลประโยชน์จากโครงการรับจำนำข้าว   และ 2 คำร้องที่ ปปช.ชี้มูลผิด  จากการดำเนินโครงการโรดโชว์  สร้างอนาคตไทย Thailand 2020 มูลค่า 240  ล้านบาท โดยมิชอบ  และ การชี้มูลผิด  น.ส.ยิ่งลักษณ์   เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกับพวก ใช้อำนาจโอน นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำโดยมิชอบ​


ในทางตรงข้ามสำนวนคดีในชั้่นการพิจารณาของ ปปช.  โดยข้อเท็จจริงก็มีจำนวนไม่น้อยที่มีการยกคำร้อง  แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์  เลือกไม่นำมาพูดถึงในแง่ของความเป็นธรรมที่ได้รับ  อาทิ  1.คำร้องการกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่  ในการออกหนังสือเดินทางให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมิชอบ  ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาร่วมกับ  นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ


แต่สุดท้ายคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 157  เฉพาะ  นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ   กรณีออกหนังสือเดินทางให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ๆ เนื่องขัดต่อระเบียบข้อบังคับกระทรวงการต่างประเทศ ว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 ข้อ 21 (2) (3) และ (4)   จนในที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง    พิพากษายืนให้ลงโทษจำคุกนายสุรพงษ์ 2 ปี ปรับ 1 แสนบาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี เนื่องจากจำเลยป่วย


หรือ 2.การยุติการสอบสวนคำร้อง  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี   ถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ   กรณีอนุญาตให้สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) เผยแพร่ภาพและเสียงรายการ “มวยไทยวอริเออร์ส” จัดที่เขตปกครองพิเศษมาเก๊า   โดยมีเจตนาเผยแพร่ภาพการกล่าวเปิดงานของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีเนื้อหาบางส่วนมีลักษณะที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน 

 
3.การยกคำร้องข้อกล่าวหา การมีคำสั่งให้สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ให้ตัวเองและรัฐมนตรี  ,  4.การตีตกข้อกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์  ร่วมกับคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ กับพวก  กรณีลงมติเห็นชอบ พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อวางระบบริหารจัดการน้ำวงเงิน  3.5  แสนล้านบาท  โดยมิชอบ  ,     5.การยกคำร้องให้พิจารณาถอดถอน   น.ส.ยิ่งลักษณ์    กรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ปฏิบัติตาม   พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต  พ.ศ. 2542 ในการกำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดทำข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง ราคากลาง ในระบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ประชาชนเข้าไปตรวจสอบได้ 


6.การสรุปมติตีตกข้อกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์   เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับคณะรัฐมนตรี รวม 12 ราย กรณีออกประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2556 วันที่ 9 ต.ค. 2556 และวันที่ 18 ต.ค. 2556 ตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2553 ที่ควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมช่วงม็อบ กปปส.  7. การตีตกข้อกล่าวหา  กรณี  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี  กับ คณะรัฐมนตรีรวม 35 คน   ร่วมกันมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... (พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท)    และเสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 มาตรา 169 และมาตรา 170 เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 


8.การยกคำรร้องเรียน กรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์  มีการจ่ายเงินเรื่องการชดเชยให้กับเกษตรกรผู้ทำสวนยางพาราโดยมิชอบ  เนื่องจากไม่เข้าเหตุการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542   9.การยกคำร้องคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปล่อยเงินกู้ 30 ล้านบาท ให้กับบริษัทของคู่สมรส  ด้วยเหตุผลว่าไม่เข้าข่ายการแจ้งทรัพย์สินอันเป็นเท็จ และพบว่ามีหลักฐานการชำระดอกเบี้ยเงินกู้จริง   เป็นต้น
 

 

เปิดข้อเท็จจริงอีกด้าน ยิ่งลักษณ์โอดโดนปปช.เร่งคดี  แต่ไม่เคยพูดถึง 9 คดีตีตก ยกคำร้อง