- 12 ต.ค. 2563
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เปิดตัวทีมเศรษฐกิจ ปรารภประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ อย่าทำลายศักยภาพของเราเองด้วยเรื่องที่มันไม่ควรจะทำ ความเชื่อมั่นต่างๆมันหายไปแล้วจะทำอย่างไร จะเอาอะไรกลับคืนมา มันเอากลับมาไม่ได้แล้วถ้ามันเสียหายตอนนี้
ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้นำทีมรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ประกอบด้วย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและรมว.พลังงาน , นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง และ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
โดยพล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้นำนายอาคมเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณเรียบร้อยแล้ว ถือว่าเราได้นายอาคมมาเป็นรัฐมนตรีหน้าใหม่ในวันนี้ ตนจึงได้นำทีมเศรษฐกิจมาเพื่อสร้างความมั่นใจกับทุกท่าน ทั้งในส่วนสื่อสังคม ประชาชนโดยรวม ว่าเราจะทำงานอย่างเต็มที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ได้อย่างระมัดระวังที่สุด มาตรการต่างๆที่ทำไปจะครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจะแถลงรายละเอียดให้ทราบ
ทั้งนี้ที่ประชุมครม.ล่าสุดได้มีการอนุมัติหลายเรื่องทางด้านเศรษฐกิจ แต่เรื่องสำคัญที่อยากจะแจ้งให้ทุกคนทราบ ในภารกิจที่มุ่งเน้นอย่างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา นั่นคือการดูแลบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ช่วยคนไทยหลายสิบล้านคนให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้ และในส่วนของคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ก็ได้ทยอยเดินทางกลับมาจำนวนหลายแสนคนในขณะนี้ ตรงนี้เป็นการดำเนินการต่อเนื่อง ทั้งนี้สิ่งที่รัฐบาลประชุมในศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 (ศบศ.) ได้มีการปรับปรุงมาตรการบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตที่เกิดขึ้นทั่วโลก ปรับปรุงมาตรการต่างๆให้ดีขึ้น และมีมาตรการใหม่ๆออกมาเพิ่มเติม เราต้องทำหลายๆอย่าง หลายๆมาตรการไปพร้อมๆกัน
“เป้าหมายหลักคือการช่วยคนที่มีรายได้น้อยให้พอมีเงินใช้จ่าย และช่วยให้คนที่มีรายได้มาก คนที่มีเงิน แต่ไม่อยากใช้ได้ออกมาใช้เงินไปด้วย เพื่อดึงเงินเข้าหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีทั้งผู้ผลิต การแปรรูปตลาด ทุกคนต้องช่วยกัน อย่าไปรังเกียจรังงอนซึ่งกันและกัน ผมขอขอบคุณผ่านสื่อไปยังภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นสมาคมภาคธุรกิจต่างๆที่เข้าร่วมเวิร์คช้อปที่รัฐบาลหรือผมให้จัดตั้งขึ้น เพื่อนำเสนอความคิดเห็นให้ผมได้ทราบโดยตรงถึงความต้องการและปัญหาอุปสรรค ซึ่งในช่วงเดือนที่ผ่านมา หลายคนหลายภาคธุรกิจได้นำเสนอความคิดผ่านคณะกรรมการต่างๆ ถือว่ามีประโยชน์อย่างมากในการที่รัฐบาจะนำมาวิเคราะห์หาวิธีดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ได้โดยเร็ว แต่ต้องช่วยกันเพื่อให้ตรงจุดตรงความต้องการ เหมือนกับมาตรการที่ภาครัฐ เอกชน ร่วมกัน โดยรัฐบาลจะดูแลเรื่องภาษีอะไรอย่างไร กระทรวงการคลังจะชี้แจงเพิ่มเติมต่อไป”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่เราใช้คำว่ารวมไทยสร้างชาติใช่หรือไม่ ทุกคนที่เป็นคนไทย ตนย้ำทุกคนที่เป็นคนไทยเกิดในแผ่นดินไทย จะต้องจับมือร่วมกันทุกภาคส่วน ช่วยกันคิดช่วยกันทำเพื่อจะช่วยกันนำพาประเทศไทยของเราก้าวไปข้างหน้า วันนี้ 3 มาตรการสำคัญที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ โดยที่ประชุมครม.