- 20 ก.ย. 2563
สืบเนื่องจากการกรณีการชุมนุมของกลุ่ม “ธรรมศาสตร์และการชุมนุม” โดยใช้ชื่อการชุมนุมว่า “19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร” ได้เตรียมพื้นที่บริเวณท้องสนามหลวง เพื่อปักหมุดคณะราษฎร หมุดที่ 2 โดย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้ขึ้นประกาศบนเวที แด่ดวงวิญญาณวีรชนประชาธิปไตยทุกท่าน ร่วมต่อสู้กับเรา
สืบเนื่องจากการกรณีการชุมนุมของกลุ่ม “ธรรมศาสตร์และการชุมนุม” โดยใช้ชื่อการชุมนุมว่า “19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร” ได้เตรียมพื้นที่บริเวณท้องสนามหลวง เพื่อปักหมุดคณะราษฎร หมุดที่ 2 โดย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้ขึ้นประกาศบนเวที แด่ดวงวิญญาณวีรชนประชาธิปไตยทุกท่าน ร่วมต่อสู้กับเรา
จากนั้นได้มีตัวแทนเป็นเด็กนักเรียนชาย ชั้นมัธยมศึกษา อัญเชิญหมุดลงจากเวที และร่วมกับแกนนำเริ่มพิธีปักหมุดลงพื้นปูน โดยมีผู้แต่งตัวคล้ายพราหมณ์ ร่วมทำพิธีกรรม พร้อมให้กล่าวคำสาปแช่งพร้อมกัน ว่า หากใครถอนหมุดนี้ ขอให้พบแต่ความวิบัติฉิบหาย เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ต่อด้วยตัวแทนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดย นายพริษฐ์ อ่านประกาศคณะราษฎร 2563 ฉบับที่ 1 ย้ำถึงข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
ล่าสุด พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมธรรมศาสตร์ ประกาศยุติการชุมนุม โดยระบุถึงกรณีที่ พลตำรวจโทภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นตัวแทนรับหนังสือเปิดผนึกจาก น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง หนึ่งในการนำกลุ่มผู้ชุมนุม ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ ไม่ใช่รับหนังสือในฐานะตัวแทนองคมนตรีแต่อย่างใด
ส่วนการจราจรที่เจ้าหน้าที่นำแท่งแบริเออร์ รวมถึงรั้วลวดหนามมาปิดกั้นการจราจรโดยรอบพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล / พื้นที่พระราชวังดุสิต / และเขตพระราชฐานพิเศษ 902 รวมทั้งสิ้น 14 จุด นั้น จะเปิดเส้นทางให้ใช้ได้ตามปกติในช่วงเย็นวันนี้หลังกลุ่มผู้ชุมนุมทยอยกลับบ้าน
ขณะที่กรณีกลุ่มผู้ชุมนุมเจาะพื้นผิวสนามหลวง เช้าวันนี้ เพื่อปักหมุดคณะราษฎร์ พลตำรวจตรีปิยะ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของฝ่ายกฎหมาย 2 หน่วย คือ กรุงเทพมหานคร ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลพื้นที่สนามหลวง และ กระทรวงศึกษาธิการ รับผิดชอบโบราณสถาน หากเข้าข่ายความผิดชัดเจน ตัวแทนทั้ง 2 หน่วยงานจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีตามขั้นตอน โดยความผิดดังกล่าวจะมีโทษตามมาตรา 32 ข้อหาทำให้โบราณสถานเสียหาย เสื่อมค่า ไร้ประโยชน์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ในส่วนแนะนำกลุ่มผู้ชุมนุมขึ้นเวทีปราศรัย โดยมีถ้อยคำและเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เมื่อคืนที่ผ่านมา พลตำรวจตรีปิยะ กล่าวว่า ขณะนี้ พลตำรวจตรีสุคุณ พรหมายน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับพนักงานสอบสวนอีกกว่า 40 คนได้บันทึกภาพหลักฐานและเสียง ตั้งแต่เริ่มการชุมนุม และการปราศรัย ตลอดจนการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อนำข้อมูลมาพิจารณาร่วมกับฝ่ายกฎหมาย เพื่อดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา ถ้าจะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 112 หรือไม่ อยู่ระหว่างการพิจารณา
ทั้งนี้ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์วันที่ 19-20 กันยายน มีความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน ช่วงแรก คือ ออกจากม.ธรรมศาสตร์ เข้าสู่สนามหลวง การชุมนุมโดยไม่แจ้งให้ตำรวจทราบ ถือว่าเป็นการชุมนุมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนที่สอง เมื่อเข้าไปในสนามหลวงแล้ว แต่อยู่จนกระทั่งล่วงเลยการเปิดให้บริการ และความผิดส่วนที่สาม การปักหมุด ซึ่งถือเป็นส่วนเกิน และไม่ใช่สิ่งที่พึงมีในท้องสนามหลวง ซึ่งการกระทำผิดทั้งหมดตำรวจได้บันทึกภาพและเสียงไว้พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอน