- 02 ต.ค. 2563
กลายเป็นหนึ่งประเด็นที่มีการพูดถึงกันอย่างมากในโลกโซเชียล ภายหลังการนำเสนอข้อเท็จจริงอีกด้าน โดย ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง เกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่าประเทศไทยกำลังเผชิญภาวะวิกฤตเกี่ยวกับอุตสาหกรรมภาพยนต์ เนื่องจากมีการย้ายสถานที่ถ่ายทำจากประเทศไทยไปประเทศเพื่อนบ้าน
กลายเป็นหนึ่งประเด็นที่มีการพูดถึงกันอย่างมากในโลกโซเชียล ภายหลังการนำเสนอข้อเท็จจริงอีกด้าน โดย ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง เกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่าประเทศไทยกำลังเผชิญภาวะวิกฤตเกี่ยวกับอุตสาหกรรมภาพยนต์ เนื่องจากมีการย้ายสถานที่ถ่ายทำจากประเทศไทยไปประเทศเพื่อนบ้านมใ
โดยโพสต์ที่มีการนำเสนอก่อนหน้าของ ดร.กิตติธัช ระบุใจความสำคัญว่า "ที่เวียดนามและมาเลเซีย?" จับพิรุธการสร้างข่าวโยนกันไปมา โดยไม่มีข้อมูลอ้างอิงใดๆ ซึ่งขัดแย้งกับข้อเท็จจริงจาก นักแสดง ผู้กำกับ และองค์กรถ่ายทำภาพยนต์ระดับนานาชาติ เป็นเรื่องดราม่ากับกรณีเพจ "ขอบสหนัง" เล่นข่าว "สื่อตีข่าว ไทยอาจสูญเสียโลเคชั่นถ่ายหนังกับหนังจากต่างประเทศหลายๆเรื่อง ให้กับเวียดนาม และมาเลเซีย เนื่องจากระบบราชการของไทยยุ่งยากเกินไป" (ซึ่งปัจจุบันมีคนไลค์ไปกว่า 1.2 หมื่นและแชร์ไปกว่า 2 พันครั้ง)
https://www.facebook.com/.../a.17982313.../2884928355070770/ (ปัจจุบันพบว่าหน้าเพจนี้ได้ถูกลบไปแล้ว)
บทความ(โดยคนไทย)ไม่มีหลักฐานประกอบ
แต่เมื่อมาดูในรายละเอียดที่มาของข่าวจะพบว่า ขอบสหนัง อ้างบทความของนักเขียนคนไทยคนหนึ่งชื่อ "Cod Satrusayang" ที่เขียนไว้วันที่ 30 กันยายน 2563 ในเว็บ ThaiEnquirer
https://www.thaienquirer.com/.../thailand-missing-its.../
ทุกประโยคเป็นการเขียนบนพื้นฐานของ "ความเห็นส่วนตัว" โดยไม่มีข้อมูลเชิงประจักษ์ หรือข้อมูลเชิงสถิติใดๆ มาอ้างอิงประกอบให้เชื่อได้ว่า การถ่ายภาพยนต์ต่างประเทศกำลังจะย้ายฐานไปยัง มาเลเซียและเวียดนามตามที่อ้าง แม้แต่นิดเดียว!!!
(อีกอย่างช่วงปีนี้และปีหน้า ยังไม่ต่างชาติก็ติดโควิด มาถ่ายทั้งไทย เวียดนาม และมาเลเซียไม่ได้อยู่แล้ว)
จนเริ่มมีคนเข้าไปตั้งคำถามว่า ตกลงที่เขียนลงเวปแล้วมีเพจนำไปทำประเด็นข่าว มีข้อมูลอ้างอิงหรือไม่ หรือว่าคิดจะเขียนอะไรขึ้นมาเองก็ได้ตามใจชอบ ?