ได้อนุมัติแล้ว ได้แก่ 1.มาตรการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ประชาชน 14 ล้านคน คนละ 1,500 บาท ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการ 2.มาตรการคนละครึ่ง กระตุ้นค่าใช้จ่ายโดยประชาชนจ่ายครึ่งหนึ่งรัฐบาลช่วยออกอีกครึ่งหนึ่ง นี่คือผู้มีรายได้น้อย ร้านค้าปลีกแต่ต้องขึ้นทะเบียน จะเป็นการจ่ายเงินตรงด้วยระบบอีวอลเล็ท 3.มาตรการช้อปดีมีคืน ประชาชนสามารถนำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้า 30,000 บาท ไปลดภาษีได้ แต่ถ้าขอ 50,000 บาทคงไม่ไหว เอา 30,000 บาทไปละกัน อันนี้จะให้ช่วยกันซื้อสินค้าคงทน อันแรกเป็นการซื้อสินค้าทั่วๆไป ซึ่งจะเห็นได้ว่าจะมีมาตรการเฉพาะกลุ่มออกมา และจะทยอยออกมาเรื่อยๆ
โดยทั้ง 3 มาตรการดังกล่าว เป้าหมายเพื่อดึงเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เมื่อมีการใช้จ่าย มีการผลิต มีการจ้างงาน สามารถดำรงชีพอยู่ได้ แต่ถ้าดำรงชีพด้วยการใช้จ่ายที่ไม่เกิดประโยชน์มันก็คือปัญหา หนี้ครัวเรือนก็เกิด ช่วงนี้ต้องใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ขอฝากไว้ด้วย ทั้งนี้เพื่อให้คนซื้อมีเงินซื้อสินค้า ผู้บริการสินค้า ผู้ผลิตสามารถขายของได้ เกิดการซื้อขายกระจายเงินสร้างรายได้ทั้งระบบ ไม่ใช่ดูเฉพาะส่วนมันเป็นไปไม่ได้ รัฐบาลต้องมองทั้งระบบ
ฉะนั้นเราต้องทำหลายๆมาตรการไปพร้อมๆกัน และทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องคนไทยให้ไ ด้ ซึ่งวันนี้ตนได้ติดตามจากประเทศอียู ประเทศตะวันตก สหรัฐอเมริกา จีน และนำมาเปรียบเทียบของเรา ซึ่งมีหลายส่วนที่เหมือนกัน เพียงแต่เขาเป็นประเทศใหญ่เงินมากกว่าเรา ซึ่งของเราต้องให้เหมาะสมกับงบประมาณที่มีอยู่ โดยรองนายกฯ และรมว.คลังดูตรงนี้อยู่แล้ว
“วันนี้ทุกประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ หลายประเทศแย่กว่าเรา เรายังมีศักยภาพอยู่ ฉะนั้นอย่าทำลายศักยภาพของเราเองด้วยเรื่องที่มันไม่ควรจะทำ ความเชื่อมั่นต่างๆมันหายไปแล้วจะทำอย่างไร จะเอาอะไรกลับคืนมา มันเอากลับมาไม่ได้แล้วถ้ามันเสียหายตอนนี้ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงของการแข่งขัน เป็นช่วงของการแก้ปัญหาโควิด-19 เป็นช่วงการดำเนินการหลังโรคโควิด-19 ถ้าทำลายกันตอนนี้ถึงเวลาจะฟื้นกลับมาไม่ได้เลย เพราะเราจะไม่ทันเขาแน่นอน ขอฝากถึงพี่น้องประชาชนทุกคนด้วย ขอให้รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองให้มากที่สุด ช่วยกันเคารพกฎหมายเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับคนอื่นแค่นั้นเอง อันนี้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ดำเนินการอยู่แล้วผมคงไม่ต้องสั่งอะไรเพิ่มเติม โอเคนะครับ ขอบคุณครับมีอะไรให้ซักถามทีมเศรษฐกิจ”
ทั้งนี้การแถลงข่าวของนายกรัฐมนตรี ไม่ตอบคำถามสื่อในทุกประเด็นทั้งการเมืองและอื่นๆที่สื่อส่งตามปกติในวันประชุมครม. อีกทั้งไม่เปิดให้สื่อซักถามใดๆหลังการแถลงเสร็จ โดยนายกฯเดินออกจากโพเดี้ยมด้วยสีหน้าเคร่งครึมและทำมือส่งสัญญาณไม่ตอบ