----------------------
รีวิวจากนักแสดง/กองถ่าย และองค์กรระดับนานาชาติ
----------------------
หากอยากจะอ้างอิงความเห็นหรือประสบการณ์ อย่างน้อยก็ควรอ้างอิงจาก Online Resource ของวงการถ่ายทำภาพยนต์ระดับโลก เช่น ของ Kemps Film and TV Production Services Handbook จากอังกฤษซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1956
https://www.kftv.com/about-us
KFTV ได้เขียนรวบรวมรีวิวของนักแสดง ผู้กำกับและกองถ่ายระดับโลกที่มาถ่ายทำในไทยไว้เดือนกรกฎาคม 2562 โดยส่วนใหญ่บอกว่ามาไทย "ขออนุญาตง่าย" และ "เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและเป็นมิตรดี" รวมถึงรัฐบาลไทยมีแรงจูงใจจากส่วนลดสนับสนุนถึง 20% ด้วย
https://www.kftv.com/news/2019/07/31/filming-in-thailand
- Chris Hemsworth (คนที่เล่นเป็น Thor ใน Avenger) ระบุว่า "สถานที่สวยงาม และ อาหารอร่อย"
- Anthony และ Joe Russo ผู้กำกับ Avenger พูดถึงไทยว่า "เป็นประเทศที่มีสถานที่ถ่ายทำอันหลากหลาย และบรรดาทีมงานท้องถิ่นก็เป็นที่น่าพึงพอใจในการร่วมงานด้วย"
- Mary Barltrop ผู้จัดการด้านสถานที่ของ Dhaka ซึ่งถ่ายทำเรื่อง X-Men, Superman Returns and Alien Covenant, Hacksaw Ridge, Balibo ระบุว่า
"ประสบการณ์ถ่ายหนังที่ประเทศไทย ไม่เป็นสองรองใคร ฉันทำงานใกล้ชิดกับบริษัทจัดการถ่ายทำภาพยนต์ สมาชิกทีมงานชาวไทยทุกคนทำงานอย่างรวดเร็วและทำงานหนัก เจ้าหน้าที่ชาวไทยก็มีความเป็นมิตรกับการถ่ายทำภาพยนต์อย่างมาก"
- KFTV ยังรีวิวต่อว่า นอกจากการมีสถานที่ถ่ายทำที่หลากหลาย นโยบายของภาครัฐที่สร้างแรงจูงใจโดยมีส่วนลดให้ถึง 20% ได้จูงใจภาพยนต์ต่างชาติให้มาถ่ายในไทยจำนวนมาก
โดยในปีช่วงต้นปี 2019 ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในถ่ายทำถึง 410 กองถ่าย ซึ่งทาง Netflix ได้เห็นศักยภาพดังกล่าวและได้เข้ามาลงทุนกับผู้กำกับชาวไทยเพื่อผลิตหนังจากประเทศไทย
- ด้าน Johnson ผู้ช่วยผู้กำกับของ Ron Fricke ผู้กำกับดังจากเรื่อง Koyaanisqatsi และ Baraka ซึ่งเคยเป็นทีมงานถ่ายทำ Starwar Episode III ระบุว่า "การขออนุญาตง่ายมาก ตราบใดที่คุณไม่ไปทำร้ายชื่อเสียงประเทศหรือดูหมิ่นศาสนาในไทย"
- Mary Barltrop คนเดิมระบุว่า "การถ่ายทำหนังเรื่อง Dhaka ซึ่งถ่ายทำเสร็จในสี่สัปดาห์ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราก็ทำมันสำเร็จ ทั้งนี้ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทย เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และประชาชน/ชาวบ้านในท้องถิ่น"
โดยการขออนุญาตยื่นเอกสารแค่ 6 อย่าง
และใช้เวลา 3 วันทำการในการพิจารณา!!!
-----------------------
ข้อมูลจากกระทรวงท่องเที่ยว
-----------------------
ทั้งนี้หากอยากทราบขั้นตอนการขออนุญาต ถ่ายทำภาพยนต์ต่างประเทศ สามารถเข้าไปดูได้จากเวปของกระทรวงการท่องเที่ยวนะครับ
เขาทำภาพ infographic ง่ายๆ มาให้ดูตั้งแต่ขั้นตอนขออนุญาต จนถึงการเข้าร่วมมาตรการ "คืนเงิน" เพื่อรับการอุดหนุนให้มาถ่ายหนังในไทยด้วย (คืนได้ 15-20%)
ส่วนเอกสารขออนุญาตก็อยู่ในนี้หมดแล้ว
http://www.thailandfilmoffice.go.th/ewt_news.php?nid=718...
-----------------------
หมายเหตุ: ก็พอจะเข้าใจว่าคุณ Cod Satrusayang และเวป ThaiEnquirer เกลียดรัฐบาลหรือแม้แต่ประธานสภาอย่างคุณชวน หลีกภัยมาก (ดูจากข้อความและบทความรวมถึงแฮชแทคใน Twitter)
https://twitter.com/fishmyman
แต่ในฐานะสื่อ การจะอ้างอะไรแบบนี้ ก็ควรมีข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ หรือข้อมูลประกอบด้วย ไม่ใช่พูดลอยๆ ขึ้นมาเอง
ไม่เช่นนั้น มันจะเป็นเหมือนการดูถูกสติปัญญาของประชาชนที่เสพสื่อในเครือข่ายของพวกคุณ ว่าพร้อมจะเชื่ออะไรก็ได้ที่พวกคุณเขียนขึ้น โดยไม่มีข้อมูลหรือสถิติใดๆ ประกอบคำอ้างเหล่านั้น
ต่อมา นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์ข้อมูลเพิ่มเติมว่า "เดี๋ยวนี้มีขบวนการแปลกๆที่ทำทุกอย่างเพื่อ discredit ประเทศตัวเอง ตัวอย่างเพจเกี่ยวกับภาพยนตร์อันนึงที่เขียนบทความว่าไทย กำลังสูญเสียการเป็นโลเคชั่นในการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศให้กับ มาเลเซียและเวียดนาม เนื่องจากระบบราชการที่ล้าสมัยและเป็นอุปสรรค !!??
ในฐานะที่ผมเองตอนนี้เป็นประธานคณะอนุกก.พิจารณาการขอถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย (Film Board) คณะที่ 2 ต้องขอเรียนชี้แจงว่า บทความที่เพจหนังเขียนนั้นเป็นข้อมูลที่มั่วมาก ไม่มีหลักฐานอะไรอ้างอิงเลย ผมขอสรุปเป็นข้อๆ ดังนี้นะครับ
1.ปัจจุบันรัฐบาลไทยให้ incentive แก่คณะถ่ายหนังต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในไทย ถ้างบเกิน 50 ล้าน
จะได้ เงินคืน cash rebate 15% เป็นหลัก ยังไม่พอจะคืนให้อีก
+3 % หากมีการจ้างงานคนไทยในตำแหน่งที่กำหนด และยังมีเพิ่มให้อีก +2 % หากประชาสัมพันธ์สถานที่ถ่ายทำ สถานที่ท่องเที่ยว วัฒนธรรมของไทย
2.ปีที่แล้ว 62 มีหนังประเภทต่างๆเข้ามาถ่ายทำในไทยเกือบ 800 เรื่อง ทำรายได้เข้าประเทศ เกือบ 5,000 ล้านบาท ! แต่พอมาปีนี้เนื่องจากสถานการณ์โควิดระบาดทั่วโลก เลยทำให้การเข้ามาถ่ายทำหยุดชะงักทั่วโลก ย้ำ ทั่วโลก ! ไม่เว้นแม้แต่มาเลเซียและเวียดนาม
3.แต่ถึงกระนั้นก็ตามขนาดคนอื่นเขาฟุบ แต่ก็ยังมีกองถ่ายหนังโฆษณาจากหลายประเทศก็ยังเดินหน้าถ่ายทำในประเทศไทย โดยใช้วิธีจ้างทีมงานไทยทำให้ โดยทางฝ่ายต่างประเทศใช้วิธี Live สด ควบคุมจากต่างประเทศ
4.การขออนุญาตถ่ายทำใช้เวลาเร็วมากประมาณ 3 วันทำการ ยื่นเรื่องแล้วเข้าที่ประชุมคณะกก.ที่มีประชุมทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์ เพื่ออนุมัติแล้วถ่ายทำได้เลย ขอยืนยันว่า Film Board ไทยเร็วกว่ามาเลเซียและเวียดนามแน่นอน อันนี้ผมได้สอบถามด้วยตัวเองกับ ทางกองถ่ายต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในไทย !
5.ทางมาเลเซียนั้นได้มีความพยายามที่จะแข่งกับไทยในเรื่องนี้ เริ่มตั้งแต่สมัยที่ถ่ายหนัง Anna and the King ซึ่งไทยไม่อนุมัติ (เคยเขียนอธิบายเบื้องหลังไปแล้ว ไปหาอ่านเอง ใน blockdit ผมก็เอาไปลงไว้) ทางมาเลเซียพยายามตั้ง Film Village เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว มี promotion อะไรต่างๆ แต่กองถ่ายก็เลือกมาไทยมากกว่า เคยถามกองถ่ายต่างๆว่าทำไม เขาบอกว่าระเบียบของมาเลเซียเอกสารซับซ้อนกว่า และเงื่อนไขที่สำคัญอีกอันคือ ทางกองถ่ายต้องหยุดให้คนงานมาเลเซียที่เป็นมุสลิมละหมาด ซึ่งที่ไทยไม่มี จึงทำให้การถ่ายทำในไทยราบรื่นกว่า
6.ส่วนที่เวียดนามนั้น ระบบยิ่งซับซ้อนกว่ามาเลเซียอีก ยิ่งถ้าเป็นหนังเกี่ยวกับสงครามเวียดนาม ต้องผ่านการพิจารณาเนื้อหาของคณะกก.พรรคคอมฯ ก่อน ดังนั้น หนังเกี่ยวกับสงครามเวียดนามจึงเข้ามาถ่ายทำในไทยเกือบทั้งหมด มีบางเรื่องไปถ่ายที่ฟิลิปปินส์แต่น้อยกว่าไทยมาก เมื่อปีที่แล้วมีหนังเกี่ยวกับสงครามเวียดนามเรื่องนึงแพลนไปถ่ายทำที่เวียดนาม ออกข่าวใหญ่โต ปรากฏว่าพอไปถึงเข้าจริงๆ เจอปัญหาสารพัด สุดท้ายเลยต้องขอถอนตัวจากเวียดนาม ขอมาถ่ายทำในไทยแทน สาเหตุนึงที่ผมทราบคือ หน่วยงานเวียดนามยังไม่เปิดใจกว้างพอกับหนังต่างประเทศ และที่สำคัญทีมงานเวียดนามขาด skill และประสบการณ์กับกองถ่ายต่างประเทศแบบเทียบกับไทยไม่ติด !
7.ผมเคยถาม Andrew Mcdonald ผอ.การสร้างหนัง The Beach ที่เคยเข้ามาถ่ายในไทยเมื่อ 20 กว่าปีมาแล้ว เขาบอกว่าสาเหตุที่เลือกไทยเพราะ infrastructure ไทยดีที่สุดในภูมิภาค โลเคชั่นดี ทีมงานไทย (local film crew) มีความชำนาญและประสบการณ์การทำงานกับ Hollywood มาแล้ว และที่สำคัญที่ผมยังจำได้ถึงบัดนี้คือ เขาบอกว่า ทีมงานไทยถ้ารู้จักสนิทสนมกันดีแล้ว จ้าง 100 แต่ทำให้เกิน 100 ในขณะที่บางประเทศ จ้าง 100 แต่ทำให้ 70-80 แค่นั้น ทั้งๆที่ประสบการณ์และความชำนาญเทียบทีมงานไทยไม่ได้เลย (เขาใช้คำว่าเป็นทีมงานประเทศอื่นนั้นเป็นพวก money talking ต้องใช้เงินเป็นตัวเดินงาน ! )
8.มีคนบอกผมว่าการที่เพจหนังนั้นเขียนโจมตีโดยไม่มีข้อมูลอะไรเลยนั้น เขาทำเป็นขบวนการคือ ปั่นข้อมูลเสี้ยม ข้อมูล fake เพื่อจุดประสงค์เดียวคือ discredit ประเทศไทยให้มากที่สุด !
9.ขนาดตอนนี้ทั่วโลกงอมกับสถานการณ์โควิด แต่เชื่อมั้ยครับว่าตอนนี้มีกองถ่ายหนังใหญ่ระดับหลายร้อยล้านบาทอีกประมาณ 4-5 เรื่อง จ่อคิวติดต่อขออนุญาตมาถ่ายทำในไทย โดยเขายอมทำตามมาตรการที่รัฐบาลไทยออกมาทุกอย่าง เช่น ต้องกักตัวทีมงานก่อน 14 วัน ต้องมีมาตรการทางด้านการแพทย์ระหว่างถ่ายทำ ฯลฯ เขาก็ยอมทำตาม ซึ่งอยากให้เพจหนังอันนั้นไปลองหาข้อมูลจากมาเลเซียและเวียดนาม เทียบกับไทย ช็อตต่อช็อตเลยว่า ของทั้ง 2 ประเทศนั้นมีการขอเข้าไปถ่ายทำแค่ไหน อย่าเพียงเขียนแบบ “มโน” แล้วโจมตีกันเองเลยครับ ลองไป search หาข้อมูลเถอะแล้วจะรู้เอง !!!
ล่าสุด ท่านทูตนริศโรจน์ โพสต์เพิ่มเติมว่า "อ้าว ลบไปแล้วเหรอ ? กำลังมันส์เชียว ! ทีหลังถ้าจะเขียนบทความทำนองนี้ออกมา จับเข่าคุยกันก่อนเพื่อให้ได้ข้อมูลจริงๆก็ได้นะ ผมพร้อมเสมอ ! "